หลังจากการแต่งงานกับนักธุรกิจอเมริกันเจ้าของดีลเลอร์ BMW วันนี้แทบจะเรียกได้ว่าเธอสลัดมาด ท็อป โมเดลบนแคทวอล์คออกจรเกือบหมด หันมาจับผ้าอ้อมกับขวดนมเป็นของคู่กาย และหนูน้อย  “เฮลี่”  นัยน์ตาสีฟ้าบรอนซ์ หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาฝรั่งนะแหละ ที่ทำให้ชีวิตของเธอวันนี้เปลี่ยนไปแบบที่เจ้าตัวเองยังต้องบอกว่า Timing is all about timing

บนชั้น 36 ของคอนโดมิเนียมย่านใจกลางธุรกิจ เป็นสถานที่นัดพบระหว่างเรากับอดีตมิสไทยแลนด์เวิร์ลด์ ที่เพิ่งกลับจากการคว้ามงกุฎมิสซิสฮาวายพร้อมของรางวัลและเงินสดราว 8 แสนบาท โดยมีเฮลี่ ลูกสาววัย 14 เดือน เดินป้วนเปี้ยนไม่ยอมห่าง

“ตอนที่เขาประกาศว่ามิสซิสเฮเลน เบอร์เกอร์ ได้รับตำแหน่งมิสซิสฮาวายเชื่อไหม น้ำตาไหลออกมาเหมือนเพชรเลย ปลื้มใจเหมือนกับตอนที่ได้รับตำแหน่งนางงามครั้งแรกในชีวิต เพียงแต่เปลี่ยนจากมิสเป็นมิสซิสเท่านั้น” 

"อยากลดความอ้วนค่ะ (หัวเราะสนุก) จริง ๆ ก็เห็นใช่ไหมว่าเฮเลนคลอดลูกมาเกือบปีแล้ว แต่น้ำหนักยังไม่ลดกลับไปเหมือนเดิม กดดันมาก เฮเลนเข้าใจความรู้สึกของคนอ้วนเลย ยิ่งอยู่ในประเทศไทยที่คนส่วนใหญ่ตัวเล็ก ๆ ออกมานอกบ้านทีไรมีแต่คนทัก ทำไมอ้วนอย่านี้ ทำไมยังไม่ลดเสียที เราฟังทุกวัน ๆ จนกลายเป็นความกดดัน ทำให้รู้สึกแย่มาก เจมส์เลยบอกให้ไปพักผ่อนเถอะ เฮเลนก็คิดว่าลองกลับไปเมืองนอกเพื่อค้นหาตัวเองก็ดี ที่สำคัญคืออยากเรียนต่อด้วย เลยพาเฮลี่ไปหาคุณปู่คุณย่าที่ฮาวาย วันหนึ่งก็ไปเห็นโฆษณาประกวดมิสซิสฮาวายทางหน้าหนังสือพิมพ์ เลยโทรไปเช็คว่าผู้เข้าประกวดต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง เขาบอกว่าแค่เป็นพลเมืองชาวอเมริกัน และอยู่รัฐฮาวายมานานหกเดือนก็ประกวดได้แล้ว เฮเลนก็มานั่งคิดว่า เราไม่รู้จักคนที่นั่น ส่วนเมืองไทยก็ไม่มีใครรู้ว่าเฮเลนประกวด เพราะฉะนั้นถ้าตกรอบก็ไม่มีใครรู้ ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่ลองล่ะ จะได้มีเป้าหมายในการลดน้ำหนักด้วย เพราะเขาบอกว่ามีการสัมภาษณ์และต้องใส่ชุดว่ายน้ำ ชุดว่ายน้ำเหรอ ตอนนั้นไซส์เราใหญ่ไปนิดหนึ่ง ต้องรีบเดิน รีบลดน้ำหนัก (หัวเราะ)"

"ค่ะ ทุกวันเฮเลนจะตื่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้า ออกไปเดินกับคุณแม่เจมส์ประมาณสีไมล์ แล้วพอเก้าโมงเช้าก็พาเฮลี่ออกไปเดินเที่ยวอีกรอบ อาทิตย์หนึ่งจะเดินประมาณ 50-60 ไมล์ ฮาวายมีภูเขาเยอะอยู่แล้ว ทางเดินจะขึ้น ๆ ลง ๆ ช่วยให้กล้ามเนื้อได้ทำงานและหัวใจเราเต้นเร็วขึ้น โดยช่วงเดินสุดท้ายก่อนเข้าประกวดเฮเลนมีเทรนเนอร์มาฝึกให้อาทิตย์ละ 3 ครั้ง เพื่อให้รูปร่างเรามีกล้ามเนื้อขึ้นมานิดหน่อยและเล่นโยคะอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ทำให้น้ำหนักลดจาก 72 เหลือ 65 กิโลกรัม ส่วนอาหารพยายามจะลดเหมือนกันแต่ไม่เวิร์ค เพราะเห็นคุณแม่เจมส์ทานเค้ก เห็นคนนี้ทานไก่ ก็อยากจะทานด้วย เลยมุ่งไปที่การออกเอ็กเซอร์ไซส์ทุกวันแทน"

"แน่นอน เขาบอกว่าถ้าเฮเลนอยากลองก็พร้อมจะซัพพอร์ตเต็มที่ การประกวดที่เมืองนอกไม่เหมือนเมืองไทย เราต้องวิ่งหาสปอนเซอร์เอง เฮเลนก็ขอเรี่ยไรเงินจากญาติ ๆ เพื่อน ๆ นี่แหละ คนละ 100-200 เหรียญ เพื่อเอามาซื้อเสื้อผ้า รองเท้า จ้างช่างแต่งหน้าทำผม วันประกวดเฮเลนต้องใส่ชุดว่ายน้ำ ชุดสัมภาษณ์ และชุดราตรี ซึ่งตอนใส่ชุดราตรี ผู้เข้าประกวดทุกคนต้องมีสามีเดินขึ้นไปส่งบนเวที ให้กรรมการได้เห็นคู่ของเรา บรรยากาศวันนั้นตื่นเต้นมาก เฮเลนคอแข็งไปสองวันนะ เพราะเครียดที่เคยขึ้นเวทีประกวดตอนนั้นก็มาแล้ว พอกลับมาประกวดใหม่จึงตื่นเต้นมาก"

"เฮเลนรู้ว่าตัวเองเข้ารอบแน่ตั้งแต่วันสัมภาษณ์แล้ว กรรมการเขาทึ่งกับใบประวัติของเรา ประสบการณ์เราเพียบมากไม่ว่าจะเป็นมิสไทยแลนด์เวิล์ด เคยเล่นละครเวที เป็นวีเจรายการแชนแนลวีมา 9 ปี มันดูดีมากไงคะ แล้วพอได้สัมภาษณ์เรา เขายิ่งชอบ เพราะเฮเลนพูดเก่ง แถมพูดจากใจ โดยเฉพาะตอนที่เฮเลนพูดถึงน้ำหนักตัวเอง เฮเลนบอกเขาไปว่า เมื่อสี่เดือนที่แล้วน้ำหนักเราเกินมาเยอะมาก แต่วันนี้เราได้มานั่งตรงหน้าเขาด้วยน้ำหนักที่ลงไปเกือบ 20 ปอนด์ แค่นี้ก็แฮปปี้แล้วจะได้หรือไม่ได้ตำแหน่ง ไม่เป็นไร หลังจากนี้ก็ต้องเตรียมตัวไปประกวดมิสซิสอเมริกา ถ้าได้จึงค่อยไปมิสซิสเวิร์ลด์ก็กะว่าจะลดน้ำหนักลงให้ได้อีกห้ากิโล และต้องฝึกซ้อมเต้นระบำฮูล่าเพื่อไปโชว์ในวันประกวดด้วย"

"สนุกค่ะ พูดแล้วอาจไม่เชื่อ เพราะสมัยก่อนเฮเลนเป็นเด็กขี้อาย รูปร่างผอมสูง ใส่แว่นสายตา ขี้เหร่ด้วย วัน ๆ เอาแต่เก็บตัวอ่านหนังสืออยู่ในห้อง เป็นคนที่เรียนหนังสือเก่งมาก แต่ไม่มีเพื่อนสนิทเพราะคุณพ่อเป็นทหาร ต้องย้ายไปตามที่ต่าง ๆ คุณพ่อเจอกับคุณแม่ที่เมืองไทย เป็นรักแรกพบ รู้จักกันไม่นานก็แต่งงาน หลังจากนั้นเฮเลนก็เกิด พอเฮเลนอายุได้ 8 เดือน คุณพ่อก็ต้องย้ายไปรัฐมิสซุรี หลังจากนั้นย้ายไปอยู่ฮาวายได้ 6 ปี ตามด้วยเคนทักกี เทนเนสซี และฟลอริดา ทำให้เฮเลนต้องแยกกับเพื่อนตลอด"

"อายุ 12 เพราะถูกเพื่อนท้า คือเพื่อนสองคนเขาไปได้ใบปลิวเกี่ยวกับการประกวดมิสแบรนดอน ซึ่งเป็นการประกวดระดับเขต เขาท้าว่าเรากล้าเข้าประกวดไหม ถ้ากล้า เขาจะประกวดด้วย เฮเลนก็บอกว่าถ้าเขากล้า เราก็กล้า กลายเป็นเด็กผู้หญิงสามคนเข้าประกวดพร้อมกัน ถึงวันประกวดเฮเลนใส่ชุดไทยอยู่คนเดียว ติด 1 ใน 10 ด้วย ได้ถ้วยรางวัลกับสายสะพายเป็นรางวัลตั้งแต่นั้นมาติดใจ ทำให้เรากล้าขึ้น รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดอกไม้ที่ผลิบาน ทุกเสาร์อาทิตย์เฮเลนจะต้องไปประกวด มีประกวดรัฐไหน เป็นต้องมีชื่อเฮเลนเข้าประกวดตลอด นับได้ 300 เวทีแล้ว"

"ผลักดันเลยแหละ เขาภูมิใจว่าลูกสาวสวย ถึงแม้จะต้องประหยัดเพื่อเก็บเงินไว้ซื้อเสื้อผ้าให้เฮเลนใส่ประกวดเขาก็ไม่บ่น ตรงนี้อาจจะเป็นวัฒนธรรมของคนอเมริกันก็ได้ คือผู้คนของเขาจะให้ความสนใจเกี่ยวกับการประกวดมาก ทุกเดือนกันยายนของทุกปี ครอบครัวเราจะนั่งหน้าจอรอดูการประกวดมิสยูเอสเอ มิสยูนิเวิร์ส มิสเวิร์ลด์ ดูกันเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนกับดูแข่งขันฟุตบอลเลย เวลากรรมการให้คะแนน เราก็จะให้คะแนนด้วย แล้วดูว่าคะแนนที่เราให้เท่ากับที่กรรมการให้หรือเปล่า (หัวเราะ) แล้วก็มาถึงเวทีประกวดธิดาโดมซึ่งหากใครได้ที่ 1 จะมีสปอนเซอร์ส่งมาประกวดนางสาวไทย ปรากฎว่าปีนั้นแอน (เพชรรัตน์ สีแก้ว) ได้ที่ 1 ส่วนเฮเลนได้รอง แต่ทุกคนจะพูดกับคุณแม่ว่าน่าจะพาเฮเลนมาเซอร์เวย์ที่เมืองไทยก่อน จะได้รู้จักคน รู้จักเมืองไทย

จริง ๆ แล้วคุณแม่เคยพาเฮเลนมาเที่ยวเมืองไทยแล้วตอนอายุ 13 ปี ชอบมาก เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะที่รู้สึกว่าเราเข้าได้กับที่นี่ รู้สึกมี belonging คนที่นี่ชอบเราโดยที่ไม่ต้องรู้ว่าเราเรียนเก่งแค่ไหน คุณพ่อเป็นใคร ครอบครัวทำอะไร แต่แค่เรามีหน้าตาคล้าย ๆ กัน เขาก็ยอมรับเราแล้ว ซึ่งต่างกับเมืองแทมป้าที่เฮเลนอยู่ตอนนั้น บรรยากาศของเมืองเป็นคันทรี่มาก ทุกคนจะขับรถกระบะ แล้วผิวขาวกันทั้งนั้น จะไม่ค่อยมีคนผิวดำหรือคนเอเชียอยู่ เราผิวสีแทน เขาจะมองว่าคุณคือใคร คุณเป็นอะไร จะเจอคำพูดไม่สุภาพถึงขนาดพูดเหยียดหยามเราก็มี แต่กับเมืองไทย เรารู้สึกกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวมากกว่า เพราะฉะนั้นพอคุณแม่ถามว่าจะมาไหม เฮเลนบอกมาทันที"

ขอ tag เฮเลน ปทุมรัตน์ วรมาลี ด้วยค่ะ