ระบายความในใจ

สวัสดี พอดีรู้สึกไม่ค่อยดี อัดอั้น และอึดอัดมาก ไม่สามารถจะพูดคุย หรือปรึกษาใครได้เลย เลยอยากจะขอระบายในที่นี้หน่อยนะ
     คือเรา ตอนนี้ก็อายุ 24 แล้ว เป็นตุ๊ดนะ แต่บุคลิคทั่วไปก็คือผู้ชายเลยอ่ะ แบบที่คนที่ไม่รู้จักดูจะคิดว่าเราเป็นผู้ชายแน่นอน ไม่ได้แอ๊บแมนหรืออะไร มันกลายเป็นความเคยชินของบุคลิคภาพมากกว่า เพราะต้องใช้ชีวิตแบบเป็นผู้ชายในทุกอิริยาบท ต่อหน้าทุกๆคน แต่ใจลึกๆเราก็รู้ตัวแหละว่าเราเป็นตุ๊ด เราไม่มีทั้งเพื่อนที่รู้จัก ไม่มีทั้งเพื่อนสนิท เพราะตัวเราไม่กล้าที่คบใครเลย เนื่องมาจากในสมัยเด็กเราเคยอยู่กับพ่อแม่ แล้วถูกพ่อปลูกฝังมาตลอดว่าอย่าทำตัวตุ้งติ้ง อย่าทำตัวเป็นตุ๊ดให้พ่อเห็น ไม่งั้นจะถูกตี คือเราถูกปลูกฝังความคิดนี้มาตั้งแต่อายุแค่ 5 ขวบอ่ะ ต่อให้ตอนนี้จะไม่กลัวสิ่งเหล่านั้นแล้ว มันก็ยังมีความคิดลึกๆที่ฝังใจอยู่ เข้าโรงเรียนตอนประถมก็ไม่กล้าจะเล่นกับเพื่อนผู้ชาย เพราะเราไม่ชอบอะไรแบบนั้น จะเล่นกับเพื่อนผู้หญิง หรือตุ๊ดด้วยกันก็ไม่ได้ เพราะเป็นเด็กผู้ชายไม่ควรไปเล่นกับเด็กผู้หญิง เดี๋ยวจะโดนล้อว่าเป็นตุ๊ด ในสมัยนั้น คำว่า 'ตุ๊ด' ยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับเหมือนทุกวันนี้ เราคิดอย่างเดียวว่า ไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องมาอายเพราะมีลูกแบบเรา เราเลยจะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด พอย้ายมาเรียนอีกโรงเรียนหนึ่งซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมต้น (ก่อนอื่นขอบอกเลยว่า เรามีพี่น้อง 4 คน เราเป็นคนที่ 2) พี่ชาย และน้องชายเราได้เข้าเรียนโรงเรียนมัธยมในเมือง ส่วนเราเรียนโรงเรียนเล็กๆแถวบ้าน พ่อกับแม่ให้เหตุผลว่า เราเก่วพอจะเรียนโรงเรียนนี้ได้ โดยที่บอกว่าพี่ชายกับน้องชายค่อนข้างเกรเรกลัวจะไปติดเพื่อนถ้าให้เรียนโรงเรียนมัธยมที่ผมเรียนอยู่ เนื่องจากโรงเรียนมัธยมแถวบ้านผมค่อนข้างมีแต่เด็กเกเร นักเลง ในใจตอนนั้นก็รู้สึกน้อยใจเล็กๆแหละ แต่ก็ทำไงได้ ขอแค่ได้เรียนก็พอ ตอนเวลาที่เรียนตั้งแต่ประถมถึงมัธยมต้น เราแทบจะไม่มีเพื่อนเลย เพราะส่วนใหญ่เราจะถูกแกล้งบ่อยๆ จากพวกที่เกเร และไม่มีใครคิดจะช่วย เพราะช่วยเท่ากับจะถูกแกล้งไปด้วย เราก็เข้าใจนะ มันไม่ใช่เรื่องของเขานี่นา เราอดทนจนเรียนจบมาได้ จากนั้นก็ได้ไปเรียนมัธยมปลายในเมือง (โรงเรียนเดียวกับพี่ชายกับน้องชาย / เป็นโรงเรียนที่สอนตั้งแต่ ม.1 - 6) เราเพิ่งเริ่มเข้ามาเรียน ที่นั้นตอนม.4 ที่แรก็เกือบไม่ได้เรียนแล้ว เพราะพ่อแม่อยากให้เรียน ปวช.มากกว่า แต่เราก็ขอร้องจนได้เรียนในที่สุด พอเข้ามาโรงเรียนมัธยมปลายแล้วก็คิดว่าตัวเองจะมีความสุขมากขึ้น เป็นตัวเองได้มากขึ้น แต่เปล่าเลย เพราะพี่ชาย กับน้องชายก็ยังเรียนอยู่ ในสิ่งที่เลวร้ายมักมีสิ่งที่ดี ไม่สิ เกือบดีอยู่ เพราะเราบังเอิญไปเจอรักแรกพบที่นั้น แต่ก็ไม่สามารถ จะแสดงความรู้สึกอะไรได้ เราเรียนห้อง 5 ศิลป์ภาษา ส่วนเขาเรียนห้อง 4 เป็นวิทย์คณิต เราชอบเขามากนะ ชอบเพราะเราเห็นมุมดีบางอย่างของเขา เขาไม่ได้ดูดีจนโดดเด่นอะไร แต่เราประทับใจที่เขาค่อนข้างเป็นคนดี และเป็นสุภาพบุรุษ แต่ก็นั้นแหละ ด้วยความที่เราเป็นคนคิดเยอะด้วยมั้ง เราเลยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า "เราเป็นใคร เขาเป็นใคร เขาเป็นผู้ชาย เราเป็นตุ๊ด จะไปสร้างความสับสนในชีวิตเขาไม่ได้ อีกอย่างหน้าตาเราก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น" เราคิดมาตลอดว่าถ้าคนที่เราชอบเขาเป็นผู้ชายแท้ๆ เราจะไม่ยุ่งหรือเปลี่ยนใจเขา เพราะเราไม่อยากทำให้ใครคิดอะไรผิดๆเพียงแค่การสับสน จนกระทั้งเรียนจบก็ได้แค่แอบส่งการ์ดฝากควายินดีไปให้ โดยที่ไม่มีโอกาสได้บอกอะไรเลย และมันก็เป็นหนึ่งเรื่องที่เราจะเก็บไว้จนตาย
     เวลาผ่านมาจนเข้ามหา'ลัย ด้วยความที่เราใช้ชีวิตแบบผู้ชายมาตลอด มันเลยทำให้ทุกอิริยาบท ทุกอากัปกิริยา กิน เดิน นอน นั่ง เราดูเป็นผู้ชายทั่วไปเลย พอจะมีเพื่อนเป็นผู้หญิงเขาก็ไม่ได้ไว้ใจเราขนาดนั้น เพราะเราบางทีก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่า จริตของตุ๊ด กิริยาการพูดแบบตุ๊ดเป็นยังไง พอจะทำทีเหมือนผู้ชายที่แอ๊บสาวแบบไม่เนียนอ่ะ นึกออกป่ะ และถึงตอนเรียนมหา'ลัยแล้ว เราก็เป็นเปิดเผยเลยนะ ใครถาม เราก็ตอบว่าเราเป็นตุ๊ด เพื่อนผู้ชายก็ไม่มี มีแค่แบบคุยกันผ่านๆ ไม่ใช่ว่าไม่เอาใครนะ แต่ขอบอกว่ามันยากมาก ณ จุดนั้น คือเราไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน ตั้งแต่ ประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย พอเข้ามหา'ลัย เลยไม่รู้จะคุยกับคนยังไง เป็นอย่างนั้นไปจนเรียนจบเลยนะ เวลาเราดูหนัง ดูละครที่มีมีกลุ่มเพื่อนกัน แสดงถึงมิตรภาพ บางทีเราก็น้ำตาไหลแบบไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้ว่าเพราะอิจฉา เพราะอยากมีเพื่อนบ้าง หรืออยากทำอะไร บางทีเราก็ไม่เข้าใจอะไรเลยเว้ย จะกินข้าวต้องกินข้าวคนเดียวมาตลอด 20 ปี ร้องไห้คนเดียว กลุ้มใจ ท้อแท้ แก้ปัญหา ทุกอย่างคนเดียว การกินข้าวคนเดียวของเรา คือเราชินแล้ว ถ้าถามว่าเหงาไหม เราว่าคำนั้น เราแทบจะกลืนมันลงไปกับข้าวหมดแล้วอ่ะ เชื่อไหมว่าว่าเราไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นมาเกือบ 10 กว่าปีแล้ว เรารู้อย่างเดียวคือ เราะอ่อนแอต่อหน้าคนอื่นไม่ได้อ่ะ เราไม่ได้รับควาช่วยเหลือจากใคร เราไม่เคยมีใครที่เราสามารถเปิดอกคุยได้ทุกเรื่องอ่ะ เราไม่เข้าใจคำว่าเพื่อน หรืออะไรพวกนั้นจริงๆอ่ะ เราอยู่คนเดียวจนเราไม่เคยเชื่อใจอะไรใครเลย บางทีเราก็ถามตัวเองนะ เราเกิดมาเป็นแบบนี้นี้ทำไมว่ะ เลือกเกิดได้เราก็ไม่อยากเป็นแบบนี้เปล่าว่ะ เลือกเกิดได้เราก็อยากจะเป็นผู้ชายธรรมดาแบบคนอื่นบ้างอ่ะ บางทีเราก็ไม่ชอบนะเว้ย เวลาเราจะกาเพื่อนที่เป็นผู้ชายแล้วเขามองว่าเราไปคิดอะไรกับเขา จะไปลวนลามเขา เพียงเพราะเขามีภาพจำจาก ตุ๊ด หรือกะเทยคนอื่นๆอ่ะ เราพยายามปลอบใจตัวเองเสมอนะว่า สักวันเราจะต้องมีเพื่อนที่เข้าใจเรา รับในสิ่งที่เราเป็นเราได้ ตุ๊ดอย่างเราไม่ได้ต้องการอะไรเว้ย เราต้องการแค่ความเข้าใจ การยอมรับว่า ก็เป็นคนๆหนึงอ่ะ ไม่ต้องมาบอกว่าเราคือเพศที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 หรืออะไร เราอยากให้มองเราว่า เราก็แค่คนๆหนึ่งอ่ะ มันยากขนาดเลยหรอ หลายคนบอกว่าสมัยนี้แล้ว เรื่องแบบนี้ทุกคนเข้าใจแล้ว เราบอกเลยว่าไม่อ่ะ สายตาที่คนมองเราคือ เหมือนเราเป็นตัวประหลาดอะไรสักอย่างอ่ะ คนในครอบครัวเราเอง เรายังไม่สามารถเปิดใจ ปรึกษาอะไรได้เลยอ่ะ คนอื่นเราก็ไม่กล้าที่จะคุยด้วยหรอก
     ตุ๊ดอย่างเราสังคมมีภาพจำไว้ว่า จะต้องมีความสนุกสนาน เอนเตอร์เทน ตลก จนในสายตาใครๆก็มองว่าเป็นแค่ตัวตลก แม้กระทั้งการนำเสนอผ่านสื่อละคร ภาพยนต์ เพศที่ 3 ก็เป็นแค่ตัวประกอบ หรือแค่ตัวตลก สิ่งเหล่านี้กลายเป็นภาพจำปลูกฝังให้คนที่เสพสื่อเหล่านี้ และคนทั่วไป
     เมื่อภาพจำของเพศที่ 3 กลายเป็นตัวตลก พ่อแม่แต่ละคนก็จะคิดว่าการบังคับให้ลูกตัวเองเป็นเพศชายจริง หญิงแท้อยู่เสมอ ถ้าคนไหนมีท่าทางจะตุ้งติ้ง ก็บังคับให้เลิก มันง่ายขนาดนั้นเชียว? จิตใจนะ ไม่ใช่ไข้หวัด แต่เพราะคิดว่าห่วงลูกไม่อยากให้ลูกต้องอับอาย นำไปสู่การทำร้ายจิตใจทางอ้อม และเป็นปมที่แสนเจ็บปวดติดตัวเขาไปตลอดชีวิตก็ได้
     ในตอนนี้เรามีอาการแปลกๆ เลยไม่คยแน่ใจว่าเพราะเราเครียดเกินไปหรือเปล่า เป็นเครียดสะสมที่เราไม่รู้หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ อยู่ดีๆก็ร้องไห้ออกมาแบบไม่มีสาเหตุ ในใจเศร้า และหมองลงเรื่อยๆ ตัวสั่น อยากจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา กินอะไรไม่ลง รู้สึกท้อแท้ รู้สึกไม่มีกำลังใจทำอะไรเลย พิมพ์ข้อความทั้งน้ำตาจนถึงประโยคสุดท้ายนี้
"หากมีใครได้อ่าน ขอขอบคุณที่รับฟังนะ"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่