ปรากฏการณ์ธรรมชาติสีเปลี่ยน

 “น้ำแข็งแอนตาร์กติกา” กลายเป็นสีชมพู



นักสำรวจทวีปแอนตาร์กติกา ได้มีโอกาสเดินทางไปสำรวจพื้นที่เกาะอาร์เจนทีน (Argentine island) ทางตะวันตกเฉียงเหนือจากศูนย์กลางของแอนตาร์กติกา พวกเขาได้ค้นพบกับเหตุการณ์ประหลาด เมื่อน้ำแข็งบางส่วนบนเกาะมีสภาพเป็นสีชมพูสลับขาว คล้ายกับกำลังหลั่งเลือด
 
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ถูกจับภาพไว้ได้ใกล้ๆ กับสถานีวิจัยของอังกฤษ และเมื่อนักสำรวจนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปตรวจสอบก็พบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น น่าจะมีต้นเหตุมาจากตะไคร่น้ำที่มีชื่อว่า Chlamydomonas nivalis 
เจ้าตะไคร่น้ำตัวนี้ นอกจากจะมีจุดเด่นอยู่ที่สีแดงของมันแล้ว มันยังเป็นตะไคร่น้ำที่ทนทานต่อความหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ขนาดที่ว่ามันสามารถเติบโตได้แม้แต่ในพื้นที่หิมะทั่วโลก
 
ในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ การเติบโตของตะไคร่น้ำในหิมะที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเสียเท่าไหร่ เพราะอ้างอิงจากนักวิทยาศาสตร์ของยูเครน ดูเหมือนว่ามันจะมีความเป็นไปได้ว่าสีของตะไคร่น้ำจะไปลดการสะท้อนแสงของน้ำแข็งในบริเวณลง จนทำให้น้ำแข็งละลายเร็วขึ้นกว่าที่ควรก็เป็นได้

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้บวกกับความจริงที่ว่าอุณหภูมิของทวีปแอนตาร์กติกาตะวันตกกำลังค่อยๆ เพิ่มขึ้นก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มหวาดกลัวว่าเหตุการณ์เหล่านี้ อาจจะทำให้เราเสียน้ำแข็งไปโดยไม่จำเป็น แม้ว่าจะมีนักวิทยาศาสตร์อีกหลายกลุ่มที่ออกมาแย้งว่า ปริมาณน้ำแข็งที่เปลี่ยนสีไปนั้นไม่ได้มีมากพอจะทำให้เกิดความแตกต่างขนาดนั้นได้

หลายๆ คนอาจจะเกิดคำถามขึ้นมาว่าเราจะทานน้ำแข็งที่เห็นนี้ได้ไหม  ซึ่งสำหรับคำถามนี้ ดูเหมือนว่า Chlamydomonas nivalis นั้นจะเป็นตะไคร่มีโอกาสที่จะเป็นพิษกับมนุษย์สูง ดังนั้นการจะทานน้ำแข็งเหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องที่นักวิทยาศาสตร์แนะนำเลย
ที่ผ่านๆ มาเราก็เคยมีเหตุการณ์ธารน้ำแข็งนิวซีแลนด์กำลังกลายเป็นสีชมพูจากไฟป่าที่ออสเตรเลียมาแล้ว และเพนกวินอาเดลีเองก็สามารถเปลี่ยนสีน้ำแข็งเป็นสีชมพูด้วยอึของมันเช่นกัน
ที่มา foxnews, dailymail
Cr. https://www.catdumb.tv/watermelon-snow-378/ By เหมียวศรัทธา

‘หิมะสีส้ม’ ตกในยุโรปตะวันออก


หลายประเทศในทวีปยุโรปแถบตะวันออกต้องเจอกับปรากฏการณ์ประหลาด เมื่อหิมะที่ตกลงมาเป็นสีส้ม แทนที่จะเป็นสีขาวของหิมะตามปกติ หิมะสีส้มที่ตกลงมานั้นเปลี่ยนภูมิประเทศบนเทือกเขาหลายแห่งให้กลายสภาพเป็นเหมือนดาวอังคารเลยทีเดียว

สำนักอุตุนิยมวิทยาของอังกฤษระบุว่า หิมะสีส้มเกิดจากฝุ่นทรายที่ถูกลมพายุหอบมาจากทะเลทรายซาฮาร่าทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา เมื่อฝุ่นทรายถูกหอบขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศที่สูงขึ้น มันก็จะถูกกระจายไปยังที่อื่นๆ และเมื่อดูภาพถ่ายดาวเทียมขององค์การนาซ่าแล้ว จะเห็นได้ว่ามีฝุ่นสีส้มจำนวนมากอยู่ในชั้นบรรยากาศ กำลังเคลื่อนที่ผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเมื่อมีฝนหรือหิมะตกในจุดที่มีทรายอยู่ในชั้นบรรยากาศ ฝุ่นทรายสีส้มก็จะถูกพาลงมาด้วย

ปรากฏการณ์ประหลาดเช่นนี้ นักเล่นสโนว์บอร์ดในแถบเทือกเขาของเมืองโซชิ ประเทศรัสเซีย ไม่พลาดที่จะถ่ายภาพมาอวดกันในโลกโซเชียลอย่างสนุกสนาน ซึ่งบรรยากาศที่เห็นเหมือนดาวอังคารมากๆ
 
ปรากฏการณ์หิมะสีส้มเคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2007 ที่ไซบีเรีย ซึ่งชาวบ้านบอกว่า หิมะเป็นสีส้ม มีกลิ่น และเมื่อสัมผัสแล้วมีลักษณะมันๆเหมือนมีน้ำมันผสมมาด้วย ซึ่งรัฐบาลรัสเซียชี้แจงว่า เกิดจากพายุหอบฝุ่นทะเลทรายมาจากคาซัคสถาน แต่องค์กรเอกชนรัสเซียบอกว่า เกิดจากการปนเปื้อนของโลหะหนัก กรด และไนเตรต เสียมากกว่า
ขอบคุณภาพจาก IG : sinyaya_ptiza
Cr.https://www.springnews.co.th/news/221441

ปรากฏการณ์ใบไม้เปลี่ยนสี


ประเทศเกาหลีใต้ ตั้งอยู่ในเขตอบอุ่นของโลก จึงทำให้มี 4 ฤดูกาล คือ ฤดูหนาว Winter (ช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์) มีหิมะตก ฤดูใบไม้ผลิ Spring (ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม) อากาศเริ่มอบอุ่น มีดอกไม้บาน ฤดูร้อน Summer (ช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม) อากาศร้อนและมีฝน และฤดูใบไม้ร่วง Autumn (ช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน) มีใบไม้เปลี่ยนสี นั่นเอง

ใบไม้เปลี่ยนสีเกิดขึ้นได้อย่างไร?  เป็นที่ทราบกันดีว่าใบไม้ทั่ว ๆ ไปมีสีเขียวเป็นส่วนหลัก แต่มีสีอื่น ๆ ได้ ตามลักษณะเฉพาะของสายพันธุ์ แต่ปรากฏการณ์ใบไม้เปลี่ยนสีจะเกิดขึ้นในต้นไม้เกือบทุก ๆ ชนิดในเขตอบอุ่นขึ้นไปจนถึงเขตหนาว เนื่องมาจากว่าลดกระบวนการสังเคราะห์แสง

ในช่วงฤดูที่มีแดดมาก มีแสงแดดและน้ำเพียงพอต่อการสังเคราะห์แสง พืชจึงเกิดการสังเคราะห์แสงโดยรงควัตถุคลอโรฟิลล์ได้เป็นอาหารแก่พืช รวมถึงออกซิเจนแก่โลกด้วย รวมทั้งเพื่อสะสมไว้ในฤดูขาดแคลนแสงและแห้งแล้งด้วย คลอโรฟิลล์ไม่ดูดกลืนแสงในช่วงสีเขียวจึงทำให้เกิดการสะท้อนกลับออกมาให้มนุษย์เห็นเป็นสีเขียว

เมื่อจะเข้าสู่ฤดูขาดแคลนแสงและแห้งแล้งในช่วงหน้าหนาว พืชจึงมีการปรับตัวโดยการลดการใช้พลังงานในตัวเองในภาวะที่มีแสงน้อย ซึ่งไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ พืชจึงนำอาหารที่สะสมไว้มาใช้งาน และลดการใช้พลังงานหลายส่วน คือ ใบพืชที่ไม่สามารถสังเคราะห์แสงด้วย คลอโรฟิลล์ที่เริ่มหยุดทำงานและตายไปจึงไม่ทำให้เกิดสีเขียว รงควัตถุอื่น ๆ ที่สะท้อนแสงสีอื่น เช่น สีแดง สีส้ม สีเหลือง เป็นต้น จึงปรากฏเด่นชัดขึ้นในใบช่วงหนึ่ง ก่อนที่ใบไม้จะร่วงโรยไป เพราะพืชไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ และลดการใช้พลังงาน เราจึงเห็นใบไม้เปลี่ยนสีมากมายในเขตอบอุ่น ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาว ที่มีหิมะตก
ขอบคุณภาพจาก Trentepohlia sp.
Cr.http://www.isarninter.com/ใบไม้เปลี่ยนสีที่เกาหล/  BY ISARN INTER TEAM ISARN INTER TEAM
 

 
กองทัพภูเขาน้ำแข็งสีฟ้าขนาดยักษ์


 เช้าวันอาทิตย์ ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2018 ณ ชายฝั่ง Great Lakes รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เกิดปรากฏการณ์เกยตื้นของภูเขาน้ำแข็งสีฟ้าขนาดยักษ์จำนวนมากที่ชายฝั่ง สร้างความตะลึงให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่แถวนั้น เพราะว่าน้ำแข็งสีฟ้าเป็นสิ่งที่หาได้ยากในธรรมชาติ 
น้ำแข็งสีฟ้าเกิดจากการที่หิมะตกลงบนธารน้ำแข็งแล้วอัดตัวกันลงไปจนหนาแน่นจนทำให้แสงลอดผ่านไม่ได้ จึงทำให้น้ำแข็งปรากฏเป็นสีฟ้า
  
ก้อนน้ำแข็งบีบอัดตัวกันจนแน่นเป็นก้อนน้ำแข็งสีฟ้าขนาดใหญ่มาเกยที่ชายฝั่ง สร้างความตื่นเต้นให้กับชาวบ้านแถวนั้น หลายๆ คนตื่นตาตื่นใจออกมาถ่ายรูปเก็บไว้กัน กับความงามที่ธรรมชาติมอบให้
Tori Burley ช่างภาพสาวได้รับข้อความสุดตื่นเต้นจากคุณพ่อให้เธอมาดูก้อนน้ำแข็งยักษ์เหล่านี้ด้วยตาของเธอเอง เธอได้เก็บบันทึกภาพความงามเหล่านี้ไว้ และไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่เธอจะได้เห็นมันอีก
ที่มา dailymail
Cr.https://www.catdumb.com/mountains-of-rare-blue-ice-282/  By เหมียวบู้บี้

ปรากฏการณ์น้ำเปลี่ยนสี


ปรากฏการณ์น้ำเปลี่ยนสีหรือที่ชาวประมงเรียกว่า “ ขี้ปลาวาฬ ” เป็นปรากฏการณ์ที่น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีต่างๆ ที่ผิดไปจากสีของน้ำทะเลตามธรรมชาติ มีกลิ่นเหม็น และมีลักษณะเป็นตะกอนแขวนลอยในน้ำ เป็นหย่อมหรือเป็นแถบยาว ตามแนวทิศทางของกระแสลมและคลื่น ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ซับซ้อนโดยเกิดจากปัจจัยต่างๆ ทั้งทางด้านกายภาพและชีวภาพร่วมกัน เช่น แสงสว่าง อุณหภูมิ ความเค็ม กระแสน้ำ คลื่นลม ธาตุอาหาร และพฤติกรรมของแพลงก์ตอน จึงเป็นการยากที่จะทำนายว่าเมื่อใดจะเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่าปัจจัยที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการเกิดปรากฏการณ์นี้ คือ ธาตุอาหารต่างๆ ที่ระบายลงสู่ทะเล ทั้งที่มาจากแม่น้ำลำคลอง และมาจากท้องทะเลเอง เมื่อประกอบกันเข้าเป็นสภาวะที่เหมาะสมทำให้แพลงก์ตอนบางชนิดเจริญเติบโตขยายจำนวนมากและรวดเร็ว ทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนสีเป็นสีต่างๆ ตามสีของแพลงก์ตอนที่มีมากในขณะนั้น เช่น เขียว เหลืองอมเขียว น้ำตาล น้ำตาลแดง หรือแดง เป็นต้น 

ซึ่งปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีเป็นสีแดง โดยมากมักจะเกิดจาก Gymnodinium breve ผู้พบเห็นจึงเรียกว่า “ RED TIDE ” ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกปรากฏการณ์น้ำเปลี่ยนสีในเวลาต่อมา
Red tide เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจาก การเพิ่มจำนวนประชากรอย่างมหาศาล ของสาหร่ายเซลล์เดียวในทะเล หรือที่รู้จักกันดีว่าคือ algae bloom จำนวนประชากรของสาหร่ายเซลล์เดียวที่มากมาย ทำให้เห็นน้ำทะเลเป็นสีแดง
Cr.https://hi-in.facebook.com/PCD.go.th/posts/658237114259679/ By กรมควบคุมมลพิษ

ปรากฏการณ์ท้องฟ้าสีแดง


การที่ท้องฟ้ายามเย็นเป็นสีแดงนั้น เกิดจากการกระเจิงของแสง (scattering) เนื่องจากการกระเจิงของแสงนั้น จะเกิดขึ้นได้ดีกว่าในแสงที่มีความยาวคลื่นสั้น แสงที่มีสีฟ้าจึงจะสามารถกระเจิงได้ง่ายกว่าสีแดงเป็นอย่างมาก การกระเจิงของแสงสีฟ้านี้เอง ที่ทำให้เราเห็นท้องฟ้าในเวลากลางวันเป็นสีฟ้า

แต่ในเวลาเย็นนั้น แสงอาทิตย์ต้องเดินทางเฉียดผิวโลกมากขึ้น ทำให้ต้องผ่านชั้นบรรยากาศที่หนาขึ้น จึงมีการกระเจิงที่เพิ่มขึ้น เมื่อแสงความยาวคลื่นสั้นอื่นๆ ถูกกระเจิงไปหมดแล้ว เราจึงสังเกตเห็นแสงสีแดงที่กระเจิงได้น้อยกว่า ในปริมาณที่มากกว่าแสงความยาวคลื่นอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เองเราจึงสังเกตเห็นท้องฟ้าในยามเย็นเป็นสีส้มแดง เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Atmospheric Extinction หรือ Reddening

เนื่องจากการกระเจิงของแสงนั้นขึ้นอยู่กับฝุ่นในชั้นบรรยากาศของโลก ในบางครั้งที่มีฝุ่นเยอะเป็นพิเศษ เช่นในบริเวณที่มีเถ้าภูเขาไฟหรือไฟป่าลอยมา เราอาจจะพบว่าแสงสนธยามีความแดงเป็นพิเศษ 
นอกจากนี้ ในทางดาราศาสตร์นั้น กระบวนการ Extinction นี้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่เฉพาะชั้นบรรยากาศของโลกเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อเราสังเกตดาวฤกษ์ผ่านกลุ่มเนบิวลาหรือแถบฝุ่นของกาแล็กซีทางช้างเผือก เราก็จะพบว่าดาวฤกษ์เบื้องหลังนั้นสี "แดง" กว่าอย่างเห็นได้ชัด เราเรียกว่า Interstellar Extinction นอกไปจากนี้บริเวณที่ฝุ่นหนามากๆ เราอาจจะไม่สามารถสังเกตเห็นดาวฤกษ์ในช่วงความยาวคลื่นแสงปรกติได้เลย แต่เรายังสามารถสังเกตเห็นได้ผ่านทางความยาวคลื่นอินฟราเรดหรือวิทยุ ที่มีความยาวคลื่นสูงกว่าเป็นอย่างมาก
ภาพ: แม่น้ำเจ้าพระยากับฝั่งธนบุรียามเย็น วันที่ 27 ตุลาคม 2559
Cr. https://th-th.facebook.com/matiponblog/posts/524622887747922/ โดย  มติพล ตั้งมติธรรม

ปรากฏการณ์อุกาฟ้าเหลือง


ตามความเชื่อของคนโบราณ เรียกว่า “อุกาฟ้าเหลือง” โดยมีความเชื่อว่าจะเป็นลางบอกเหตุว่าจะเกิดภัยพิบัติขึ้น แต่ทางวิทยาศาสตร์คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่มักเกิดก่อนที่จะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง
ซึ่งในช่วงที่เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวนั้น เมฆได้ลอยลงมาอยู่บริเวณแนวต่ำมาก โดยเมฆอยู่ในระดับลอยต่ำ จะมีไอน้ำมาเกาะหนาแน่น ทำให้เกิดความชื้นสูง เมื่อพระอาทิตย์ส่องแสงกระทบละอองไอน้ำรอบๆ ก้อนเมฆ ทำให้เกิดแสงหักเหเป็นสีเหลืองเข้ม ที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติดังกล่าว ไม่ค่อยมักเกิดขึ้นให้เห็น จึงทำให้ประชาชนชาวลำปางตื่นตากับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติดังกล่าว หลายคนถ่ายรูปไว้ และแชร์ในโซเชียลมีเดียให้ผู้อื่นได้เห็น โดยเฉพาะในเฟซบุ๊ก
Cr. https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1139949
 
 
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่