ในยามวิกฤต....เราต้องมีสติอยู่เสมอในยามที่เกิดวิกฤต ผมอยากเล่าจากประสบการณ์ที่เกิดกับตัวเอง เมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้วแฟนผมป่วย เค้าก็เป็นกังวลว่าติดโควิทหรือเปล่า ณ โมเม้นนั้นผมเองก็ระแวง เพราะเค้าต้องเดินทางไปทำงานด้วย บีทีเอส ทุกวัน แต่ก็บอกไปว่าเธอดูแลตัวเองดีไม่น่าจะเป็นอะไรหรอก น่าจะเป็นหวัดเท่านั้นแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปหาหมอ...ในวันนั้นปกติเค้าจะมานอนใกล้ๆ แต่คืนนั้นเค้าออกไปนอนห่างๆผม เวลาไอก็จะหันไปอีกทางหนึ่ง ตลอดเวลาผมเห็นเค้ามีความระวังมาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร คิดไปต่างๆนาๆ ว่าถ้าเป็นจริงจะเกิดอะไรขึ้น ต้องทำยังไง ไหนจะเรื่องคอนโด ไหนจะเรื่องงานที่ต้องทำ เราจะต้องรักษากันยังไง ดูแลตัวเองแบบไหน คิดถึงห้องพยาบาล คือคิดเยอะมาก คิดไปเรื่อยๆ จนได้สติ เอ่อเรื่องยังไม่เกิด ตอนนี้ต้องดูแลที่จิตใจแฟนผมก่อน ผมบอกกับตัวเองว่า เวลานี้เราต้องไม่ทำให้เค้ากังวลไปมากกว่านี้ วันรุ่งขึ้นผมพาเค้าไปหาหมอ ผลตรวจออกมาว่าเค้าเป็นไข้หวัด...ก็โล่งอกโล่งใจ เหตุผลที่ผมอยากแบ่งปันเรื่องนี้เพราะ ผมว่าคำพูดเราในยามนี้กับคนที่ป่วย ไม่ว่าจะกับคนรัก ครอบครัว เพื่อนๆ คนรู้จัก หรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานก็ตาม
คำพูดคุณสามารถช่วยบรรเทาใจ หรือเพิ่มความทุกข์ระทมให้กับเค้าได้ เอาจริงๆไม่มีใครที่อยากป่วย ไม่มีใครที่อยากเป็นตัวแพร่เชื้อ ทุกคนล้วนแล้วแต่รักชีวิตตัวเองกันทั้งนั้น อย่าให้โรคร้ายมาทำให้ใจเราร้ายไปด้วย....เค้าไอเค้าอาจจะแค่ระคายคอ เค้าจาม เค้าอาจจะแค่เป็นหวัด เราอย่าเป็นคนที่ไปเพิ่มโรคทางใจให้เค้าอีกเลย พูดให้กำลังใจและแนะนำกันด้วยความห่วงใยดีกว่านะครับ
เค้าป่วยที่กายแล้วอย่าให้ใจเค้าป่วยไปด้วย
คำพูดคุณสามารถช่วยบรรเทาใจ หรือเพิ่มความทุกข์ระทมให้กับเค้าได้ เอาจริงๆไม่มีใครที่อยากป่วย ไม่มีใครที่อยากเป็นตัวแพร่เชื้อ ทุกคนล้วนแล้วแต่รักชีวิตตัวเองกันทั้งนั้น อย่าให้โรคร้ายมาทำให้ใจเราร้ายไปด้วย....เค้าไอเค้าอาจจะแค่ระคายคอ เค้าจาม เค้าอาจจะแค่เป็นหวัด เราอย่าเป็นคนที่ไปเพิ่มโรคทางใจให้เค้าอีกเลย พูดให้กำลังใจและแนะนำกันด้วยความห่วงใยดีกว่านะครับ