Cu Chi Tunnels , Ho Chi Minh City ,Vietnam
.
ในช่วงสงครามเวียดนาม
นักรบกองโจร/ผู้คนหลายพันคนในจังหวัด
Cu Chi ของเวียดนาม
ตั้งอยู่ในเขต Củ Chi นคร
Ho Chi Minh เดิมชื่อ ไซง่อน
ต่างอาศัยอยู่ภายในเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินที่สลับซับซ้อน
อุโมงค์ใต้ดินของเวียดกงใช้ทำสงครามกองโจรกับเวียตนามใต้และสหรัฐอเมริกา
อุโมงค์นี้ใช้ประโยชน์ได้อเนกประสงค์ในระหว่างการต่อสู้
ใช้เป็นเส้นทางการสื่อสาร มีสถานพยาบาล คลังอาวุธ
ที่สะสมเสบียงอาหาร และที่พักสำหรับนักรบกองโจรได้จำนวนมาก
ทั้งยังเป็นหลุมหลบภัยจากการทิ้งระเบิดของเครื่องบินรบสหรัฐอเมริกา
ระบบอุโมงค์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเวียดกง
ในการต่อต้านกองกำลังอเมริกัน(ที่ตัวมักจะใหญ่กว่า)
และมีบทบาทสำคัญทำให้เวียดนามเหนือมีชัยชนะในการทำสงครามประชาชน
อุโมงค์ Cu Chi ถูกสร้างขึ้นภายในช่วง 25 ปี
เริ่มขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1940 ในช่วงสงครามต่อต้านฝรั่งเศส
การขุดอุโมงค์ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการสื่อสารระหว่างหมู่บ้าน
และเพื่อหลีกเลี่ยงการกวาดล้างจากกองทัพฝรั่งเศสในพื้นที่
ศึกครั้งใหญ่ที่เวียตนามชนะฝรั่งเศส คือ ศึกเดียนเบียนฟู
เวียดนามมีการขนอาวุธปืนใหญ่ ถอดออกเป็นชิ้น ๆ ลำเลียงด้วยคน ช้าง จักรยาน
ผ่านภูเขาลูกต่าง ๆ และขอผ่านทางชุมชนหมู่บ้านไทยดำในบริเวณนั้น
(มีประวัติศาสตร์ไดเวียดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จัมปา(แขกฮินดูมุสลิม เคยตั้งอาณาจักรจัมปา
ได คือ ไท ได กะได จ้วง คนพูดภาษาไทย เวียด คือ เวียดนาม มีหนังสือแปลอยู่ในมือ ว่าง ๆ จะลงให้อ่าน)
ก่อนประกอบปืนใหญ่ขึ้นบนเทือกเขาแล้วนัดหมายยิ่งถล่มค่ายทหารฝรั่งเศส
จนทำให้ทหารฝรั่งเศสบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จนยอมจำนน
ต่อมา สหรัฐอเมริกาได้เข้ามาแทรกแซงเวียดนามแทนฝรั่งเศส
พร้อมกับยกทฤษฏีโดมิโน่มาอ้างว่า
ถ้าเวียตนามเป็นคอมมิวนิสต์แถวเอเซียจะเป็นตามกันหมด
ในปี 1960 ชาวบ้านจากเวียตนามเหนือและเวียตนามใต้
ได้จัดตั้งกองทัพแนวร่วมปลดแอกแห่งชาติ
(National Liberation Front: NLF) เริ่มจับอาวุธขึ้นสู้กับ
รัฐบาลปฏิกิริยาลูกสมุนสหรัฐอเมริกา ทหารอเมริกัน
พันธมิตรและทหารรับจ้างของสหรัฐอเมริกา
อุโมงค์เก่าจึงได้รับการซ่อมแซมและมีการขุดขยายเส้นทางใหม่
ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี ระบบอุโมงค์ถือว่ามีความสำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างแรง
และพื้นที่ส่วนใหญ่ของ Cu Chi กับพื้นที่ใกล้เคียง
ต่างตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเวียดกง
.
บ่อยครั้งที่อุโมงค์ลับใช้ในการติดต่อระหว่างหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง
ในบางจุดของอุโมงค์ก็ขุดผ่านผ่านใต้ฐานทัพของอเมริกา
อุโมงค์ไม่เพียงแต่เป็นป้อมปราการของเวียดกง
แต่ยังเป็นศูนย์กลางของชีวิตชุมชนอีกด้วย
หมู่บ้านในอุโมงค์ที่เวียดกงหลบซ่อนตัว
แทนที่จะอาศัยอยู่กันในหมู่บ้านที่ถูกทำลายไปแล้วนั้น
ภายในอุโมงค์ มีทั้งโรงเรียนใต้ดินและพื้นที่สาธารณะ
ที่คู่รักจัดงานแต่งงานและเป็นสถานที่ส่วนตัวของคนรักพบกัน
มีแม้กระทั่งโรงภาพยนตร์/โรงละครในอุโมงค์
ที่มีศิลปินแสดง นักร้อง การเต้นรำ และนักเล่านิทานเรื่องราวดั้งเดิม
แต่การใช้ชีวิตอยู่ภายในอุโมงค์นั้นเป็นเรื่องยาก
สภาพอากาศ อาหารและน้ำเป็นของหายาก
ภายในอุโมงค์ก็ถูกรบกวนด้วยมด ตะขาบที่มีพิษ
แมงป่อง แมงมุมและสัตว์ที่น่ารังเกียจต่าง ๆ (เช่น หนู งู)
นักรบกองโจรส่วนใหญ่จะใช้เวลาทั้งวันในอุโมงค์เพื่อทำงานหรือพักผ่อน
แต่จะมุดออกมาตอนกลางคืนเพื่อหาเสบียงอาหาร ปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว์ หรือออกไปรบ
บางครั้งในช่วงระยะเวลาที่มีการทิ้งระเบิดอย่างหนัก
หรือมีการล้อมปราบของทหารอเมริกัน
นักรบกองโจรจะถูกบังคับให้อยู่ใต้ดินเป็นเวลานานหลายวันเลยทีเดียว
มีอัตราเจ็บป่วยรุนแรงมากในหมู่คนที่อาศัยอยู่ในอุโมงค์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไข้มาลาเรียเป็นสาเหตุการตายอันดับ 2
รองจากบาดแผลในการรบกับฝ่ายศัตรู
เกือบทุกคนต่างมีพยาธิในลำไส้
เรื่องที่สำคัญมีนักรบกองโจรเพียง 6,000 จาก 16,000 คน
ที่อยู่ในอุโมงค์รอดตายจากสงครามครั้งนั้น (ตายมากกว่า 2.6 เท่า)
.
ตลอดระยะเวลาของสงครามครั้งนั้น
อุโมงค์ใน Ch Chi ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า
เป็นแหล่งที่มาของความไม่พอใจอย่างแรง
ของกองทัพสหรัฐในไซ่ง่อน และเวียตนามใต้
สหรัฐฯและออสเตรเลียได้ลองใช้วิธีการต่าง ๆ
ในการตรวจจับและแทรกซึมเข้าไปในอุโมงค์
แต่หลายครั้งที่พบกับความล้มเหลว
ปฏิบัติการภาคพื้นดินครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น
มีการใช้กองกำลังทหารนับหมื่นนาย
ปฏิบัติการทำลายนาข้าว ป่าไม้ในพื้นที่ขนาดใหญ่
หมู่บ้านต่างถูกสั่งให้อพยพและรื้อถอนทิ้ง
ทหารอเมริกันยังฉีดพ่นสารเคมี(
ฝนเหลือง)ในพื้นที่โดยเครื่องบิน
ฝนเหลืองไม่ใช่ ไกลโฟเซต หรือ พาราควอต
ฝนเหลืองเป็น สารผสมจากสารเคมี 2 ตัวคือ 2,4-D และ 2,4,5-T
ซึ่งเป็นสารกำจัดวัชพืชในกลุ่ม chlorophenoxy herbicide
สาร 2,4-D มีชื่อเต็มว่า 2,4-dichlorophenoxy acetic acid
กำจัดวัชพืชและสารที่ทำให้ใบไม้ร่วง มีฤทธิ์ฉับพลันต่อคน
สาร 2,4,5-trichloronoxy acetic acid มีฤทธิ์ต่อพืชเช่นเดียวกับ 2,4-D
จากการทดลองในหนูทดลองพบว่า สาร 2,4,5-T
มีผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ คือทำให้ฮอร์โมน testosterone
ลดลงและทำให้ผู้ชายเป็นหมันได้
ทั้งในสาร 2,4-D และ 2,4,5-T มีสารประกอบสำคัญ
ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกคือ 2,3,7,8-tetrachlorodibenzo-p-dioxin (TCDD) หรือที่รู้จักกันในชื่อ dioxin
ลำพังสาร 2,4-D และ 2,4,5-T เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะถูกขับออกในไม่ช้าและย่อยสลายในไม่นาน
แต่ตัวที่อันตรายในที่สุดในฝนเหลืองคือ ไดออกซิน (dioxin)
ซึ่งเป็นกลุ่มสารเคมี non-biodegradable
คือมีช่วงอายุนานหรือย่อยสลายยากในธรรมชาติ
และ dioxin นี่เองที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม
และชีวิตของคนเวียดนามใต้อย่างมาก
อีกไม่กี่เดือนต่อมาพอทุ่งนาป่าไม้แห้งแล้ว
ก็จุดไฟเผาพืชผล/ป่าไม้ที่แห้งแล้ง
ด้วยน้ำมันเบนซินและเชื้อเพลิงนานาชนิด
ภายใต้ชะตากรรมที่โหดร้ายและรุนแรง
ความร้อนแรงกล้าของลูกระเบิดเชื้อเพลิง
Napalm
กับทำปฏิกิริยากับอากาศในเขตร้อนชื้น
ทำให้ไอน้ำกลายเป็นเมฆหมอกขึ้นมาดับไฟทุกที่ที่มีการเผาไม้
นักรบกองโจรเวียดกงก็ยังคงอยู่อย่างปลอดภัย
แล้วต่างร้องรำทำเพลง สบาย สบาย อยู่ภายในอุโมงค์ใต้ดิน
สบาย สบาย เบิร์ด ธงไชย
.
เมื่อกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชนะพวกเวียตกงด้วยสารเคมีได้
ทางกองทัพสหรัฐฯจึงเริ่มส่งนักรบชายที่เรียกว่า หนูอุโมงค์
ลงไปในอุโมงค์ พร้อมกับอาวุธเท่านั้นมีปืน มีด ไฟฉายและเสบียง
เมื่อพวกหนูอุโมงค์เข้าไปในอุโมงค์ใต้ดินแต่ละคน
ต้องคืบคลานทีละคืบทีละศอกอย่างระมัดระวัง
เพ่งมองไปข้างหน้าเพื่อระวังกับดักสังหาร
งานบุกอุโมงค์ใต้ดินเต็มไปด้วยอันตรายอย่างใหญ่หลวง
รูทางเข้าบนพื้นดินกว้างไม่พอสำหรับไหล่พวกหนูอุโมงค์
หลังจากระยะทาง 2-3 เมตรที่เหยียดตรงและต้องลื่นไถลลงไป
ภายในอุโมงค์ใต้ดินที่แคบ ๆ ที่วกกลับเหมือนรูปตัว U
พวกหนูอุโมงค์ก็ต้องบิดตัวอีกครั้งก่อนที่จะมุ่งหน้าไปในแนวนอนอีกต่อไป
แสงจากหลอดไฟฉายไม่เพียงพอที่จะส่องสว่างขับไล่ความมืดภายในอุโมงค์
และไม่มีที่ว่างพอให้กลับหลังหันพลิกตัวกลับออกไปได้
พวกหนูอุโมงค์มักจะต้องต่อสู้และยิงปะทะกับพวกเวียดกงในอุโมงค์ใต้ดิน
แต่อัตราการบาดเจ็บล้มตายของพวกหนูอุโมงค์สูงอย่างน่าตกใจ
.
ทหารอเมริกันจึงเริ่มใช้สุนัข
German shepherd หรือ Alsatian
ที่ผ่านการฝึกอบรมและมีความกระตือรือร้น
ในการดมกลิ่นเพื่อค้นหากับดักและช่วยในการรบแบบกองโจร
แต่นักรบกองโจรในอุโมงค์โต้ตอบด้วยการถูสบู่อเมริกัน
ทำให้มีกลิ่นสาบตัวแบบทหารอเมริกัน สุนัขจึงคิดว่าเป็นมิตร
เครื่องแบบทหารสหรัฐที่เวียดกงยึดมาได้ก็จะนำมาสวมใส่
ยิ่งทำให้สุนัข German shepherd สับสนมากยิ่งขึ้น
เรื่องสำคัญที่สุดคือ สุนัขไม่สามารถมองเห็นกับดักหลุมพราง
มีผลทำให้สุนัขจำนวนมากจึงถูกฆ่าตายหรือพิการ
ทำให้ทหารที่เป็นบัดดี้กับสุนัขต่างปฏิเสธที่จะส่งสุนัขของตนเข้าไปยังอุโมงค์
.
ในที่สุดในช่วงปลายทศวรรษ 1960
กองทัพสหรัฐอเมริกาจึงเริ่มทิ้งระเบิดแบบปูพรม
ผลการทิ้งระเบิดทำลายอุโมงค์ Cu Chi ได้หลายจุดมาก
พร้อมกับทำลายพื้นที่ต่าง ๆ รอบ ๆ อุโมงค์ใต้ดิน
แต่ยุทธการทหารครั้งนั้น เป็นเเรื่องไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
เพราะสหรัฐอเมริกากำลังเริ่มจะถอนตัวออกจากสงครามแล้ว
เพราะชาวบ้านออกมาประท้วงหลายรัฐ
และสัญญาว่าใครก็ตามที่ยกเลิกการเกณฑ์ทหารไปรบในเวียดนาม
เพราะทนเห็นลูกหลานตนเองไปตาย/พิการจำนวนมาก
และให้สหรัฐอเมริกามีทหารรับจ้าง/ทหารอาชีพแทนทหารเกณฑ์
จะลงคะแนนเสียงให้นักการเมืองคนนั้น
นักการเมืองทุกคนกลัวว่าจะไม่ได้รับเลือกตั้ง
จึงยอมทำตามสัญญาที่รับปากกับชาวบ้าน
อุโมงค์ใต้ดิน Cu Chi มีความยาวราว 120 กิโลเมตร
ภายในค่อนข้างสลับซับซ้อนใช้งานได้ตามยุทธวิธีเวียดกง
หลังสิ้นสุดสงครามเวียดนาม และทั้งสองชาติได้รวมตัวกันแล้ว
อุโมงค์ใต้ดินแห่งนี้ก็ได้รับการอนุรักษ์
และเปลี่ยนเป็นอนุสรณ์สถานสงคราม อุโมงค์
อุโมงค์แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม
ผู้เข้าชมจะเยี่ยมชมได้ภายในส่วนที่ปลอดภัยเท่านั้น
ภายในอุโมงค์บางแห่งมีการขยายขนาดให้กว้างขึ้น
เพื่อรองรับกับรูปร่าง/ขนาดของนักท่องเที่ยวตะวันตก
มีการติดตั้งไฟแสงสว่างไว้ในที่หลายจุดมากขึ้น
เพื่อให้การเดินทางผ่านเข้าออกอุโมงค์ได้ง่ายขึ้น
ส่วนหลุมพรางมีการป้องกันและระบุไว้อย่างชัดเจน
ห้องประชุมใต้ดินที่นักรบกองโจรวางแผนบุกไซ่ง่อน
ในวันตรุษปี 1968 ซึ่งมีเหตุการณ์ช็อคโลก
ภาพที่เป็นตราบาปจนวันตาย
ห้องประชุมแห่งนี้ก็ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่
ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับอาหารที่เรียบง่าย
ของนักรบเวียดกงที่กินประจำวันในยามนั้น
เรียบเรียง/ที่มา
http://bit.ly/2V8RDq8
http://bit.ly/2SZq9R4
http://bit.ly/37Lftem
Cu Chi อุโมงค์ใต้ดินเวียดกงยุคสงครามเวียดนาม
นักรบกองโจร/ผู้คนหลายพันคนในจังหวัด Cu Chi ของเวียดนาม
ตั้งอยู่ในเขต Củ Chi นคร Ho Chi Minh เดิมชื่อ ไซง่อน
ต่างอาศัยอยู่ภายในเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินที่สลับซับซ้อน
อุโมงค์ใต้ดินของเวียดกงใช้ทำสงครามกองโจรกับเวียตนามใต้และสหรัฐอเมริกา
อุโมงค์นี้ใช้ประโยชน์ได้อเนกประสงค์ในระหว่างการต่อสู้
ใช้เป็นเส้นทางการสื่อสาร มีสถานพยาบาล คลังอาวุธ
ที่สะสมเสบียงอาหาร และที่พักสำหรับนักรบกองโจรได้จำนวนมาก
ทั้งยังเป็นหลุมหลบภัยจากการทิ้งระเบิดของเครื่องบินรบสหรัฐอเมริกา
ระบบอุโมงค์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเวียดกง
ในการต่อต้านกองกำลังอเมริกัน(ที่ตัวมักจะใหญ่กว่า)
และมีบทบาทสำคัญทำให้เวียดนามเหนือมีชัยชนะในการทำสงครามประชาชน
อุโมงค์ Cu Chi ถูกสร้างขึ้นภายในช่วง 25 ปี
เริ่มขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1940 ในช่วงสงครามต่อต้านฝรั่งเศส
การขุดอุโมงค์ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการสื่อสารระหว่างหมู่บ้าน
และเพื่อหลีกเลี่ยงการกวาดล้างจากกองทัพฝรั่งเศสในพื้นที่
ศึกครั้งใหญ่ที่เวียตนามชนะฝรั่งเศส คือ ศึกเดียนเบียนฟู
เวียดนามมีการขนอาวุธปืนใหญ่ ถอดออกเป็นชิ้น ๆ ลำเลียงด้วยคน ช้าง จักรยาน
ผ่านภูเขาลูกต่าง ๆ และขอผ่านทางชุมชนหมู่บ้านไทยดำในบริเวณนั้น
(มีประวัติศาสตร์ไดเวียดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จัมปา(แขกฮินดูมุสลิม เคยตั้งอาณาจักรจัมปา
ได คือ ไท ได กะได จ้วง คนพูดภาษาไทย เวียด คือ เวียดนาม มีหนังสือแปลอยู่ในมือ ว่าง ๆ จะลงให้อ่าน)
ก่อนประกอบปืนใหญ่ขึ้นบนเทือกเขาแล้วนัดหมายยิ่งถล่มค่ายทหารฝรั่งเศส
จนทำให้ทหารฝรั่งเศสบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จนยอมจำนน
ต่อมา สหรัฐอเมริกาได้เข้ามาแทรกแซงเวียดนามแทนฝรั่งเศส
พร้อมกับยกทฤษฏีโดมิโน่มาอ้างว่า
ถ้าเวียตนามเป็นคอมมิวนิสต์แถวเอเซียจะเป็นตามกันหมด
ในปี 1960 ชาวบ้านจากเวียตนามเหนือและเวียตนามใต้
ได้จัดตั้งกองทัพแนวร่วมปลดแอกแห่งชาติ
(National Liberation Front: NLF) เริ่มจับอาวุธขึ้นสู้กับ
รัฐบาลปฏิกิริยาลูกสมุนสหรัฐอเมริกา ทหารอเมริกัน
พันธมิตรและทหารรับจ้างของสหรัฐอเมริกา
อุโมงค์เก่าจึงได้รับการซ่อมแซมและมีการขุดขยายเส้นทางใหม่
ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี ระบบอุโมงค์ถือว่ามีความสำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างแรง
และพื้นที่ส่วนใหญ่ของ Cu Chi กับพื้นที่ใกล้เคียง
ต่างตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเวียดกง
บ่อยครั้งที่อุโมงค์ลับใช้ในการติดต่อระหว่างหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง
ในบางจุดของอุโมงค์ก็ขุดผ่านผ่านใต้ฐานทัพของอเมริกา
อุโมงค์ไม่เพียงแต่เป็นป้อมปราการของเวียดกง
แต่ยังเป็นศูนย์กลางของชีวิตชุมชนอีกด้วย
หมู่บ้านในอุโมงค์ที่เวียดกงหลบซ่อนตัว
แทนที่จะอาศัยอยู่กันในหมู่บ้านที่ถูกทำลายไปแล้วนั้น
ภายในอุโมงค์ มีทั้งโรงเรียนใต้ดินและพื้นที่สาธารณะ
ที่คู่รักจัดงานแต่งงานและเป็นสถานที่ส่วนตัวของคนรักพบกัน
มีแม้กระทั่งโรงภาพยนตร์/โรงละครในอุโมงค์
ที่มีศิลปินแสดง นักร้อง การเต้นรำ และนักเล่านิทานเรื่องราวดั้งเดิม
แต่การใช้ชีวิตอยู่ภายในอุโมงค์นั้นเป็นเรื่องยาก
สภาพอากาศ อาหารและน้ำเป็นของหายาก
ภายในอุโมงค์ก็ถูกรบกวนด้วยมด ตะขาบที่มีพิษ
แมงป่อง แมงมุมและสัตว์ที่น่ารังเกียจต่าง ๆ (เช่น หนู งู)
นักรบกองโจรส่วนใหญ่จะใช้เวลาทั้งวันในอุโมงค์เพื่อทำงานหรือพักผ่อน
แต่จะมุดออกมาตอนกลางคืนเพื่อหาเสบียงอาหาร ปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว์ หรือออกไปรบ
บางครั้งในช่วงระยะเวลาที่มีการทิ้งระเบิดอย่างหนัก
หรือมีการล้อมปราบของทหารอเมริกัน
นักรบกองโจรจะถูกบังคับให้อยู่ใต้ดินเป็นเวลานานหลายวันเลยทีเดียว
มีอัตราเจ็บป่วยรุนแรงมากในหมู่คนที่อาศัยอยู่ในอุโมงค์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไข้มาลาเรียเป็นสาเหตุการตายอันดับ 2
รองจากบาดแผลในการรบกับฝ่ายศัตรู
เกือบทุกคนต่างมีพยาธิในลำไส้
เรื่องที่สำคัญมีนักรบกองโจรเพียง 6,000 จาก 16,000 คน
ที่อยู่ในอุโมงค์รอดตายจากสงครามครั้งนั้น (ตายมากกว่า 2.6 เท่า)
อุโมงค์ใน Ch Chi ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า
เป็นแหล่งที่มาของความไม่พอใจอย่างแรง
ของกองทัพสหรัฐในไซ่ง่อน และเวียตนามใต้
สหรัฐฯและออสเตรเลียได้ลองใช้วิธีการต่าง ๆ
ในการตรวจจับและแทรกซึมเข้าไปในอุโมงค์
แต่หลายครั้งที่พบกับความล้มเหลว
ปฏิบัติการภาคพื้นดินครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น
มีการใช้กองกำลังทหารนับหมื่นนาย
ปฏิบัติการทำลายนาข้าว ป่าไม้ในพื้นที่ขนาดใหญ่
หมู่บ้านต่างถูกสั่งให้อพยพและรื้อถอนทิ้ง
ทหารอเมริกันยังฉีดพ่นสารเคมี(ฝนเหลือง)ในพื้นที่โดยเครื่องบิน
ฝนเหลืองไม่ใช่ ไกลโฟเซต หรือ พาราควอต
ฝนเหลืองเป็น สารผสมจากสารเคมี 2 ตัวคือ 2,4-D และ 2,4,5-T
ซึ่งเป็นสารกำจัดวัชพืชในกลุ่ม chlorophenoxy herbicide
สาร 2,4-D มีชื่อเต็มว่า 2,4-dichlorophenoxy acetic acid
กำจัดวัชพืชและสารที่ทำให้ใบไม้ร่วง มีฤทธิ์ฉับพลันต่อคน
สาร 2,4,5-trichloronoxy acetic acid มีฤทธิ์ต่อพืชเช่นเดียวกับ 2,4-D
จากการทดลองในหนูทดลองพบว่า สาร 2,4,5-T
มีผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ คือทำให้ฮอร์โมน testosterone
ลดลงและทำให้ผู้ชายเป็นหมันได้
ทั้งในสาร 2,4-D และ 2,4,5-T มีสารประกอบสำคัญ
ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกคือ 2,3,7,8-tetrachlorodibenzo-p-dioxin (TCDD) หรือที่รู้จักกันในชื่อ dioxin
ลำพังสาร 2,4-D และ 2,4,5-T เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะถูกขับออกในไม่ช้าและย่อยสลายในไม่นาน
แต่ตัวที่อันตรายในที่สุดในฝนเหลืองคือ ไดออกซิน (dioxin)
ซึ่งเป็นกลุ่มสารเคมี non-biodegradable
คือมีช่วงอายุนานหรือย่อยสลายยากในธรรมชาติ
และ dioxin นี่เองที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม
และชีวิตของคนเวียดนามใต้อย่างมาก
อีกไม่กี่เดือนต่อมาพอทุ่งนาป่าไม้แห้งแล้ว
ก็จุดไฟเผาพืชผล/ป่าไม้ที่แห้งแล้ง
ด้วยน้ำมันเบนซินและเชื้อเพลิงนานาชนิด
ภายใต้ชะตากรรมที่โหดร้ายและรุนแรง
ความร้อนแรงกล้าของลูกระเบิดเชื้อเพลิง Napalm
กับทำปฏิกิริยากับอากาศในเขตร้อนชื้น
ทำให้ไอน้ำกลายเป็นเมฆหมอกขึ้นมาดับไฟทุกที่ที่มีการเผาไม้
นักรบกองโจรเวียดกงก็ยังคงอยู่อย่างปลอดภัย
แล้วต่างร้องรำทำเพลง สบาย สบาย อยู่ภายในอุโมงค์ใต้ดิน
ทางกองทัพสหรัฐฯจึงเริ่มส่งนักรบชายที่เรียกว่า หนูอุโมงค์
ลงไปในอุโมงค์ พร้อมกับอาวุธเท่านั้นมีปืน มีด ไฟฉายและเสบียง
เมื่อพวกหนูอุโมงค์เข้าไปในอุโมงค์ใต้ดินแต่ละคน
ต้องคืบคลานทีละคืบทีละศอกอย่างระมัดระวัง
เพ่งมองไปข้างหน้าเพื่อระวังกับดักสังหาร
งานบุกอุโมงค์ใต้ดินเต็มไปด้วยอันตรายอย่างใหญ่หลวง
รูทางเข้าบนพื้นดินกว้างไม่พอสำหรับไหล่พวกหนูอุโมงค์
หลังจากระยะทาง 2-3 เมตรที่เหยียดตรงและต้องลื่นไถลลงไป
ภายในอุโมงค์ใต้ดินที่แคบ ๆ ที่วกกลับเหมือนรูปตัว U
พวกหนูอุโมงค์ก็ต้องบิดตัวอีกครั้งก่อนที่จะมุ่งหน้าไปในแนวนอนอีกต่อไป
แสงจากหลอดไฟฉายไม่เพียงพอที่จะส่องสว่างขับไล่ความมืดภายในอุโมงค์
และไม่มีที่ว่างพอให้กลับหลังหันพลิกตัวกลับออกไปได้
พวกหนูอุโมงค์มักจะต้องต่อสู้และยิงปะทะกับพวกเวียดกงในอุโมงค์ใต้ดิน
แต่อัตราการบาดเจ็บล้มตายของพวกหนูอุโมงค์สูงอย่างน่าตกใจ
ที่ผ่านการฝึกอบรมและมีความกระตือรือร้น
ในการดมกลิ่นเพื่อค้นหากับดักและช่วยในการรบแบบกองโจร
แต่นักรบกองโจรในอุโมงค์โต้ตอบด้วยการถูสบู่อเมริกัน
ทำให้มีกลิ่นสาบตัวแบบทหารอเมริกัน สุนัขจึงคิดว่าเป็นมิตร
เครื่องแบบทหารสหรัฐที่เวียดกงยึดมาได้ก็จะนำมาสวมใส่
ยิ่งทำให้สุนัข German shepherd สับสนมากยิ่งขึ้น
เรื่องสำคัญที่สุดคือ สุนัขไม่สามารถมองเห็นกับดักหลุมพราง
มีผลทำให้สุนัขจำนวนมากจึงถูกฆ่าตายหรือพิการ
ทำให้ทหารที่เป็นบัดดี้กับสุนัขต่างปฏิเสธที่จะส่งสุนัขของตนเข้าไปยังอุโมงค์
กองทัพสหรัฐอเมริกาจึงเริ่มทิ้งระเบิดแบบปูพรม
ผลการทิ้งระเบิดทำลายอุโมงค์ Cu Chi ได้หลายจุดมาก
พร้อมกับทำลายพื้นที่ต่าง ๆ รอบ ๆ อุโมงค์ใต้ดิน
แต่ยุทธการทหารครั้งนั้น เป็นเเรื่องไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
เพราะสหรัฐอเมริกากำลังเริ่มจะถอนตัวออกจากสงครามแล้ว
เพราะชาวบ้านออกมาประท้วงหลายรัฐ
และสัญญาว่าใครก็ตามที่ยกเลิกการเกณฑ์ทหารไปรบในเวียดนาม
เพราะทนเห็นลูกหลานตนเองไปตาย/พิการจำนวนมาก
และให้สหรัฐอเมริกามีทหารรับจ้าง/ทหารอาชีพแทนทหารเกณฑ์
จะลงคะแนนเสียงให้นักการเมืองคนนั้น
นักการเมืองทุกคนกลัวว่าจะไม่ได้รับเลือกตั้ง
จึงยอมทำตามสัญญาที่รับปากกับชาวบ้าน
อุโมงค์ใต้ดิน Cu Chi มีความยาวราว 120 กิโลเมตร
ภายในค่อนข้างสลับซับซ้อนใช้งานได้ตามยุทธวิธีเวียดกง
หลังสิ้นสุดสงครามเวียดนาม และทั้งสองชาติได้รวมตัวกันแล้ว
อุโมงค์ใต้ดินแห่งนี้ก็ได้รับการอนุรักษ์
และเปลี่ยนเป็นอนุสรณ์สถานสงคราม อุโมงค์
อุโมงค์แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม
ผู้เข้าชมจะเยี่ยมชมได้ภายในส่วนที่ปลอดภัยเท่านั้น
ภายในอุโมงค์บางแห่งมีการขยายขนาดให้กว้างขึ้น
เพื่อรองรับกับรูปร่าง/ขนาดของนักท่องเที่ยวตะวันตก
มีการติดตั้งไฟแสงสว่างไว้ในที่หลายจุดมากขึ้น
เพื่อให้การเดินทางผ่านเข้าออกอุโมงค์ได้ง่ายขึ้น
ส่วนหลุมพรางมีการป้องกันและระบุไว้อย่างชัดเจน
ห้องประชุมใต้ดินที่นักรบกองโจรวางแผนบุกไซ่ง่อน
ในวันตรุษปี 1968 ซึ่งมีเหตุการณ์ช็อคโลก
ภาพที่เป็นตราบาปจนวันตาย
ห้องประชุมแห่งนี้ก็ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่
ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับอาหารที่เรียบง่าย
ของนักรบเวียดกงที่กินประจำวันในยามนั้น
เรียบเรียง/ที่มา
http://bit.ly/2V8RDq8
http://bit.ly/2SZq9R4
http://bit.ly/37Lftem