31.12.19
.
ความเดิมตอนที่แล้วจาก https://pantip.com/topic/39563473 ที่เราพูดถึง overall ของทริป 5 ประเทศ 8 คืน
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงประเทศสุดท้ายของทริปอันแสนยาวนาน ครั้งนี้เราขอรวบ Oslo กับ Bergen ไว้ด้วยกันเลย เนื่องจากเป็นทริปต่อเนื่องและมีความคล้ายกันไม่น้อย จุดประสงค์ของการเดินทางมาที่นี่ คือเราตั้งใจมาเจอเพื่อนๆที่นี่ และไฮไลท์ของทริปก็คือ Fjords Tour ถือเป็นประเทศที่เรามีแพลนน้อยที่สุด หรือเรียกง่ายๆว่าไม่มีแพลนเลย! .
เริ่มต้นที่สนามบิน Oslo ค่ำวันที่ 31 ธันวาคมแสนเงียบสงบ เงียบผิดปกติมากๆ ราวกับว่าทุกคนเลิกงานเร็วเพื่อกลับไปฉลองปีใหม่กับที่บ้านอย่างนั้นแหละ ประเด็นคือรถไฟเข้าเมืองเหลือเพียงหนึ่งรอบสุดท้าย โชคดีที่บริเวณตรวจคนเข้าเมืองของที่นี่ใช้เวลาไม่มาก แถมเราไม่ได้โหลดกระเป๋า ทันทีที่ลงเครื่องเราก็วิ่งตรงไปยังเครื่องซื้อตั๋วอัตโนมัติ งงๆกับเครื่องอยู่สักพักแล้วก็ได้ตั๋วออกมาสองใบ วิ่งไปถึงชานชาลาทันเวลาขึ้นพอดิบพอดี
.
.
เราเดินลากกระเป๋าไปเช็คอินที่โรงแรมพร้อมกับความหิวโซ ตัดสินใจเดินเข้าไปดูภายในเมืองก็พบกับความจริงที่ว่าร้านอาหารปิดแทบจะทุกร้าน แถมร้านสะดวกซื้อของที่นี่ไม่ค่อยมีของน่าสนใจสักเท่าไร เราจึงตัดสินใจจบลงที่แมคโดนัลด์ จากนั้นก็นัดเจอกับเพื่อนที่บริเวณท่าเรือเพื่อไปดูพลุเคาท์ดาวน์กัน คนเยอะใช้ได้เลย เยอะในที่นี้ก็คือเปรียบเทียบกับความเงียบเหงาที่เราพบเจอในตัวเมือง แต่อย่าไปเปรียบเทียบกับเซ็นทรัลเวิลด์เชียวล่ะ เราจัดแจงหาที่ยืนที่นั่งเหมาะๆบนเนินเขา รอชมพลุข้ามปีกัน ถือว่าเป็นการเคาท์ดาวน์ที่ค่อนข้างจะเรียบง่าย ใกล้ชิดพลุ และไม่ต้องแย่งชิงพื้นที่กับใคร สบายใจไปเองแบบ ก่อนจะเดินกลับโรงแรมพักผ่อนตามอัธยาศัย
.
.
01.01.20
.
เราตื่นมาเจอกับอาหารเช้าแขวนไว้หน้าประตู ขอย้อนเล่าถึงโรงแรมที่เราจองกันมาสักหน่อย เราจองโรงแรม P-hotels และจองเป็นเครือเดียวกันทั้งออสโลและเบอร์เกน รวมทั้งหมด 3 คืนในนอร์เวย์ ระหว่างทางนั่งรถไฟเข้าเมืองเราก็เสิร์ชดูรีวิว พบว่าสิ่งที่คนบนมากที่สุดก็คืออาหารเช้าของที่นี่ และอีกอย่างก็คือมีคนบอกว่าเจอผี! สรุปว่าเมื่อคืนก็เปิดไฟนอนกันทั้งสองห้อง (ก็ไม่มีใครเจอผีตลอดทริปนะ) และตื่นมาเจอกับอาหารเช้าที่แสนร่ำลือ หน้าตาเหมือนรูปที่รีวิวเป๊ะ ขนมปังสองแผ่นประกบ แฮมกับชิ้นบางๆ แตงกวาฝานสองชิ้น และมายองเยส มาคู่กับน้ำส้มเจือจางหนึ่งขวด น่าเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึก แต่เอาเป็นว่าเสิร์ชหาได้ไม่ยาก เอาล่ะ ได้เวลาออกเดินทาง!
.
.
เราแทบจะไม่มีแพลนสำหรับวันนี้เลย เป็นการเที่ยวในเมืองที่แทบจะเป็นเมืองร้าง เราตัดสินใจนั่งรถรางออกไปที่ Frogner park หรือ Vigeland park เป็นการเลือกสถานที่จากกูเกิ้ลแมพล้วนๆ ซึ่งมาค้นพบทีหลังว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของที่นี่ จริงๆสถานที่ท่องเที่ยวเหลือให้เราเลือกได้ไม่มากเพราะพิพิธภัณฑ์และห้างปิดหมดทุกที่ เหลือเพียงแต่สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติเท่านั้น บรรยากาศถือว่าหนาวเย็นมากเลยทีเดียว ที่สำคัญคือแทบจะไม่มีคนเลย เราเดินไปจนถึงจุดไฮไลท์ที่เป็นเสาหินสูงที่ประกอบด้วยรูปปั้นมนุษย์ท่าทางต่างๆ แต่ไม่สามารถเดินขึ้นไปถ่ายรูปได้ มีโซ่กั้นไว้พร้อมเขียนว่าอันตราย (คาดว่าเป็นเพราะหิมะตก)
.
.
เราเดินทางต่อไปยังบริเวณ Aker Brygge บริเวณริมน้ำใกล้กับที่เราดูพลุเมื่อวาน เดินชมบรรยากาศเมืองก็สวยไปอีกแบบ แต่ลมแรงมากจริงๆ เป็นบริเวณที่มีร้านอาหารหรูมากมาย แต่ก็มีเปิดอยู่จริงๆไม่กี่ร้าน เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่
.
.
เรากลับเข้าเมืองสำหรับอาหารเที่ยง (บ่าย) จบลงที่ร้านบุฟเฟ่ต์พิซซ่า ถือว่าใช้ได้เลย ราคาไม่โหดมากเกินไป และมีพิซซ่าให้เลือก 3-4 หน้า หลังจากอิ่มท้องเราก็เดินดูของฝากในเมืองก่อนจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ Opera House เราทำเวลาได้ดีมากเพราะทันทีที่เดินมาถึงพระอาทิตย์ก็เริ่มลดระดับลง ท้องฟ้าเปลี่ยนสี เป็นสีที่สวยงามมากๆจริงๆ มองด้วยตาเปล่ามีความชมพูพาสเทลหน่อยๆ แต่พอถ่ายรูปออกมาแล้วสีจัดจ้านขึ้นสวยไปอีกแบบ เราซึมซับบรรยากาศตรงนี้จนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป ถือว่าเป็นการจบวันที่ดีมากๆ เนื่องจากอากาศที่หนาวเหน็บและการเดินทางท่องเที่ยวมาหลายวันของเรา ทำให้เราตัดสินใจกลับเข้าที่พักเพื่อพักผ่อน
.
.
02.01.20
.
เราออกเดินทางกันแต่เช้าเพื่อไป Bergen กัน ซึ่งวันนี้เราจองตั๋วรถไฟและเรือ fjords tour ล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนออกเดินทางเราต้องตุนเสบียงก่อน เพราะเราแทบจะไม่มีเวลาซื้ออาหารเลย จะต้องกินอาหารบนรถไฟเท่านั้น เริ่มต้นจากการนั่งรถไฟจาก Oslo ไป Myrdal
.
.
จากนั้นเปลี่ยนรถที่ Myrdal ซึ่งจะเป็นรถไฟท่องเที่ยว บนรถมีการบรรยาย และจอดให้เราลงไปถ่ายรูปตรงบริเวณน้ำตก
.
.
เราลงรถไฟที่ Flam และเหลือเวลาไม่มากนักก่อนจะขึ้นเรือไปยัง Vosssevangen เราแวะซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อเป็นอาหารเย็นเพื่อไปกินบนเรือ ทันทีที่ขึ้นเรือเราก็จับจองที่นั่ง กินอาหารรองท้อง ก่อนจะออกไปเดินชมวิวและถ่ายรูปบริเวณรอบๆเรือ เนื่องจากช่วงที่เราไปเป็นฤดูหนาว พระอาทิตย์ตกเร็วมาก เราจึงมีเวลาชมบรรยากาศได้ไม่มากนัก แต่ถือได้ว่าสวยจับใจมากจริงๆ
.
.
จาก Vosssevangen เรามีเวลา 1 ชั่วโมงก่อนรถบัสจะมา เนื่องจากเป็นป้ายรถเล็กๆไม่ได้มีอาคารที่พักให้เรารอรถ จึงต้องเดินตะลอนกันในร้านขายของฝาก จนใกล้จะถึงเวลาฝนก็ตกลงมาพร้อมลมที่ค่อนข้างแรง เรายืนรอรถบัสอย่างไร้จุดหมาย ทั้งมืดทั้งหนาว ที่สำคัญเลยถึงเวลาแล้วรถบัสยังไม่มา ตรงป้ายรถก็ไม่มีข้อมูลอะไรให้เราเลย ได้แต่ภาวนาให้รถมา เพราะเราจะต้องต่อรถไฟเข้าเมืองอีกที ซึ่งถ้ารถบัสเลทหรือไม่มา เราอาจจะตกรถไฟรอบสุดท้ายที่เราจองไว้ได้ และในที่สุดรถบัสก็มาเทียบจอด และพาเราไปถึงจุดหมายได้ทันเวลา เป็นวันที่เดินทางอย่างยาวนาน ทั้งเหนื่อยและหิว และแน่นอน ร้านค้าทั้งหลายที่นี่ก็ปิดกันเกือบหมด เราจบลงที่ร้านอาหารเม็กซิกันง่ายๆก่อนเข้าที่พัก
.
.
03.01.20
.
เช้าวันสุดท้ายที่นอร์เวย์ เท่าที่ดูหนังสือท่องเที่ยวของทางโรงแรมคร่าวๆ Bergen เป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเลยทีเดียว โดยเฉพาะพิพิธภัณฑ์ ถึงแม้ว่าวันนี้พิพิธภัณฑ์จะเริ่มเปิดให้เข้าชมกันแล้ว แต่เวลาของเราไม่ค่อยเอื้ออำนวยเลย เนื่องจากเรามีไฟลท์กลับช่วงบ่ายๆของวัน ฉะนั้นเรามีเวลาเที่ยวจริงๆแค่เพียงช่วงเช้าเท่านั้น เราจึงตัดสินใจเที่ยวชมเมืองง่ายๆ ซึ่งไฮไลท์ที่ต้องไปก็คือ Bryggen ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่ก็ยังเป็นย่านที่คึกคัก มีร้านอาหาร คาเฟ่ ขายของฝาก ของพื้นเมืองมากมายเลยทีเดียว เราเดินไปเรื่อยๆจนถึงป้อม Bergenhus แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน ก่อนจะเดินกลับมายังตลาดปลา ที่เอาตรงๆก็ผิดหวังนิดหน่อย เพราะดูเหมือนจะเป็นไฮไลท์แต่เป็นตลาดปลาที่ค่อนข้างเล็ก แถมร้านข้างในก็เปิดแค่สองสามร้าน (น่าจะเป็นช่วงหยุดปีใหม่) ราคาค่อนข้างสูง เราเลยได้แต่เดินดู
.
Bryggen
Bryggen
Fish Market
.
บริเวณใกล้เคียงมีร้านค้าเล็กๆขายของฝาก ของขึ้นชื่ออีกอย่างของที่นี่ก็คือเนื้อกวาง ที่ร้านของฝากจะมีซาลามีเนื้อกวาง กวางมูส และปลาวาฬให้ได้ลองชิม กลิ่นค่อนข้างแรงเลยทีเดียว แนะนำว่าให้ลองชิมก่อนจะซื้อกลับ
.
.
สำหรับ 4 วัน 3 คืนที่นอร์เวย์ ประเทศสุดท้ายในทริปนี้ของเรา อาจจะแผ่วๆลงนิดหน่อย เนื่องจากความเหนื่อยล้า อากาศที่หนาวเหน็บ บรรยากาศช่วงปีใหม่ที่เงียบเหงา แต่เราก็ดีใจที่ได้รู้จักนอร์เวย์ในมุมนี้ ถ้าจะสรุปนอร์เวย์สั้นๆ ก็คงเป็น ค่าครองชีพสูงที่สุดในบรรดาประเทศที่ไปมาในทริปนี้ อากาศหนาวที่สุดเช่นกัน แต่เป็นประเทศที่สวย สวยมากจริงๆ แม้ว่าจะไม่ใช่ช่วง High season เราก็ยังรู้สึกว่ามันสวยงามมากจริงๆ และเราก็ดีใจที่นอร์เวย์เป็นประเทศปิดท้ายทริปนี้ เป็นช่วงที่ค่อนข้าง Relax ก่อนจะกลับไปเผชิญกับหลายๆอย่างที่รออยู่ ยินดีที่ได้รู้จักนะ นอร์เวย์

.
ปิดด้วยรูป Deer Jerky ที่อร่อยมาก หาซื้อได้ตามร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป
สามารถติดตามทริป 5 ประเทศ 8 คืนของเราได้ที่..
EP 0 | overall
https://pantip.com/topic/39563473
EP 1 | สตราสบูร์ก Strasbourg
https://pantip.com/topic/39579119
EP 2 | ลักเซมเบิร์ก (Luxembourg)
https://pantip.com/topic/39593414
EP. 3 | บรัสเซลส์ (Brussels)
https://pantip.com/topic/39627549
EP. 4 | อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam)
https://pantip.com/topic/39655298
แล้วก็ขออนุญาตฝากเพจ
https://www.facebook.com/hareung/ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
[CR] Christmas Trip EP. 5 | ออสโล-เบอร์เกน (Oslo-Bergen)
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงประเทศสุดท้ายของทริปอันแสนยาวนาน ครั้งนี้เราขอรวบ Oslo กับ Bergen ไว้ด้วยกันเลย เนื่องจากเป็นทริปต่อเนื่องและมีความคล้ายกันไม่น้อย จุดประสงค์ของการเดินทางมาที่นี่ คือเราตั้งใจมาเจอเพื่อนๆที่นี่ และไฮไลท์ของทริปก็คือ Fjords Tour ถือเป็นประเทศที่เรามีแพลนน้อยที่สุด หรือเรียกง่ายๆว่าไม่มีแพลนเลย!
เริ่มต้นที่สนามบิน Oslo ค่ำวันที่ 31 ธันวาคมแสนเงียบสงบ เงียบผิดปกติมากๆ ราวกับว่าทุกคนเลิกงานเร็วเพื่อกลับไปฉลองปีใหม่กับที่บ้านอย่างนั้นแหละ ประเด็นคือรถไฟเข้าเมืองเหลือเพียงหนึ่งรอบสุดท้าย โชคดีที่บริเวณตรวจคนเข้าเมืองของที่นี่ใช้เวลาไม่มาก แถมเราไม่ได้โหลดกระเป๋า ทันทีที่ลงเครื่องเราก็วิ่งตรงไปยังเครื่องซื้อตั๋วอัตโนมัติ งงๆกับเครื่องอยู่สักพักแล้วก็ได้ตั๋วออกมาสองใบ วิ่งไปถึงชานชาลาทันเวลาขึ้นพอดิบพอดี
.
เราเดินลากกระเป๋าไปเช็คอินที่โรงแรมพร้อมกับความหิวโซ ตัดสินใจเดินเข้าไปดูภายในเมืองก็พบกับความจริงที่ว่าร้านอาหารปิดแทบจะทุกร้าน แถมร้านสะดวกซื้อของที่นี่ไม่ค่อยมีของน่าสนใจสักเท่าไร เราจึงตัดสินใจจบลงที่แมคโดนัลด์ จากนั้นก็นัดเจอกับเพื่อนที่บริเวณท่าเรือเพื่อไปดูพลุเคาท์ดาวน์กัน คนเยอะใช้ได้เลย เยอะในที่นี้ก็คือเปรียบเทียบกับความเงียบเหงาที่เราพบเจอในตัวเมือง แต่อย่าไปเปรียบเทียบกับเซ็นทรัลเวิลด์เชียวล่ะ เราจัดแจงหาที่ยืนที่นั่งเหมาะๆบนเนินเขา รอชมพลุข้ามปีกัน ถือว่าเป็นการเคาท์ดาวน์ที่ค่อนข้างจะเรียบง่าย ใกล้ชิดพลุ และไม่ต้องแย่งชิงพื้นที่กับใคร สบายใจไปเองแบบ ก่อนจะเดินกลับโรงแรมพักผ่อนตามอัธยาศัย
.
01.01.20
เราตื่นมาเจอกับอาหารเช้าแขวนไว้หน้าประตู ขอย้อนเล่าถึงโรงแรมที่เราจองกันมาสักหน่อย เราจองโรงแรม P-hotels และจองเป็นเครือเดียวกันทั้งออสโลและเบอร์เกน รวมทั้งหมด 3 คืนในนอร์เวย์ ระหว่างทางนั่งรถไฟเข้าเมืองเราก็เสิร์ชดูรีวิว พบว่าสิ่งที่คนบนมากที่สุดก็คืออาหารเช้าของที่นี่ และอีกอย่างก็คือมีคนบอกว่าเจอผี! สรุปว่าเมื่อคืนก็เปิดไฟนอนกันทั้งสองห้อง (ก็ไม่มีใครเจอผีตลอดทริปนะ) และตื่นมาเจอกับอาหารเช้าที่แสนร่ำลือ หน้าตาเหมือนรูปที่รีวิวเป๊ะ ขนมปังสองแผ่นประกบ แฮมกับชิ้นบางๆ แตงกวาฝานสองชิ้น และมายองเยส มาคู่กับน้ำส้มเจือจางหนึ่งขวด น่าเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึก แต่เอาเป็นว่าเสิร์ชหาได้ไม่ยาก เอาล่ะ ได้เวลาออกเดินทาง!
.
เราแทบจะไม่มีแพลนสำหรับวันนี้เลย เป็นการเที่ยวในเมืองที่แทบจะเป็นเมืองร้าง เราตัดสินใจนั่งรถรางออกไปที่ Frogner park หรือ Vigeland park เป็นการเลือกสถานที่จากกูเกิ้ลแมพล้วนๆ ซึ่งมาค้นพบทีหลังว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของที่นี่ จริงๆสถานที่ท่องเที่ยวเหลือให้เราเลือกได้ไม่มากเพราะพิพิธภัณฑ์และห้างปิดหมดทุกที่ เหลือเพียงแต่สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติเท่านั้น บรรยากาศถือว่าหนาวเย็นมากเลยทีเดียว ที่สำคัญคือแทบจะไม่มีคนเลย เราเดินไปจนถึงจุดไฮไลท์ที่เป็นเสาหินสูงที่ประกอบด้วยรูปปั้นมนุษย์ท่าทางต่างๆ แต่ไม่สามารถเดินขึ้นไปถ่ายรูปได้ มีโซ่กั้นไว้พร้อมเขียนว่าอันตราย (คาดว่าเป็นเพราะหิมะตก)
.
เราเดินทางต่อไปยังบริเวณ Aker Brygge บริเวณริมน้ำใกล้กับที่เราดูพลุเมื่อวาน เดินชมบรรยากาศเมืองก็สวยไปอีกแบบ แต่ลมแรงมากจริงๆ เป็นบริเวณที่มีร้านอาหารหรูมากมาย แต่ก็มีเปิดอยู่จริงๆไม่กี่ร้าน เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่
.
เรากลับเข้าเมืองสำหรับอาหารเที่ยง (บ่าย) จบลงที่ร้านบุฟเฟ่ต์พิซซ่า ถือว่าใช้ได้เลย ราคาไม่โหดมากเกินไป และมีพิซซ่าให้เลือก 3-4 หน้า หลังจากอิ่มท้องเราก็เดินดูของฝากในเมืองก่อนจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ Opera House เราทำเวลาได้ดีมากเพราะทันทีที่เดินมาถึงพระอาทิตย์ก็เริ่มลดระดับลง ท้องฟ้าเปลี่ยนสี เป็นสีที่สวยงามมากๆจริงๆ มองด้วยตาเปล่ามีความชมพูพาสเทลหน่อยๆ แต่พอถ่ายรูปออกมาแล้วสีจัดจ้านขึ้นสวยไปอีกแบบ เราซึมซับบรรยากาศตรงนี้จนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป ถือว่าเป็นการจบวันที่ดีมากๆ เนื่องจากอากาศที่หนาวเหน็บและการเดินทางท่องเที่ยวมาหลายวันของเรา ทำให้เราตัดสินใจกลับเข้าที่พักเพื่อพักผ่อน
.
02.01.20
เราออกเดินทางกันแต่เช้าเพื่อไป Bergen กัน ซึ่งวันนี้เราจองตั๋วรถไฟและเรือ fjords tour ล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนออกเดินทางเราต้องตุนเสบียงก่อน เพราะเราแทบจะไม่มีเวลาซื้ออาหารเลย จะต้องกินอาหารบนรถไฟเท่านั้น เริ่มต้นจากการนั่งรถไฟจาก Oslo ไป Myrdal
.
จากนั้นเปลี่ยนรถที่ Myrdal ซึ่งจะเป็นรถไฟท่องเที่ยว บนรถมีการบรรยาย และจอดให้เราลงไปถ่ายรูปตรงบริเวณน้ำตก
.
เราลงรถไฟที่ Flam และเหลือเวลาไม่มากนักก่อนจะขึ้นเรือไปยัง Vosssevangen เราแวะซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อเป็นอาหารเย็นเพื่อไปกินบนเรือ ทันทีที่ขึ้นเรือเราก็จับจองที่นั่ง กินอาหารรองท้อง ก่อนจะออกไปเดินชมวิวและถ่ายรูปบริเวณรอบๆเรือ เนื่องจากช่วงที่เราไปเป็นฤดูหนาว พระอาทิตย์ตกเร็วมาก เราจึงมีเวลาชมบรรยากาศได้ไม่มากนัก แต่ถือได้ว่าสวยจับใจมากจริงๆ
.
จาก Vosssevangen เรามีเวลา 1 ชั่วโมงก่อนรถบัสจะมา เนื่องจากเป็นป้ายรถเล็กๆไม่ได้มีอาคารที่พักให้เรารอรถ จึงต้องเดินตะลอนกันในร้านขายของฝาก จนใกล้จะถึงเวลาฝนก็ตกลงมาพร้อมลมที่ค่อนข้างแรง เรายืนรอรถบัสอย่างไร้จุดหมาย ทั้งมืดทั้งหนาว ที่สำคัญเลยถึงเวลาแล้วรถบัสยังไม่มา ตรงป้ายรถก็ไม่มีข้อมูลอะไรให้เราเลย ได้แต่ภาวนาให้รถมา เพราะเราจะต้องต่อรถไฟเข้าเมืองอีกที ซึ่งถ้ารถบัสเลทหรือไม่มา เราอาจจะตกรถไฟรอบสุดท้ายที่เราจองไว้ได้ และในที่สุดรถบัสก็มาเทียบจอด และพาเราไปถึงจุดหมายได้ทันเวลา เป็นวันที่เดินทางอย่างยาวนาน ทั้งเหนื่อยและหิว และแน่นอน ร้านค้าทั้งหลายที่นี่ก็ปิดกันเกือบหมด เราจบลงที่ร้านอาหารเม็กซิกันง่ายๆก่อนเข้าที่พัก
.
03.01.20
เช้าวันสุดท้ายที่นอร์เวย์ เท่าที่ดูหนังสือท่องเที่ยวของทางโรงแรมคร่าวๆ Bergen เป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเลยทีเดียว โดยเฉพาะพิพิธภัณฑ์ ถึงแม้ว่าวันนี้พิพิธภัณฑ์จะเริ่มเปิดให้เข้าชมกันแล้ว แต่เวลาของเราไม่ค่อยเอื้ออำนวยเลย เนื่องจากเรามีไฟลท์กลับช่วงบ่ายๆของวัน ฉะนั้นเรามีเวลาเที่ยวจริงๆแค่เพียงช่วงเช้าเท่านั้น เราจึงตัดสินใจเที่ยวชมเมืองง่ายๆ ซึ่งไฮไลท์ที่ต้องไปก็คือ Bryggen ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่ก็ยังเป็นย่านที่คึกคัก มีร้านอาหาร คาเฟ่ ขายของฝาก ของพื้นเมืองมากมายเลยทีเดียว เราเดินไปเรื่อยๆจนถึงป้อม Bergenhus แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน ก่อนจะเดินกลับมายังตลาดปลา ที่เอาตรงๆก็ผิดหวังนิดหน่อย เพราะดูเหมือนจะเป็นไฮไลท์แต่เป็นตลาดปลาที่ค่อนข้างเล็ก แถมร้านข้างในก็เปิดแค่สองสามร้าน (น่าจะเป็นช่วงหยุดปีใหม่) ราคาค่อนข้างสูง เราเลยได้แต่เดินดู
.
บริเวณใกล้เคียงมีร้านค้าเล็กๆขายของฝาก ของขึ้นชื่ออีกอย่างของที่นี่ก็คือเนื้อกวาง ที่ร้านของฝากจะมีซาลามีเนื้อกวาง กวางมูส และปลาวาฬให้ได้ลองชิม กลิ่นค่อนข้างแรงเลยทีเดียว แนะนำว่าให้ลองชิมก่อนจะซื้อกลับ
.
สำหรับ 4 วัน 3 คืนที่นอร์เวย์ ประเทศสุดท้ายในทริปนี้ของเรา อาจจะแผ่วๆลงนิดหน่อย เนื่องจากความเหนื่อยล้า อากาศที่หนาวเหน็บ บรรยากาศช่วงปีใหม่ที่เงียบเหงา แต่เราก็ดีใจที่ได้รู้จักนอร์เวย์ในมุมนี้ ถ้าจะสรุปนอร์เวย์สั้นๆ ก็คงเป็น ค่าครองชีพสูงที่สุดในบรรดาประเทศที่ไปมาในทริปนี้ อากาศหนาวที่สุดเช่นกัน แต่เป็นประเทศที่สวย สวยมากจริงๆ แม้ว่าจะไม่ใช่ช่วง High season เราก็ยังรู้สึกว่ามันสวยงามมากจริงๆ และเราก็ดีใจที่นอร์เวย์เป็นประเทศปิดท้ายทริปนี้ เป็นช่วงที่ค่อนข้าง Relax ก่อนจะกลับไปเผชิญกับหลายๆอย่างที่รออยู่ ยินดีที่ได้รู้จักนะ นอร์เวย์
.
EP 0 | overall https://pantip.com/topic/39563473
EP 1 | สตราสบูร์ก Strasbourg https://pantip.com/topic/39579119
EP 2 | ลักเซมเบิร์ก (Luxembourg) https://pantip.com/topic/39593414
EP. 3 | บรัสเซลส์ (Brussels) https://pantip.com/topic/39627549
EP. 4 | อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) https://pantip.com/topic/39655298
แล้วก็ขออนุญาตฝากเพจ https://www.facebook.com/hareung/ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้