โรคซึมเศร้ากับทฤษฎีกฎแรงดึงดูด

ขอเกริ่นยาวๆถึงโรคซึมเศร้าที่เราเป็นอยู่ก่อนนะคะ

คือ ตอนนี้เรารักษาโรคซึมเศร้าอยู่ค่ะ  รักษาได้มาประมาณปีกว่าแล้วค่ะ  ระหว่างรักษาก็ได้กินยาปรับสารเคมีในสมองกับทำการบำบัดจิตกับนักบำบัดค่ะ

ตัวเราเองเมื่อก่อนเป็นคนที่มองอะไรเป็นลบหมด  อย่างพวกหนังสือฮาวทูฝึกคิดบวก  พออ่านแล้วก็บอกไม่มีทางที่เราจะทำได้หรอก  เป็นเรื่องที่คนเขียนไว้ให้ดูสวยงาม  หลอกตัวเองเพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่รอดบนโลกนี้กันได้เท่านั้น

เวลาที่เรานั่งคุยกับนักบำบัด  โลกของเรามักจะมีแต่สีขาวกับดำ  อันนี้นักบำบัดบอกเรานะคะ  คือเราไม่เคยยืดหยุ่นให้กับอะไรเลย  ไม่ยืดหยุ่นกับชีวิต  มุมมองต่างๆมีแค่ถูกผิดหรือดีเลว  ปล่อยวางความโกรธและเศร้าไม่เป็น  ที่สำคัญคือเราไม่เคยให้อภัยตัวเองแล้วก็โทษตัวเองทุกอย่าง  ไม่เคยมองว่าคนเรามีผิดพลาดกันได้  แต่มองว่าเห็นความผิดพลาดของคนอื่นแล้วต้องเก็บเป็นบทเรียน  เพื่อที่เราจะไม่เป็นแบบนั้น  และพอเราพลาดขึ้นมาจริงๆเราเสียใจมากที่เราทำผิดพลาด  แล้วบอกตัวเองเสมอว่าทำไมเราไม่เรียนรู้อะไรเลย

จริงๆเราแบบนี้มานานมากแล้วค่ะ ตั้งแต่โรคนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักแบบตอนนี้  ตอนมัธยม  อาจารย์ประจำชั้นเคยเรียกผู้ปกครองมาพบเพื่อบอกให้พาไปหาจิตแพทย์  เราอยากไปนะ  เรารู้เราผิดปกติ  แต่ต่อหน้าแม่เรา  เรานิ่งเราทำเหมือนไม่เป็นอะไร  แล้วเราก็อยู่แบบแกว่งๆแบบนี้มาตลอด  ไม่ได้แย่มาก  แต่ก็ทุกข์มาก  เพราะไม่เคยรู้สึกมีความสุขจริงๆเลย  ตอนที่มีความสุขก็มาแค่ประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็กลับไปจดจ่อถึงแต่เรื่องที่เราฝังใจ

เราคิดว่า  เออ  เราคงเป็นคนนิสัยแบบนี้  โชคชะตาคงเป็นแบบนี้  เป็นเวรกรรมที่ทำมาในอดีตคงส่งผลแบบนี้(ถ้าอดีตมีจริงๆ  เพราะบางทีเราก็คิดว่าตายแล้วจริงๆมันก็คือจบ  เรื่องภพชาติจะมีจริงได้ยังไง)

แต่พอเรามารักษาโรคซึมเศร้า  เราเริ่มเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเองเป็น  ยอมรับว่าชีวิตมันก็อย่างนี้แหละ  ทุกคนมีปัญหากันหมด  แค่จะจัดการยังไงกับมัน  เราปล่อยวางได้  เราเริ่มที่จะรักตัวเองและเริ่มมองหาความสุขจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ  ความรู้สึกของเราตอนนี้คือดีขึ้นมาก

เราดีใจมากค่ะที่เราเลือกที่จะกลัวตาย  มันคงเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์เนอะ  แม้ว่าระหว่างปีกว่ามานี้มันจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงแบบปุ๊บปั๊บทันที  แต่ทุกอย่างมันก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก  เรามีพลังงานบวก  มีความมั่นใจที่จะลงมือทำสิ่งต่างๆมากขึ้น  และไม่กลัวความผิดพลาดแล้ว  เพราะถ้าจะมีอะไรพลาด  เราก็เรียนรู้ที่จะยอมรับมันได้แล้ว

สิ่งที่เขียนมายืดยาวทั้งหมดข้างต้น  เรามานั่งสงสัยค่ะ  (เอาจริงๆเราเป็นคนที่มีคำถามในหัวตลอดจนนักบำบัดบอกว่า คุณไม่ต้องหาคำตอบให้กับทุกอย่างก็ได้นะ 55555)  เราสงสัยค่ะว่าก่อนหน้านี้ที่เราเป็นคนมองโลกแบบลบๆ  เป็นเพราะนิสัยเราเอง  หรือเพราะสารเคมีในสมองเรากันแน่  ถ้าอย่างนี้นิสัยคนเราที่แตกต่างกันส่วนนึงก็เพราะสารเคมีในร่างกายคนๆนั้นด้วยรึเปล่า

ส่วนที่หัวกระทู้กล่าวถึงโรคซึมเศร้ากับทฤษฎีกฎแรงดึงดูด  เราเคยได้ยินเรื่องกฎแรงดึงดูดมานานแล้วค่ะ  แล้วก็เข้าใจว่ามันเป็นมนแง่ของจิตวิยา  เช่นว่า  ถ้าเราโฟกัสแต่เรื่องแย่ๆในชีวิต  เราก็จะมองเห็นแต่เรื่องแย่ๆ  แต่ทีนี้  ถ้าคนที่เป็นซึมเศร้าจะพยายามมองหาพลังบวก  แต่พลังลบที่เกิดขึ้นมันเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย  ต่อให้เราอยากจะมีพลังบวกมากเท่าไหร่เราก็จะทำไม่ได้หรือทำได้ไม่ดีเท่าไหร่รึเปล่าคะ

คืออันนี้ไม่ได้จะมองว่ากฎนี้ไม่ดีหรืออะไรนะคะ

แค่ตอนนี้พอรู้สึกว่าตัวเองมีพลังบวกแล้ว  ก็เลยลองศึกษาอะไรที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น  ความรู้สึกดีขึ้น

แต่พอมาศึกษาเรื่องนี้  ใจก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง  เพราะเราก็เติบโตมากับคำว่าวิทยาศาสตร์ต้องจับต้องได้  มีเหตุมีผลที่แน่นอน  แต่เรื่องกฎแรงดึงดูดนี่มันเหมือนจะจับต้องได้  แต่มันก็ไม่ได้เป็นรูปธรรมอะไรแบบนั้น

เอาจริงๆแล้วคือเรากลัวแหละค่ะว่าถ้าเราเริ่มเชื่อเรื่องนี้เต็มร้อยแล้วจะกลายเป็นคนงมงาย  และถูกมองว่าเริ่มบ้าเริ่มเพี้ยน 5555  เพราะอย่างที่บอกว่าเรารักษาโรคซึมเศร้าอยู่  หมอก็เป็นห่วงคอยถามไถ่  เราเลยกลัวว่าถ้ามาจริงจังกับเรื่องพวกนี้อีกอาการของเรามันจะกลายเป็นแนวหลงผิดจิตหลอนอะไรแบบนี้น่ะค่ะ

ขออภัยที่พิมพ์มายืดยาวนะคะ  แต่กลัวคนอ่านจะไม่เข้าใจสิ่งที่เราจะสื่อ  เพราะเราพิมพ์ไม่รู้เรื่องเท่าไหร่  555

ส่วนการแสดงความคิดเห็น  ขอร้องว่าอย่ารุนแรงมากเกินไปนะคะ  ถ้าจะตำหนิเรา  หรือไม่เห็นด้วยหรืออะไรยังไงเราเข้าใจนะคะ  แต่อย่าว่ากันแรงๆก็พอค่ะ  เราเซนซิทีฟ 555  

ขอบคุณทุกความคิดเห็นล่วงหน้าค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่