ถามหาความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัททัวร์ กรณีโคโรน่า (Covid 19)

เราจองทัวร์ไปญี่ปุ่นผ่านบริษัท A ตกลงซื้อทัวร์โปรแกรม JXW35 โอซาก้า เดินทางวันที่ 11-16 มีนาคม 2563  6 วัน 4 คืน เดินทางทั้งหมด 5 คน รวมเป็นเงิน 139,440 บาท 

เนื่องจากครอบครัวเรามีทั้งผู้สูงอายุ 2 คนและเด็กอายุ 2 ขวบ 4 เดือน อีก 1 คน คงไม่คุ้มหากไม่สบายและถูกกักตัวไว้ไม่ว่าจะที่ญี่ปุ่นหรือประเทศไทย และคงไม่คุ้มเลยถ้านำเชื้อโรคกลับมาติดครอบครัวและคนไทย เราเข้าใจในเงื่อนไขการซื้อทัวร์ว่าไม่สามารถเลื่อนหรือยกเลิกได้ในสถานการณ์ปกติ แต่ตอนนี้สถานการณ์วิกฤติของ Covid 19 ควรได้รับการพิจารณาเป็นกรณีๆไป ไม่ใช่อ้างแต่ว่าไม่คืนๆ กรณีของเราที่เป็นผู้บริโภคที่จ่ายเงินไปแล้ว เสียเปรียบแน่นอน แต่เราอยากถามกลับความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัททัวร์ทั้ง 2 บริษัท ว่าคุณไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อสถานการณ์ของ Covid 19 ตอนนี้เหรอคะ?? คุณไม่กลัวว่าคุณจะทำให้ลูกทัวร์คุณป่วย หรืออาจจะเป็นพาหะนำเชื่อไวรัสเข้าประเทศไทยของเราเหรอคะ??

Timeline

วันที่ 26 ธ.ค. 62 โอนมัดจำนวน 75,000 บาท 

วันที่ 15 ก.พ. 63 โอนส่วนที่เหลือจำนวน 64,440 บาท 
ก่อนโอนได้สอบถามเจ้าหน้าที่ บริษัท A ว่าหากเกิดการแพร่ขยายของไวรัส Covid19 จะทำยังไง เจ้าหน้าที่แจ้งว่า "กรณีนี้มี 2 ทางเลือกให้ลูกค้าค่ะ อาจจะให้เราเลื่อนพีเรียดหรือเปลี่ยนโปรแกรม และหากไม่สะดวก หรือบินไม่ได้อีก คืนเงินค่ะ"

วันที่ 17 ก.พ. 63 กระทรวงสาธารณสุขเริ่มออกเตือนประเทศที่เสี่ยง จึงได้สอบถามไปอีกครั้ง ทราบว่ายังไม่มีนโยบายที่ให้เลื่อนหรือยกเลิก สอบถามอีกครั้ง

วันที่ 19 ก.พ. 63 สายการบินเริ่มประกาศให้เลื่อนตั๋วไปญี่ปุ่นได้ เริ่มจาก การบินไทย , Thai Lion Air สอบถามไปยังบริษัททัวร์ก็บอกว่า "จากสถานการณ์ ทางสายการบินยังไม่มีมาตรการยกเลิกหรือให้เลื่อนเดินทางได้ค่ะและทางญี่ปุ่นยังไม่มีการกักกันเข้าหรือออกประเทศรวมถึงประเทศเราด้วยค่ะทั้ง2ประเทศเป็นการคัดกรองผุ้โดยสารเข้า-ออกประเทศเท่านั้นสำหรับท่านที่ไม่ได้ป่วยหรือมีไข้ สามารถเข้าออกปกติ ทางเราต้องขออนุญาตดำเนินการกรุ๊ปออกปกติค่ะ กรณีลุกค้าประสงค์ยกเลิกไม่เดินทางเลยต้องขออนุญาตยึดมัดจำค่ะ เนื่องจากตั๋วและแลนด์ทางเรามีค่าใช้จ่ายไปแล้ว สำหรับตอนนี้ลุกค้ายังสามารถเปลี่ยนผู้เดินทางได้นะคะ หรือกรณีลุกค้าทำงานราชการ /เอกชน ที่ห้ามเดินทางไปในประเทศญี่ปุ่น มีจดหมายมาทางเราสามารถนำส่งให้สายการบินพิจารณาเพื่อขอยกเลิกได้ค่ะ "

วันที่ 21 ก.พ. 63 สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ (เที่ยวบิน XJ) ประกาศอนุญาตให้เลื่อนการเดินทางได้ จึงขอเลื่อนไปทางบริษัท A ได้รับคำตอบว่า ไม่สามารถเลื่อนได้นะคะ เนื่องจากเป็นกรุ๊ปเหมา แต่ยังสามารถเปลี่ยนชื่อผู้เดินทางทั้ง 5 ท่านได้ภายในวันที่ 24 ก.พ. 63 พร้อมทั้งอาจตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2553ว่าผิดเงื่อนไขทำให้ไม่สามารถได้เงินคืน (จึงได้โทรไปปรึกษากรมการท่องเที่ยว ซึ่งให้เบอร์นิติกรมา แต่ต้องโทรในเวลาราชการเท่านั้น) จนถึงในช่วงค่ำวันเดียวกัน บริษัท A โทรมาว่า ขออนุญาตคืนเงินคืนบางส่วนจำนวน 64,440 บาทก่อนเพื่อความสบายใจของลูกค้า แต่ในส่วน 75,000 บาท ทางบริษัท A ไม่สามารถคืนให้ได้เนื่องจากเงินมัดจำได้โอนไปให้บริษัท wholesales บริษัท B ไปแล้ว โดยบริษัท B ได้อ้างว่านำไปจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน และได้จ่ายค่าใช้จ่ายให้บริษัท land ที่ประเทศญี่ปุ่น

วันที่ 22 ก.พ. 63 ทางบริษัท A ได้ส่ง email ยืนยันการคืนเงินบางส่วนมาให้พร้อมขอให้ตอบเป็นลายลักษณ์อักษรว่าลูกค้าต้องการอะไร พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่สามารถคืนเงินส่วนของ 75,000 บาทได้ เราจึงได้ติดต่อไปยังบริษัท B ได้รับคำตอบว่าต้องปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน ยังไม่ทราบประกาศของสายการบินแอร์เอเชียเลยว่าสามารถเลื่อนได้ แต่ทราบเคสของเราแล้ว คงต้องรอถึงวันจันทร์ถึงจะให้คำตอบได้
หลังจากเรา posted นี้ไปตอนค่ำของเมื่อวานบริษัททัวร์ได้โอนเงินมาคืนเพิ่มอีก 5,280฿ เพื่อให้ครบ 50% ตาม พรบ.การท่องเที่ยว คงเหลือยอดที่ยึดไว้ 69,720฿ ค่ะ

วันที่ 24 ก.พ. 63 เราไปที่กรมการท่องเที่ยวตรงสนามกีฬาแห่งชาติ ยื่นเรื่องร้องเรียนกัยนิติกรเรียบร้อย พร้อมเอกสารทั้งหมด เจ้าหน้าที่น่ารัก ใช้เวลาไม่นานนะคะ (หลังจากพยายามโทรแต่โทรไม่ติด เลยไปด้วยตัวเอง) นิติกรแจ้งว่าน่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 2-3 เดือนค่ะ

วันที่ 27 ก.พ. 63 ทางบ.ทัวร์มีส่งจดหมายมาให้ว่าสามารถเลื่อนการเดินทางออกไปได้ถึงเดือน ธ.ค. 63 แต่ไม่สามารถขอเงินคืนได้นะคะ ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนต่างลูกค้าต้องรับไปทั้งหมด

วันที่ 28 ก.พ. 63 เราได้รับการติดต่อจากอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หากมีใครได้รับผลกระทบแบบเรารบกวนหลังไมค์มานะคะ

ตามที่วันนี้ทางมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค, ตัวแทนจากกรมท่องเที่ยว และท่านอัยการไปออกรายการสถานีประชาชน ช่อง Thaipbs มีข้อสรุปสำหรับผู้เสียหายตามนี้นะคะ
บทสรุป
1.ทำหนังสือทวงถามขอเงินคืนจากบริษัททัวร์
2.แจ้งความลงบันทึกประจำวัน (ป้องกันเรื่องอายุความ)
3.ร้องเรียนที่นิติกร กรมการท่องเที่ยว
4.รอเจ้าหน้าที่เรียกไกล่เกลี่ย

การฟ้องคดี จะเป็นกรณีสุดท้าย ที่ตกลงไกล่เกลี่ยไม่ได้

วันที่ 4 มี.ค. 63 โทรตามนิติกร กรมการท่องเที่ยวครั้งที่ 1 ทางนิติกรแจ้งว่ากำลังดำเนินการให้บ.ทัวร์เข้ามาชี้แจง
 
วันที่ 16 มี.ค. 63 โทรตามนิติกร กรมการท่องเที่ยวครั้งที่ 2 ทางนิติกรแจ้งว่ากำลังดำเนินการให้บ.ทัวร์เข้ามาชี้แจง

วันที่ 19 พ.ค. 63 มีเจ้าหน้าที่จากกรมท่องเที่ยวติดต่อมา 2 ครั้ง ครั้งแรกบอกว่าเราได้คืนไปแล้วบางส่วนเหลืออีกแค่ 65,000 บาทเอง ซึ่งทางบ.ทัวร์ยืนยันว่าเป็นค่าตั๋ว เราเลยขอตั๋วที่ระบุชื่อเรา หัลงจากนั้นเจ้าหน้าที่โทรกลับมาอีกครั้งว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีตั๋วชื่อเรา และเรายืนยันขอเงินคืนเพราะตามราชกิจจานุเบกษา "ข้อ ๕ ในกรณีมีเหตุให้ต้องยกเลิกการน าเที่ยวตามที่ได้โฆษณาไว้ โดยมิใช่ความผิดของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวจ่ายเงินค่าบริการคืนแก่นักท่องเที่ยวในอัตราร้อยละหนึ่งร้อยของเงินค่าบริการ" เจ้าหน้าที่จึงแจ้งว่าจะนัดบริษัททัวร์กับเราเพื่อไปไกล่เกลี่ย แต่จนถึงวันนี้ (29.07.20) ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อค่ะ 

หวังว่ากระทู้ของเราจะเป็นประโยชน์กับผู้เสียหายนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ประเด็นคือ ภาครัฐเราไม่มีนโยบายอะไรบอกมาชัดเจน แต่ละหน่วยงานก็แถลงไปตามปัจจัยของแต่ละหน่วยงาน
ถ้าเป็นแบบ บาห์เรน ประกาศชัดว่าห้าม  พวกสายการบินหรือทัวร์ก็จะมีข้ออ้างอะไรไม่ได้....
มันก็แบบนี้แหละ  บริษัททัวร์เองเขาก็ลำบาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่