ผมทดลองลุงทุนที่หวังปันผลเมื่อปี 2561 จากเงินทุนประมาณ 1 แสนบาทได้ผลตามคาดคือได้กำไร 4-5 % ต่อปี โดยค่าเฉลี่ยการชื้อขายหุ้นที่เป็นกำไรขาดทุนทางบัญชีออกมาเป็น +
ในปี 2562 ผมเริ่มทยอยค่อยเพิ่มทุนจาก 1 แสน เป็น 4 แสนกว่าบาท ก็ได้ผลตามคาดคือได้กำไร 4-5 % ต่อปี โดยค่าเฉลี่ยการชื้อขายหุ้นที่เป็นกำไรขาดทุนทางบัญชีออกมาเป็น +
แต่ในต้นปี 2563 นี้ เจอวิกฤต เรื่องสงครามการค้า จีน-อเมริกา ผมเห็นว่า หุ้นไม่น่าจะปลอดภัย เพราะค่าเแฉลี่ยการชื้อขายกำไรขาดทุนเริ่มเป็น - พอร์ตก็เป็น - 0.5 % จึงเริ่มถอนทุนออกจากพอร์ตหุ้นไปประมาณ 1.5 แสนบาท ไปลงในหุ้นกู้ และกองทุน คิดว่าถ้าไม่มีวิกฤตเพิ่มก็ได้เชฟตนเองไว้ส่วนหนึ่ง
แต่เมื่อโดน โควิด-19 แม้จะค่อยๆ ถอนทยอยขายทิ้ง ถอนเงินจากพอร์ตไปอีก 1 แสน ก็ยังทำให้กำไร เมื่อปี 61 และ 62 หายหมดไปในช่วงไม่ถึงเดือน และยังขาดทุนเงินสดไปประมาณ 4 - 5 พันบาท แถมขาดทุนในพอร์ตอีก ประมาณ 1 หมื่นบาท หรือ -5.69 %
เสนอให้เห้นเข้าใจขึ้น ดังภาพ

แม้ถอนทุนออกแล้วเหลือประมาณ 1.6 แสนบาท ก็ยังขาดทุน เป็นหมื่น หรือ -5.69%
และยังขาดทุนทางการบัญชีหรือตัวเงินจริงๆ ไปแล้วถึง 23,290.50 บาท

แต่ได้ปันผลมาแล้ว เมื่อปื 61 ประมาณ 5 พันบาท ปี 62 ได้ 13,287 บาท ปี 63 ได้ 1,421 บาท
คือได้กำไรมาทั้งหมด ตั้งแต่ ปี 61 - 62 - 63(2 เดือน) = 19,708 บาท
ดังนั้นผมขาดทุนตัวเงินจริงๆ ไปแล้วคือ 23,920.50 - 19,708 = 4,210.50 บาท
และยังขาดทุนในพอร์ตที่ยังติดลบ(ยังไม่ขายถือว่ายังไม่เป็นการขาดทุนหรือกำไรแท้จริง) = -9,283.38 หรือ -5.69%
สรุป โดยรวม การลงทุนในหุ้นแบบคนแก่ ตามแบบของผมไม่ประสบความสำเร็จ มีสถานการณ์ทำให้เงินเก็บยามเกษียณหายไปได้ และเสียเวลาไป แถมขาดทุนดอกเบี้ย
แต่ถ้าถือว่าเล่นหุ้นแบบสนุกให้มีชีวิตชีวาบ้าง ในวงเงินประมาณ 1 แสน ก็ถือว่าไม่เป็นอะไร.
เสนอเป็นกรณีศึกษาร่วมกัน
แสดงการลงทุนในหุ้นแบบคนแก่ เพื่อให้ได้เงินเพิ่ม 1-2 พันต่อเดือนหลังเกษียณ ว่าสมคารหรือไม่เมื่อเจอวิกฤตเป็นกรณีศึกษา
ในปี 2562 ผมเริ่มทยอยค่อยเพิ่มทุนจาก 1 แสน เป็น 4 แสนกว่าบาท ก็ได้ผลตามคาดคือได้กำไร 4-5 % ต่อปี โดยค่าเฉลี่ยการชื้อขายหุ้นที่เป็นกำไรขาดทุนทางบัญชีออกมาเป็น +
แต่ในต้นปี 2563 นี้ เจอวิกฤต เรื่องสงครามการค้า จีน-อเมริกา ผมเห็นว่า หุ้นไม่น่าจะปลอดภัย เพราะค่าเแฉลี่ยการชื้อขายกำไรขาดทุนเริ่มเป็น - พอร์ตก็เป็น - 0.5 % จึงเริ่มถอนทุนออกจากพอร์ตหุ้นไปประมาณ 1.5 แสนบาท ไปลงในหุ้นกู้ และกองทุน คิดว่าถ้าไม่มีวิกฤตเพิ่มก็ได้เชฟตนเองไว้ส่วนหนึ่ง
แต่เมื่อโดน โควิด-19 แม้จะค่อยๆ ถอนทยอยขายทิ้ง ถอนเงินจากพอร์ตไปอีก 1 แสน ก็ยังทำให้กำไร เมื่อปี 61 และ 62 หายหมดไปในช่วงไม่ถึงเดือน และยังขาดทุนเงินสดไปประมาณ 4 - 5 พันบาท แถมขาดทุนในพอร์ตอีก ประมาณ 1 หมื่นบาท หรือ -5.69 %
เสนอให้เห้นเข้าใจขึ้น ดังภาพ
แม้ถอนทุนออกแล้วเหลือประมาณ 1.6 แสนบาท ก็ยังขาดทุน เป็นหมื่น หรือ -5.69%
และยังขาดทุนทางการบัญชีหรือตัวเงินจริงๆ ไปแล้วถึง 23,290.50 บาท
แต่ได้ปันผลมาแล้ว เมื่อปื 61 ประมาณ 5 พันบาท ปี 62 ได้ 13,287 บาท ปี 63 ได้ 1,421 บาท
คือได้กำไรมาทั้งหมด ตั้งแต่ ปี 61 - 62 - 63(2 เดือน) = 19,708 บาท
ดังนั้นผมขาดทุนตัวเงินจริงๆ ไปแล้วคือ 23,920.50 - 19,708 = 4,210.50 บาท
และยังขาดทุนในพอร์ตที่ยังติดลบ(ยังไม่ขายถือว่ายังไม่เป็นการขาดทุนหรือกำไรแท้จริง) = -9,283.38 หรือ -5.69%
สรุป โดยรวม การลงทุนในหุ้นแบบคนแก่ ตามแบบของผมไม่ประสบความสำเร็จ มีสถานการณ์ทำให้เงินเก็บยามเกษียณหายไปได้ และเสียเวลาไป แถมขาดทุนดอกเบี้ย
แต่ถ้าถือว่าเล่นหุ้นแบบสนุกให้มีชีวิตชีวาบ้าง ในวงเงินประมาณ 1 แสน ก็ถือว่าไม่เป็นอะไร.
เสนอเป็นกรณีศึกษาร่วมกัน