💝มาลาริน/ลุงตู่สร้างปชต.ให้คนไทยสำเร็จ ไม่ใช่สร้างแบบพ.ศ. 2475...ดัชนีประชาธิปไตยประจำปี 2562 ไทยปรับตัวดีกว่าชาติอื่น

กระทู้คำถาม
“EIU” ระบุ ดัชนีประชาธิปไตยประจำปี62 ไทยปรับตัวดีขึ้นในรอบ 5 ปี


EIU’ เผยดัชนีประชาธิปไตยไทยปี62 ดีขึ้นรอบ 5 ปี อันดับ 68 จาก 106 ปท.

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 - 18:38 น.
 
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ รายงานดัชนีความเป็นประชาธิปไตยปี 2562 ของ The Economist Intelligence Unit (EIU) เผยแพร่ เมื่อ 22 มกราคม 63 ระบุว่า

1.รายงานดัชนีความเป็นประชาธิปไตยปี 2562 ของ The Economist Intelligence Unit (EIU) เผยแพร่ เมื่อ 22 ม.ค.63 ระบุว่าไทยโดดเด่นมากที่สุดด้านการพัฒนาระดับความเป็นประชาธิปไตยทั่วโลก ท่ามกลางสถานการณ์ประชาธิปไตยโลกที่อยู่ในภาวะถดถอย โดยไทยมีอันดับดีขึ้นถึง 38 อันดับ อยู่ในอันดับที่ 68 จากอันดับที่ 106 เมื่อปี 2561 ส่วนระดับคะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 6.32 จาก 4.63 หรือดีขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่การเข้าสู่อำนาจของ คสช. เมื่อปี 2557 ส่งผลให้ไทยได้เลื่อนขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม “Flawed Democracy” จากเดิมที่อยู่ในกลุ่ม “Hybrid Regime”

2.EIU เป็นสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจและการเมือง และเป็นบริษัทผลิตวารสารดิอิโคโนมิสต์ของสหราชอาณาจักรจัดทำดัชนีความเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ปี 2549 โดยพิจารณาจากตัวชี้วัด 60 ตัว มาประกอบผลการประเมินซึ่งมีหลักเกณฑ์ 5 ข้อ คือ
 
1) กระบวนการเลือกตั้งและความเป็นพหุสังคม 2) การบริหารกลไกภาครัฐบาล 3) การมีส่วนร่วมทางการเมือง 4)วัฒนธรรมด้านการเมืองแบบประชาธิปไตย และ 5) เสรีภาพของพลเรือน จากนั้นนำมาแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่มตามลำดับคำแนน (0-10 คะแนน)

ได้แก่ กลุ่มประเทศประชาธิปไตยสมบูรณ์ หรือ Full Democracy (8.01-10.0)
กลุ่มประเทศประชาธิปไตยที่ยังมีข้อบกพร่อง หรือ Flawed Democracy (6.01-8.00)
ประเทศระบอบการเมืองแบบผสมหรือ Hybrid Regime (4.01-6.00) และประเทศระบอบอำนาจนิยม หรือ Authoritarian Regime (0-4)

3.รายงานดัชนีประชาธิปไตยปี 2562 ระบุว่าความเป็นประชาธิปไตยทั่วโลกอยู่ในภาวะถดถอย โดยค่าเฉลี่ยความเป็นประชาธิปไตยทั่วโลกประจำปี 2562 ลดลงเหลือ 5.44 เมื่อปี 2561 ซึ่งลดลงต่ำกว่าระดับ 5.46 เมื่อปี 2553 ที่ทั่วโลกเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ (เป็นค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ตกต่ำลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มใช้ดัชนีดังกล่าวเมื่อปี 2549) ในจำนวนนี้มี 68 ประเทศ/ดินแดน จาก 167 ประเทศ/ดินแดน ที่ได้รับคะแนนลดลง (เทียบกับดัชนีประชาธิปไตยของ EIU เมื่อปี 2561 มีเพียง 42 ประเทศที่ได้คะแนนลดลงจากปี 2560) ขณะที่ 65 ประเทศได้คะแนนดีขึ้น และอีก 34 ประเทศได้คะแนนเท่าเดิม โดยทุกภูมิภาคต่างได้คะแนนลดลงทั้งสิ้น ยกเว้นอเมริกาเหนือที่ได้คะแนนสูงขึ้น

4.กลุ่มประเทศอาเซียน (ยกเว้นบรูไน ซึ่งไม่ปรากฏรายชื่อในการจัดอันดับของ EIU) แม้จะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก แต่พัฒนาการของไทย ประกอบกับการออกกฎหมายควบคุมข่าวเท็จของสิงคโปร์ที่ EIU ระบุว่าเป็นกฎหมายที่ลิดรอนเสรีภาพของประชาชน ส่งผลให้ไทยเลื่อนจากอันดับที่ 5 มาอยู่ในอันดับที่ 4 แทนสิงคโปร์ที่เลื่อนลงมาอยู่อันดับที่ 5 แทน (สิงคโปร์มีอันดับโลกลดลงถึง 9 อันดับ จากอันดับที่ 66 เป็นอันดับที่ 75) ขณะที่มาเลเซียยังคงมีพัฒนาการด้านประชาธิปไตยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ในอันดับที่ 1 ของกลุ่มอาเซียนเช่นเดิม และเลื่อนขึ้นมาอยู่ในอันดับ 43 ของโลก จากอันดับ 52 และ 59 ของโลกเมื่อปี 2561 และ 2560 ตามลำดับข้อพิจารณา

5.การจัดการเลือกตั้งทั่วไปของไทยเมื่อมี.ค.62 ได้อย่างประสบความสำเร็จ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยมีพัฒนาการด้านประชาธิปไตยดีขึ้นอย่างมากในการจัดอันดับของ EIU โดย EIU ระบุชัดเจนในรายงานว่า การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้น ครบทั้ง 5 หัวข้อดัชนีชี้วัดของ EIU นอกจากนี้ การจัดอันดับของ EIU เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำไปประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทยว่าสามารถกลับสู่เส้นทางของประชาธิปไตยที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรระดับโลก เนื่องจากเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่สะท้อนว่าไทยได้รับการยอมรับจากองค์การระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านประชาธิปไตย

https://siamrath.co.th/n/134174



ดัชนีประชาธิปไตย (Democracy Index) ปี 2019 จัดทำโดย The Economist Intelligence Unit (EIU) ระบุว่าประเทศไทยมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นจากปีที่แล้ว โดยมีคะแนน 6.32 เต็ม 10 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ได้ 4.63 คะแนน ทำให้ประเทศไทยขึ้นมาอยู่ในกลุ่มประเทศประชาธิปไตยแบบไม่สมบูรณ์ จากที่เคยอยู่กลุ่มประเทศกึ่งเผด็จการกึ่งประชาธิปไตยติดต่อกัน 5 ปี นับเป็นประเทศที่พัฒนาด้านประชาธิปไตยมากที่สุดในโลกของรอบปีที่ผ่านมา
 
แนวโน้มของประเทศไทยที่มีความเป็นประชาธิปไตยเพิ่มขึ้นสวนทางกับกระแสโลกที่คะแนนเฉลี่ยลดลงจากปีที่แล้ว จากคะแนน 5.48 เหลือ 5.44 คะแนน



ดัชนีประชาธิปไตยนี้ให้คะแนนโดยแบ่งออกเป็น 5 หัวข้อ ได้แก่
1.กระบวนการการเลือกตั้งและมีหลายตัวเลือก
2.การทำงานของรัฐบาล
3.การมีส่วนร่วมทางการเมือง
4.วัฒนธรรมการเมืองแบบประชาธิปไตย
5.เสรีภาพของประชาชน
 
ซึ่งปีนี้ประเทศไทยได้คะแนนด้านกระบวนการการเลือกตั้งและความเป็นพหุสังคม 7.42 คะแนน รองลงมาคือคะแนนด้านเสรีภาพของประชาชน 6.47 คะแนน ตามมาด้วยด้านวัฒนธรรมการเมืองแบบประชาธิปไตย(6.25)และด้านการมีส่วนร่วมทางการเมือง(6.11) ส่วนที่คะแนนต่ำที่สุดจากการประเมินครั้งนี้คือด้านการทำงานของกลไกรัฐบาล ได้คะแนน 5.36 เต็ม 10 คะแนน
 
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพัฒนาการในรอบปีมากที่สุดในการประเมินครั้งนี้เพราะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น โดยคะแนนเพิ่มจากปีที่ผ่านมามากถึง 1.69 คะแนน จนเลื่อนจากกลุ่มประเทศกึ่งเผด็จการกึ่งประชาธิปไตยมาเป็นกลุ่มประเทศประชาธิปไตยแบบไม่สมบูรณ์
 
รายงานนี้บรรยายกลุ่มประเทศกึ่งเผด็จการกึ่งประชาธิปไตยว่า “ประเทศเหล่านี้จะมีความไม่ปกติหลายอย่างในระบบเลือกตั้งทำให้ไม่เสรีและเป็นธรรม รัฐบาลอาจจะกดดันพรรคฝ่ายค้านและผู้สมัครฝ่ายตรงข้าม วัฒนธรรมการเมือง กลไกรัฐบาล และการมีส่วนร่วมทางการเมืองจะอ่อนแอกว่าประเทศประชาธิปไตยแบบไม่สมบูรณ์ มีการคอร์รัปชันทั่วไปและไม่มีหลักนิติรัฐ ส่วนภาคสังคมก็อ่อนแอ นักข่าวถูกกดดันและคุกคาม สถาบันยุติธรรมไม่เป็นอิสระ” ขณะที่บรรยายกลุ่มประเทศประชาธิปไตยไม่สมบูรณ์ไว้ว่า “ประเทศเหล่านี้มีการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม แต่อาจมีปัญหาบ้างเล็กน้อย เช่น เรื่องเสรีภาพของสื่อ ส่วนประชาชนมีเสรีภาพในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดีมีข้อด้อยในส่วนต่าง ๆ ของระบบประชาธิปไตย เช่น หลักธรรมาภิบาล วัฒนธรรมทางการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือการมีส่วนร่วมประชาธิปไตยในระดับต่ำ”
 
รายงานยังเขียนว่าในการเลือกตั้งปี 2019 ของไทย “ผู้เลือกตั้งมีผู้สมัครและพรรคการเมืองจากหลายแนวคิดทางการเมืองให้เลือก ทำให้เพิ่มความมั่นใจของสาธารณชนต่อกระบวนการจัดการเลือกตั้งและระบบการเมืองของไทย” แต่ก็ระบุด้วยว่า “มีรายงานการละเมิดและการใช้กำลังขู่เข็นบังคับ แต่ก็อยู่ในปริมาณน้อยและอยู่ในวงจำกัดซึ่งไม่เพียงพอต่อการลดทอนกระบวนการทั้งหมดได้” และบอกว่า “การเลือกตั้งทำให้คะแนนเพิ่มขึ้นในทั้ง 5 ด้าน แต่ด้านที่จะแนนเพิ่มมากที่สุดคือด้านการเลือกตั้ง”
 
ประเทศที่ดัชนีประชาธิปไตยตกลงฮวบที่สุดคือจีน ซึ่งกำลังเผชิญข้อกังขาเรื่องการปฏิบัติต่อกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นชนกลุ่มน้อยในเขตซินเจียง ประกอบกับประเด็นเรื่องเสรีภาพของพลเมืองอื่น ๆ เช่น การสอดส่องโดยใช้ระบบดิจิทัล ทำให้คะแนนดัชนีประชาธิปไตยของประเทศตกจาก 3.32 คะแนนเป็น 2.26 คะแนน
 
ส่วนภาพรวมในทั่วโลกนั้นพบว่าในช่วงปีที่ผ่านมาหลายประเทศพบกับปรากฎการณ์ประชาธิปไตยถดถอย โดยคะแนนเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 5.44 เต็มสิบ เป็นคะแนนต่ำที่สุดเท่าที่มีการประเมินมาตั้งแต่ปี 2006 ในสายตาของ EIU มีเพียง 22 ประเทศเท่านั้นที่เป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ หากคิดเป็นจำนวนประชากรก็หมายถึงพลโลก 430 ล้านคนเท่านั้นได้มีสิทธิมีเสียงอย่างเต็มที่ ส่วนคนมากกว่า 1 ใน 3 ต้องอยู่ภายใต้การปกครองแบบอำนาจนิยม (authoritarian rule)
 
ในการประเมินครั้งนี้ประเทศที่อยู่ในระดับประชาธิปไตยสมบูรณ์ได้แก่ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ สวีเดน นิวซีแลนด์ ฟินแลนด์ ไอร์แลนด์ เดนมาร์ก แคนาดา ออสเตรเลีย สวิสเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ ลักแซมเบิร์ก เยอรมนี สหราชอาณาจักร อุรุกวัย ออสเตรีย สเปน โมริทิอุส กอสตาริกา ฝรั่งเศส ชิลี และโปรตุเกส ตามลำดับ

https://workpointnews.com/2020/02/19/thai-democracy-index2019/

อนาคตประเทศไทยที่จะสร้างประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ต้องยกให้ผู้นำอย่างลุงตู่เป็นผู้สร้างค่ะ

เลือกตั้งปีแรกก็ทำดัชนีพุ่งสูงลิ่ว นำห่างประเทศประชาธิปไตยในโลกหลายประเทศไปเลย

ส้มเน่าดูเอาไว้ ส้มเน่าจะยุบไปก็ไม่มีผลต่อประชาธิปไตยหรืออนาคตประเทศไทย

ลุงตู่เท่านั้นท่านทำได้ และทำให้เห็นเป็นเชิงประจักษ์แล้วจากดัชนีปี 2562 นี้ 

ไทยสามารถกลับสู่เส้นทางของประชาธิปไตยที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรระดับโลก  ยอดเยี่ยมค่ะ 

ปรบมือให้ลุงตู่ดังๆเลยค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่