ราคา CX-30
2.0C 989,000
2.0S 1,099,000
2.0SP 1,199,000
เปรียบเทียบกับ
ราคา CX-3
2.0E 879,000
2.0C 955,000
2.0S 1,029,000
2.0SP 1,083,000
ราคา 3
2.0C 969,000
2.0S 1,069,000
2.0SP 1,198,000
Mazda CX-30 คือ Mazda 3 ที่ถูกเปลี่ยนเปลือกตัวถังทั้งหมด จับยกสูงขึ้นเป็น crossover แต่มีราคาเพิ่มจาก 3 ไม่เกิน 3 หมื่น
ในขณะที่ Mazda CX-3 ที่เป็น Mazda 2 ซึ่งเป็น eco car ที่ถูกจับมายกสูง แต่บวกราคาเพิ่มไป 3-4 แสน
Mazda CX-30 มีขนาดภายในที่ไม่น่าจะต่างจาก Mazda 3 hatchback มากนัก แต่มีเสา C ที่โปร่ง ไม่ดูหนาอึดอัดแบบ 3
ราคาที่เพิ่มขึ้นไม่มาก ได้รูปแบบเป็นรถ crossover ทำให้ตามหลักเหตุผลแล้ว จะซื้อ 3 hatchback ไปทำไม ? ? ?
Mazda อาจจะไม่ได้คาดว่าจะเป็นแบบนี้ ถ้าหากยอดขาย Mazda 3 ใหม่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในนี้
เพราะรถที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ และได้รับเสียงชื่นชมถล่มทลายจากลูกค้าและนักรีวิวกลับขายได้เพียงแค่หลักไม่กี่ร้อย
อาจเป็นผลเอฟเฟคท์ที่มาจากปัญหาคุณภาพปั๊มติ๊กที่โด่งดังด้วยก็ส่วนหนึ่ง แต่โรคกับพิษเศรษฐกิจก็ทำให้
ภาคธุรกิจอ่วมไปตามๆ กัน การตัดสินใจทำราคา CX-30 ให้ไม่แตกต่างจาก 3 และเพิ่มจาก CX-3 เล็กน้อย
จึงเป็นการตัดสินใจที่ต่อสู้เพื่อยอดขายในภาวะแบบนี้จริงๆ
อย่างไรก็ดี ACC แบบ stop & go ก็ยังไม่มานะจ้ะ
ก็ยังรู้สึกเสียดายกับรถดีๆ แบบ 3 ถ้าจะให้ดี ปรับราคาลง หรือเพิ่มรุ่น 2.0 E มาเหมือนรุ่นที่แล้วก็อาจจะ
กู้สถานการณ์ได้ก็ได้นะ ดีกว่าปล่อยให้รถเหี่ยวเฉาไปบนโชว์รูมแบบนั้น เพราะรถที่สวย มันต้องขาย
เยอะๆ ตอนที่คนกำลังเห่อ ถ้าคนเลิกเห่อเมื่อไหร่ ก็จบแค่นั้น
แต่ตอนนี้ Mazda คงฝาความหวังไว้กับแค่ CX-30 ไปก่อน
เมื่อเทียบกับ HR-V, C-HR ต้องบอกว่า ดีกันคนล่ะแบบ
HR-V ลอยลมไปแล้ว ทั้งๆ ที่พื้นฐานแค่มาจาก Jazz แต่คนซื้อยอมรับ และได้หลังคากระจกที่คนไทยชอบ
C-HR ราคานี้ได้ระบบ hybrid ที่คนเริ่มยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ กลัวน้อยลง
พื้นฐานก็ TNGA เทียบเท่า Altis ซึ่งเหนือกว่า HR-V ที่แค่มาจาก Jazz
แต่เสา C นรก ทำให้คนขยาดไปตามๆ กัน
รูปโฉมก็เริ่มคุ้นตากัน อาจทำให้ลูกค้า fade ตัวออกไปหาคู่แข่งมากขึ้นเรื่อยๆ
CX-30 ได้พื้นฐานจาก C segment ซึ่งราคาเท่านี้ถือว่าถูก เพราะ C segment ยกสูง ครอบบอดี้ใหม่
ราคาต้องไปอยู่อย่างน้อยก็ต้องเท่าๆ กับ CR-V, CX-5 ตัวเริ่มต้น เพราะพวกนั้นก็พื้นฐานมาจาก C car เช่นกัน
ขอเทียบ XV ด้วย
ขานั้นคือเอา C hatchback มายกสูงโต้งๆ แต่ได้ขับ 4 ด้วย
ราคาอยู่ที่ประมาณ
1,350,000 แก้ครับ ตัวที่ไม่ใช่ GT ราคาแค่ 1,159,000-1,259,000 บาท
เทียบกับ CX-30 ที่เอา C hatchback มายกสูง เปลี่ยนเปลือกตัวถังทั้งหมด แบบ CR-V, CX-5
ทรงรถเปลี่ยน และมี headroom ที่น่าจะเยอะกว่า 3 hatchback ก็ต้อง บวกลบคูณหารเอาว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม
ถ้าเทียบกับ CX-5 แล้วคิดว่า ยอมได้ภายในที่แคบลง CX-30 นี่ก็ได้อุปกรณ์ทุกอย่างครบๆ
แต่ราคาถูกกว่า 330,000 บาท เออ ถ้าคิดแบบนี้ แล้วเป็นสาวก Mazda นี่ก็ happy อยู่นะ
เรื่องราคาจริงๆ ไม่ค่อยมีอะไรให้ติ
จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่า เรื่องปั๊มติ๊กไปถึงไหน Mazda น่าจะแถลงข่าวให้จริงๆ จังๆ จะได้รู้ความเป็นไป
เมื่อเปรียบเทียบพิมพ์เขียวรถ พบว่า CX-30 ได้ความหนาของรถเพิ่มขึ้นมาจริงๆ นั่นหมายถึง headroom ที่สูงขึ้น
ต้องลองไปนั่งวัดกับของจริงดู เพราะเบาะอาจถูกยกให้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ที่แน่นอนคือ
ถ้าเทียบเป็นก้อนเหล็ก 2 ก้อน CX-30 เป็นเหล็กที่ก้อนใหญ่กว่า 3 อย่างชัดเจน

เทียบกับ CX-5 ก็ยังเล็กกว่าอีกระดับนึงครับ ไล่กันเป็นลำดับขั้นๆ ดี

ผมว่าแฟนๆ Mazda อาจจะให้โอกาสอีกรอบนึง แต่ถ้ารอบนี้ยังทำแต่สิ่งที่แย่ๆ อยู่อีก
คงถึงคราวสิ้นสุดของแบรนด์ได้อยู่เหมือนกัน
หรือไม่ก็คงขายดีแค่ 2 ไปเรื่อยๆ เพราะยอมรับ มันโคตะระประหยัดน้ำมัน
ราคา CX-30 ตั้งมาแบบเข้าใจภาวะเศรษฐกิจจริงๆ ครับ ไม่กล้าผ่านกำแพง 1.2 ล้าน
2.0C 989,000
2.0S 1,099,000
2.0SP 1,199,000
เปรียบเทียบกับ
ราคา CX-3
2.0E 879,000
2.0C 955,000
2.0S 1,029,000
2.0SP 1,083,000
ราคา 3
2.0C 969,000
2.0S 1,069,000
2.0SP 1,198,000
Mazda CX-30 คือ Mazda 3 ที่ถูกเปลี่ยนเปลือกตัวถังทั้งหมด จับยกสูงขึ้นเป็น crossover แต่มีราคาเพิ่มจาก 3 ไม่เกิน 3 หมื่น
ในขณะที่ Mazda CX-3 ที่เป็น Mazda 2 ซึ่งเป็น eco car ที่ถูกจับมายกสูง แต่บวกราคาเพิ่มไป 3-4 แสน
Mazda CX-30 มีขนาดภายในที่ไม่น่าจะต่างจาก Mazda 3 hatchback มากนัก แต่มีเสา C ที่โปร่ง ไม่ดูหนาอึดอัดแบบ 3
ราคาที่เพิ่มขึ้นไม่มาก ได้รูปแบบเป็นรถ crossover ทำให้ตามหลักเหตุผลแล้ว จะซื้อ 3 hatchback ไปทำไม ? ? ?
Mazda อาจจะไม่ได้คาดว่าจะเป็นแบบนี้ ถ้าหากยอดขาย Mazda 3 ใหม่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในนี้
เพราะรถที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ และได้รับเสียงชื่นชมถล่มทลายจากลูกค้าและนักรีวิวกลับขายได้เพียงแค่หลักไม่กี่ร้อย
อาจเป็นผลเอฟเฟคท์ที่มาจากปัญหาคุณภาพปั๊มติ๊กที่โด่งดังด้วยก็ส่วนหนึ่ง แต่โรคกับพิษเศรษฐกิจก็ทำให้
ภาคธุรกิจอ่วมไปตามๆ กัน การตัดสินใจทำราคา CX-30 ให้ไม่แตกต่างจาก 3 และเพิ่มจาก CX-3 เล็กน้อย
จึงเป็นการตัดสินใจที่ต่อสู้เพื่อยอดขายในภาวะแบบนี้จริงๆ
อย่างไรก็ดี ACC แบบ stop & go ก็ยังไม่มานะจ้ะ
ก็ยังรู้สึกเสียดายกับรถดีๆ แบบ 3 ถ้าจะให้ดี ปรับราคาลง หรือเพิ่มรุ่น 2.0 E มาเหมือนรุ่นที่แล้วก็อาจจะ
กู้สถานการณ์ได้ก็ได้นะ ดีกว่าปล่อยให้รถเหี่ยวเฉาไปบนโชว์รูมแบบนั้น เพราะรถที่สวย มันต้องขาย
เยอะๆ ตอนที่คนกำลังเห่อ ถ้าคนเลิกเห่อเมื่อไหร่ ก็จบแค่นั้น
แต่ตอนนี้ Mazda คงฝาความหวังไว้กับแค่ CX-30 ไปก่อน
เมื่อเทียบกับ HR-V, C-HR ต้องบอกว่า ดีกันคนล่ะแบบ
HR-V ลอยลมไปแล้ว ทั้งๆ ที่พื้นฐานแค่มาจาก Jazz แต่คนซื้อยอมรับ และได้หลังคากระจกที่คนไทยชอบ
C-HR ราคานี้ได้ระบบ hybrid ที่คนเริ่มยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ กลัวน้อยลง
พื้นฐานก็ TNGA เทียบเท่า Altis ซึ่งเหนือกว่า HR-V ที่แค่มาจาก Jazz
แต่เสา C นรก ทำให้คนขยาดไปตามๆ กัน
รูปโฉมก็เริ่มคุ้นตากัน อาจทำให้ลูกค้า fade ตัวออกไปหาคู่แข่งมากขึ้นเรื่อยๆ
CX-30 ได้พื้นฐานจาก C segment ซึ่งราคาเท่านี้ถือว่าถูก เพราะ C segment ยกสูง ครอบบอดี้ใหม่
ราคาต้องไปอยู่อย่างน้อยก็ต้องเท่าๆ กับ CR-V, CX-5 ตัวเริ่มต้น เพราะพวกนั้นก็พื้นฐานมาจาก C car เช่นกัน
ขอเทียบ XV ด้วย
ขานั้นคือเอา C hatchback มายกสูงโต้งๆ แต่ได้ขับ 4 ด้วย
ราคาอยู่ที่ประมาณ
1,350,000แก้ครับ ตัวที่ไม่ใช่ GT ราคาแค่ 1,159,000-1,259,000 บาทเทียบกับ CX-30 ที่เอา C hatchback มายกสูง เปลี่ยนเปลือกตัวถังทั้งหมด แบบ CR-V, CX-5
ทรงรถเปลี่ยน และมี headroom ที่น่าจะเยอะกว่า 3 hatchback ก็ต้อง บวกลบคูณหารเอาว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม
ถ้าเทียบกับ CX-5 แล้วคิดว่า ยอมได้ภายในที่แคบลง CX-30 นี่ก็ได้อุปกรณ์ทุกอย่างครบๆ
แต่ราคาถูกกว่า 330,000 บาท เออ ถ้าคิดแบบนี้ แล้วเป็นสาวก Mazda นี่ก็ happy อยู่นะ
เรื่องราคาจริงๆ ไม่ค่อยมีอะไรให้ติ
จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่า เรื่องปั๊มติ๊กไปถึงไหน Mazda น่าจะแถลงข่าวให้จริงๆ จังๆ จะได้รู้ความเป็นไป
เมื่อเปรียบเทียบพิมพ์เขียวรถ พบว่า CX-30 ได้ความหนาของรถเพิ่มขึ้นมาจริงๆ นั่นหมายถึง headroom ที่สูงขึ้น
ต้องลองไปนั่งวัดกับของจริงดู เพราะเบาะอาจถูกยกให้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ที่แน่นอนคือ
ถ้าเทียบเป็นก้อนเหล็ก 2 ก้อน CX-30 เป็นเหล็กที่ก้อนใหญ่กว่า 3 อย่างชัดเจน
เทียบกับ CX-5 ก็ยังเล็กกว่าอีกระดับนึงครับ ไล่กันเป็นลำดับขั้นๆ ดี
ผมว่าแฟนๆ Mazda อาจจะให้โอกาสอีกรอบนึง แต่ถ้ารอบนี้ยังทำแต่สิ่งที่แย่ๆ อยู่อีก
คงถึงคราวสิ้นสุดของแบรนด์ได้อยู่เหมือนกัน
หรือไม่ก็คงขายดีแค่ 2 ไปเรื่อยๆ เพราะยอมรับ มันโคตะระประหยัดน้ำมัน