ฮาย ฮาย ชาวพันทิพย์ทุกคน หลังจากห่างหายจากการรีวิวไปพักใหญ่ getalongwell กลับมาแล้วค่า
ก่อนอื่นขอฝากเพจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนก่อนน้า
https://www.facebook.com/getalongwell.net/
คราวนี้เราจะพาไปเที่ยวกาญจนบุรีกันอีกแล้ว เมื่อปีก่อนนู้นเราพาไปล่องแพที่กาญจนบุรี แต่รอบนี้เรามาเหนือ เพราะเราจะพาทุกคนเปลี่ยนบรรยากาศไปล่องเรือส่วนตัว ชมวิวสวยๆสองข้างทาง ชมพระอาทิตย์ตกดิน และที่พลาดไม่ได้เลยคือรอดูขบวนรถไฟวิ่งผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแคว เอาล่ะตามพวกเราไปเที่ยวกาญจนบุรีกันเลย
ทริปนี้เราไปพักกันที่ ปลากาญจน์รีสอร์ท เนื่องจากรีสอร์ทนี้เค้ามีบริการล่องเรือริมแม่น้ำ ดื่มด่ำธรรมชาติ
แต่ก่อนจะเข้าไปที่รีสอร์ท ขอแวะร้านกาแฟสักเติมพลังกันสักนิด
ร้านกาแฟร้านนี้น่ารักมาก ชื่อ The Attic รูปทรงของร้านเหมือนห้องใต้หลังคา ร้านเป็นสีเขียวอ่อนๆตัดกับสีขาวทำให้ดูเย็นตา
พิกัดอยู่ใกล้กับโตโยต้ากาญจนบุรีเลย เปิดกูเกิลแมพมาได้ ไม่หลงแน่นอน
**อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ในเพจเลยน๊า
แอบไปถามพนักงานถึงคอนเซ็ปต์ของร้าน น้องเค้าบอกว่าที่รูปทรงเหมือนใต้หลังคา เพราะเจ้าของร้านต้องการจะปิดกั้นตรงโซนถนนไม่ให้เห็นรถวิ่งผ่าน เหมือนกับการปิดกั้นความวุ่นวายจากสิ่งต่างๆภายนอก เมื่อลูกค้าเข้ามาในร้านจะรูสึกสบายและผ่อนคลาย ซึ่งมันก็ผ่อนคลายจริงๆ

มุมยอดฮิตของร้าน ฟิลลิ่งเหมือนอยู่ใต้หลังคาจริงๆ
มุมนั่งชิวๆ สบายๆ
หลังจากที่ลองท้องกันไปพอสมควร ก็ได้เวลาไปที่รีสอร์ทกันแล้วจ้า
จากร้านกาแฟขับรถไปอีกประมาณ 10 นาทีก็ถึง
ใครไปไม่ถูกดูจากแผนที่รีสอร์ทนี้ได้เลย( รูปนี้จากเฟสบุคของทางรีสอร์ท) หรือจะเปิดกูเกิลแมพก็ได้จ้า
พอรถเลี้ยวเข้าจอดในรีสอร์ท จะมีพนักงานมาคอยต้อนรับและยกกระเป๋าให้ถึงที่รถเลย
welcome drink ของที่นี่คือน้ำส้มเย็น ๆ ชื่นใจสุด ๆ
แม้ข้างนอกแดดจะร้อนแรง แต่พอเดินเข้ามาตรง Lobby เฮ้ยยแกรเอ้ยมันคนละบรรยากาศเลย ข้างในรีสอร์ทลมพัดเย็นสบายมากๆ
บวกกับการตกแต่งโทนไม้ที่เน้นให้ดูอบอุ่นสบายตา ทำให้ดับความร้อนไปได้เยอะ
ได้คีย์การ์ดแล้วไปห้องพักกันเถอะ

ระหว่างทางเดินไปที่ห้องพักจะผ่านสระว่ายน้ำ มีน้องเป็ดตัวใหญ่ลอยกลางสระคอยต้อนรับอยู่ด้วย

เราไปดูห้องพักกันดีกว่า ห้องที่เรานอนคืนนี้ คือ Superior และ delux
ขอเริ่มที่ห้อง Superior
ห้องทั้งสองแบบจะมีระเบียงและอุปกรณ์เหมือนกันหมด มีไดร์เป่าผมให้ด้วย แต่ที่เราชอบที่สุด คือความเยอะของปลั๊กไฟ มีทุกจุดไปเลยจ้า
สาแก่ใจชาวโซเชียลอย่างเรายิ่งนัก

ทุกห้องคือให้หมอนนอนใบใหญ่ต่อคน 2 ใบ แถมใบเล็กอีก 1 ใบ ใครนอนหมอนสูงหมอนต่ำไม่ต้องเกี่ยงกันเลย

มาต่อที่ห้อง delux จะแยกเป็น 2 ห้อง คือห้องนอนและห้องนั่งเล่น มีทีวี 2 เครื่อง ตู้เย็น 2 ตู้ และห้องน้ำ2ห้อง
แต่จะสามารถใช้อาบน้ำได้แค่ห้องเดียว แต่ที่ถูกใจคือเตียงนอนไซส์พิเศษ กว้าง 7 ฟุต และทำความยาวเพิ่มต่างหาก
คนตัวสูงๆนอนรับรองว่าเท้าไม่เลยแน่นอนจ้า
โซนห้องนั่งเล่น (ขอยืมรูปจากทางรีสอร์ทมาอีกแล้วจ้า) ตอนจะถ่ายคือทุกคนวางของกันเละมาก 555
มีโซฟาสำหนับนั่งดูทีวี และยังมีโต๊ะให้อีก 1 ชุด เอาไว้นั่งกินข้าวกินขนมก็ว่าก็ไป
ตู้เย็นเสื้อผ้า พร้อมกระจกที่ใหญ่สะใจจริงๆ
ทุกห้องมีระเบียงให้ด้วย ห้อง delux มีระเบียงทั้งโซนห้องนอน และโซนห้องนั่งเลย โซนห้องนอนจะเห็นวิวสระน้ำ
ส่วนโซนห้องนั่งเล่นจะเห็นวิวแม่น้ำแม่กลอง
สำหรับใครที่มีผู้สูงอายุ หรือคนที่ใช้วิลแชร์มาด้วย ไม่ต้องห่วงเลย เพราะที่นี่เค้าคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้เข้าพักทุกคน
มีทางที่ใช้สำหรับรถเข็นโดยเพาะ ตั้งแต่ทางเข้าหน้าลอบบี้ ยาวไปจนถึงห้องพักเลย และก็ยังมีห้องน้ำสำหรับผู้ใช้วิลแชร์โดยเฉพาะ
มีราวจับ เก้าอี้ รถเข็นสามารถเข็นเข้าไปในห้องน้ำได้เลย

เอาล่ะๆ หลังจากเก็บของกันเสร็จแล้ว ก็ใกล้จะได้ไปล่องเรือ แต่จะล่องเรือทั้งทีแต่งตัวเป็นธีมต้องมา
สีเหลืองสดใส รับแสงอาทิตย์ช่วงเย็น
16.00 ได้เวลาไปขึ้นเรือกันแล้วจ้า ครั้งแรกของการล่องเรือชมแม่น้ำเลยนะเนี่ย มีความตื่นเต้นเล็กน้อย ระยะเวลาในการล่องเรือคือ 2 ชั่วโมง โดยจะล่องไปตามแม่น้ำแม่กลอง เราจะได้เห็นวิวสองข้างทางสวยๆ พร้อมกับกินสแนคเบาๆ
เรือมี 2 ชั้น ด้านบนจะเป็น open air ให้เราได้ขึ้นไปสูดอากาศเย็นๆ
ด้านล่างจะเป็นห้องแอร์ นั่งพักได้เย็นๆ สบายๆ
ไปยืนมองๆพี่กัปตันอยู่นาน พี่เค้าเลยถามว่า อยากลองไหม มีหรอที่เราจะปฏิเสธ ฮ่าๆ
นั่งเล่นกันไปได้สักพัก แดดเริ่มอ่อนลง ได้เวลาไปกดชัตเตอร์รัวๆกันแล้วจ้า
จุดเช็คอินยอดฮิตของหลายๆคน คือสะพานข้ามแม่น้ำแคว ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้เห็นรถไฟวิ่งผ่านซะแล้ว
เพราะเค้าบอกว่ารถไฟมาช้า แต่พี่ๆเค้าใจดีจอดเรือรอจนกว่ารถไฟจะมา
เลยได้ภาพรถไฟสวย ๆ มาแบบนี้เลย
จุด hilight ทั้งที มีหรอที่แก๊งค์เราจะพลาดถ่ายรูป ดูจากผมที่กระเซิงก็รู้ว่าลมแรงขนาดไหน
ระหว่างล่องเรือกลับที่พัก พระอาทิตย์ก็เริ่มตกดินแล้ว มองจากมุมนี้สวยมากกกก ยิ่งเย็นลมยิ่งพัด ดับร้อนไปได้เยอะเลยทีเดียว

แสงดี วิวดี ถ่ายแบบไหนก็ดี
สามหนุ่มสามมุม
วิวตรงนี้ของจริงคือสวยมากก

มาถึงรีสอร์ทฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว มองจากมุมนีก็สวยอีกแบบเลยเนอะ
ก่อนมากินข้าวขอไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดกันก่อน
กินข้าวริมแม่ทั้งทีก็ต้องมีธีมกันอีกสักหน่อย บรรยากาศสบายๆ ชิวๆ ริมแม่น้ำแบบนี้ ต้องคู่กับตีมสีขาวใสๆ
บรรยากาศห้องอาหารยามค่ำคืน
เมนูอาหารเริ่มมาแล้ว เมนูแรกฝั่งซ้ายบนคือแกงคั่วปู ถ้วยนี้อร่อยมากกก สั่งมา 2 ถ้วยเลยจ้า
เมนูถัดไปด้านขวาบนแกงป่าไก่ น้ำพริกป่าสูตรพิเศษจากทางร้านเลย ผักเน้นๆ น้ำแกงแซ่บๆ
เมนูที่สามด้านซ้ายล่างกระเพาะปลาน้ำแดง ไม่ใช่แค่สีสันสวยงามน่ากิน รสชาติก็ยังอร่อยอีกด้วย
เมนูที่4 ปลาคังผัดฉ่า แซ่บถึงเครื่องมาก

เมนูถัดไปคือปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม กินร้อนๆคือดีมากก
และเมนูสุดท้าย ปลากระพงจู้ขิง เหมือนผัดขิงแต่มีน้ำซุปให้ซดร้อนๆ แปลกดี แต่อร่อยอยู่นะ
ถึงจะไม่พักที่นี่แต่ก็สามารถเข้ามาทานอาหาร สัมผัสบรรยากาศชิว ๆ ริมแม่น้ำได้เหมือนกัน ร้านปิดทุกวันอังคาร์นะจ๊า
กลางคืนไฟสวยมาก ถ่ายรูปออกมาสวยทุกรูป ฮ่าๆ
จบวันแรกแล้ว เดี๋ยวมาต่อวันที่ 2 ฝากกดติดตามกันไว้ด้วยน๊า
[SR] หนีเมืองมาชาร์จแบตกับเดอะแก๊งค์ที่ ปลากาญจน์รีสอร์ท
ก่อนอื่นขอฝากเพจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนก่อนน้า https://www.facebook.com/getalongwell.net/
คราวนี้เราจะพาไปเที่ยวกาญจนบุรีกันอีกแล้ว เมื่อปีก่อนนู้นเราพาไปล่องแพที่กาญจนบุรี แต่รอบนี้เรามาเหนือ เพราะเราจะพาทุกคนเปลี่ยนบรรยากาศไปล่องเรือส่วนตัว ชมวิวสวยๆสองข้างทาง ชมพระอาทิตย์ตกดิน และที่พลาดไม่ได้เลยคือรอดูขบวนรถไฟวิ่งผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแคว เอาล่ะตามพวกเราไปเที่ยวกาญจนบุรีกันเลย
ทริปนี้เราไปพักกันที่ ปลากาญจน์รีสอร์ท เนื่องจากรีสอร์ทนี้เค้ามีบริการล่องเรือริมแม่น้ำ ดื่มด่ำธรรมชาติ
แต่ก่อนจะเข้าไปที่รีสอร์ท ขอแวะร้านกาแฟสักเติมพลังกันสักนิด
ร้านกาแฟร้านนี้น่ารักมาก ชื่อ The Attic รูปทรงของร้านเหมือนห้องใต้หลังคา ร้านเป็นสีเขียวอ่อนๆตัดกับสีขาวทำให้ดูเย็นตา
พิกัดอยู่ใกล้กับโตโยต้ากาญจนบุรีเลย เปิดกูเกิลแมพมาได้ ไม่หลงแน่นอน
**อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ในเพจเลยน๊า
แอบไปถามพนักงานถึงคอนเซ็ปต์ของร้าน น้องเค้าบอกว่าที่รูปทรงเหมือนใต้หลังคา เพราะเจ้าของร้านต้องการจะปิดกั้นตรงโซนถนนไม่ให้เห็นรถวิ่งผ่าน เหมือนกับการปิดกั้นความวุ่นวายจากสิ่งต่างๆภายนอก เมื่อลูกค้าเข้ามาในร้านจะรูสึกสบายและผ่อนคลาย ซึ่งมันก็ผ่อนคลายจริงๆ
มุมยอดฮิตของร้าน ฟิลลิ่งเหมือนอยู่ใต้หลังคาจริงๆ
มุมนั่งชิวๆ สบายๆ
หลังจากที่ลองท้องกันไปพอสมควร ก็ได้เวลาไปที่รีสอร์ทกันแล้วจ้า
จากร้านกาแฟขับรถไปอีกประมาณ 10 นาทีก็ถึง
ใครไปไม่ถูกดูจากแผนที่รีสอร์ทนี้ได้เลย( รูปนี้จากเฟสบุคของทางรีสอร์ท) หรือจะเปิดกูเกิลแมพก็ได้จ้า
พอรถเลี้ยวเข้าจอดในรีสอร์ท จะมีพนักงานมาคอยต้อนรับและยกกระเป๋าให้ถึงที่รถเลย
welcome drink ของที่นี่คือน้ำส้มเย็น ๆ ชื่นใจสุด ๆ
แม้ข้างนอกแดดจะร้อนแรง แต่พอเดินเข้ามาตรง Lobby เฮ้ยยแกรเอ้ยมันคนละบรรยากาศเลย ข้างในรีสอร์ทลมพัดเย็นสบายมากๆ
บวกกับการตกแต่งโทนไม้ที่เน้นให้ดูอบอุ่นสบายตา ทำให้ดับความร้อนไปได้เยอะ
ได้คีย์การ์ดแล้วไปห้องพักกันเถอะ
ระหว่างทางเดินไปที่ห้องพักจะผ่านสระว่ายน้ำ มีน้องเป็ดตัวใหญ่ลอยกลางสระคอยต้อนรับอยู่ด้วย
เราไปดูห้องพักกันดีกว่า ห้องที่เรานอนคืนนี้ คือ Superior และ delux
ขอเริ่มที่ห้อง Superior
ห้องทั้งสองแบบจะมีระเบียงและอุปกรณ์เหมือนกันหมด มีไดร์เป่าผมให้ด้วย แต่ที่เราชอบที่สุด คือความเยอะของปลั๊กไฟ มีทุกจุดไปเลยจ้า
สาแก่ใจชาวโซเชียลอย่างเรายิ่งนัก
ทุกห้องคือให้หมอนนอนใบใหญ่ต่อคน 2 ใบ แถมใบเล็กอีก 1 ใบ ใครนอนหมอนสูงหมอนต่ำไม่ต้องเกี่ยงกันเลย
มาต่อที่ห้อง delux จะแยกเป็น 2 ห้อง คือห้องนอนและห้องนั่งเล่น มีทีวี 2 เครื่อง ตู้เย็น 2 ตู้ และห้องน้ำ2ห้อง
แต่จะสามารถใช้อาบน้ำได้แค่ห้องเดียว แต่ที่ถูกใจคือเตียงนอนไซส์พิเศษ กว้าง 7 ฟุต และทำความยาวเพิ่มต่างหาก
คนตัวสูงๆนอนรับรองว่าเท้าไม่เลยแน่นอนจ้า
โซนห้องนั่งเล่น (ขอยืมรูปจากทางรีสอร์ทมาอีกแล้วจ้า) ตอนจะถ่ายคือทุกคนวางของกันเละมาก 555
มีโซฟาสำหนับนั่งดูทีวี และยังมีโต๊ะให้อีก 1 ชุด เอาไว้นั่งกินข้าวกินขนมก็ว่าก็ไป
ตู้เย็นเสื้อผ้า พร้อมกระจกที่ใหญ่สะใจจริงๆ
ทุกห้องมีระเบียงให้ด้วย ห้อง delux มีระเบียงทั้งโซนห้องนอน และโซนห้องนั่งเลย โซนห้องนอนจะเห็นวิวสระน้ำ
ส่วนโซนห้องนั่งเล่นจะเห็นวิวแม่น้ำแม่กลอง
สำหรับใครที่มีผู้สูงอายุ หรือคนที่ใช้วิลแชร์มาด้วย ไม่ต้องห่วงเลย เพราะที่นี่เค้าคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้เข้าพักทุกคน
มีทางที่ใช้สำหรับรถเข็นโดยเพาะ ตั้งแต่ทางเข้าหน้าลอบบี้ ยาวไปจนถึงห้องพักเลย และก็ยังมีห้องน้ำสำหรับผู้ใช้วิลแชร์โดยเฉพาะ
มีราวจับ เก้าอี้ รถเข็นสามารถเข็นเข้าไปในห้องน้ำได้เลย
เอาล่ะๆ หลังจากเก็บของกันเสร็จแล้ว ก็ใกล้จะได้ไปล่องเรือ แต่จะล่องเรือทั้งทีแต่งตัวเป็นธีมต้องมา
สีเหลืองสดใส รับแสงอาทิตย์ช่วงเย็น
16.00 ได้เวลาไปขึ้นเรือกันแล้วจ้า ครั้งแรกของการล่องเรือชมแม่น้ำเลยนะเนี่ย มีความตื่นเต้นเล็กน้อย ระยะเวลาในการล่องเรือคือ 2 ชั่วโมง โดยจะล่องไปตามแม่น้ำแม่กลอง เราจะได้เห็นวิวสองข้างทางสวยๆ พร้อมกับกินสแนคเบาๆ
เรือมี 2 ชั้น ด้านบนจะเป็น open air ให้เราได้ขึ้นไปสูดอากาศเย็นๆ
ด้านล่างจะเป็นห้องแอร์ นั่งพักได้เย็นๆ สบายๆ
ไปยืนมองๆพี่กัปตันอยู่นาน พี่เค้าเลยถามว่า อยากลองไหม มีหรอที่เราจะปฏิเสธ ฮ่าๆ
นั่งเล่นกันไปได้สักพัก แดดเริ่มอ่อนลง ได้เวลาไปกดชัตเตอร์รัวๆกันแล้วจ้า
จุดเช็คอินยอดฮิตของหลายๆคน คือสะพานข้ามแม่น้ำแคว ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้เห็นรถไฟวิ่งผ่านซะแล้ว
เพราะเค้าบอกว่ารถไฟมาช้า แต่พี่ๆเค้าใจดีจอดเรือรอจนกว่ารถไฟจะมา
เลยได้ภาพรถไฟสวย ๆ มาแบบนี้เลย
จุด hilight ทั้งที มีหรอที่แก๊งค์เราจะพลาดถ่ายรูป ดูจากผมที่กระเซิงก็รู้ว่าลมแรงขนาดไหน
ระหว่างล่องเรือกลับที่พัก พระอาทิตย์ก็เริ่มตกดินแล้ว มองจากมุมนี้สวยมากกกก ยิ่งเย็นลมยิ่งพัด ดับร้อนไปได้เยอะเลยทีเดียว
แสงดี วิวดี ถ่ายแบบไหนก็ดี
สามหนุ่มสามมุม
วิวตรงนี้ของจริงคือสวยมากก
มาถึงรีสอร์ทฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว มองจากมุมนีก็สวยอีกแบบเลยเนอะ
ก่อนมากินข้าวขอไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดกันก่อน
กินข้าวริมแม่ทั้งทีก็ต้องมีธีมกันอีกสักหน่อย บรรยากาศสบายๆ ชิวๆ ริมแม่น้ำแบบนี้ ต้องคู่กับตีมสีขาวใสๆ
บรรยากาศห้องอาหารยามค่ำคืน
เมนูอาหารเริ่มมาแล้ว เมนูแรกฝั่งซ้ายบนคือแกงคั่วปู ถ้วยนี้อร่อยมากกก สั่งมา 2 ถ้วยเลยจ้า
เมนูถัดไปด้านขวาบนแกงป่าไก่ น้ำพริกป่าสูตรพิเศษจากทางร้านเลย ผักเน้นๆ น้ำแกงแซ่บๆ
เมนูที่สามด้านซ้ายล่างกระเพาะปลาน้ำแดง ไม่ใช่แค่สีสันสวยงามน่ากิน รสชาติก็ยังอร่อยอีกด้วย
เมนูที่4 ปลาคังผัดฉ่า แซ่บถึงเครื่องมาก
เมนูถัดไปคือปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม กินร้อนๆคือดีมากก
และเมนูสุดท้าย ปลากระพงจู้ขิง เหมือนผัดขิงแต่มีน้ำซุปให้ซดร้อนๆ แปลกดี แต่อร่อยอยู่นะ
ถึงจะไม่พักที่นี่แต่ก็สามารถเข้ามาทานอาหาร สัมผัสบรรยากาศชิว ๆ ริมแม่น้ำได้เหมือนกัน ร้านปิดทุกวันอังคาร์นะจ๊า
กลางคืนไฟสวยมาก ถ่ายรูปออกมาสวยทุกรูป ฮ่าๆ
จบวันแรกแล้ว เดี๋ยวมาต่อวันที่ 2 ฝากกดติดตามกันไว้ด้วยน๊า
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม