[CR] "โตเกียว" แพลนพัง ฟูจิซังไม่มา ทริปบ้าๆ แต่สนุกไม่เบา


ก่อนอื่นขอสวัสดีทุกคนที่เคยอ่าน และเข้ามาอ่าน สมุดท่องเที่ยวของผมก่อนนะครับ ก่อนที่เราจะไปดูว่าทริปของผมเป็นอย่างไรบ้าง ลองมาดูรายละเอียดบางอย่างประกอบการอ่านก่อนครับ

วันที่ไป 14 - 19 กุมภาพันธ์ 2563
อากาศโดยเฉลี่ย : 6 - 16 องศา
ค่าใช้จ่าย : 10,500 บาท (หมายเหตุ เป็นทริป เอ้าท์ติ้งของบริษัท เงินนี่จะเป็นส่วนค่ากินวันฟรีเดย์ และค่าเดินทาง ค่าของฝาก เป็นต้น)

..... ลุยจ้าาาาา ......

วันที่ 14 - 15 กุมภาพันธ์ (เดินทาง และเหยียบโตเกียววันแรก)
ต้องขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้มาญี่ปุ่นครั้งแรก แต่กับโตเกียว ครั้งแรกจ้า ก็มีความตื่นเต้นเล็กๆ เพราะส่วนใหญ่ที่ไปจะเป็นชานเมือง แต่ครั้งนี้เล่นในเมืองเลย 5555+ พอจัดแจงขึ้นรถกันเสร็จ ก็ไปทานข้าวก่อนครับ ที่ร้านปิ้งย่างร้านนึง ผมไม่ได้ถ่ายไว้ครับ เพราะมัวแต่มึนงง หลังจากกินข้าว ก็มุ่งหน้าสู่... วัดอาซากุสะ (Asakusa)
วัดโคมแดงอันเลื่องชื่อของโตเกียว บรรยากาศคล้ายวัดเล่งเน่ยยี่เหมือนกันนะ เพราะอุดมไปด้วยกลิ่น และควันธูป และคนที่เข้ามากราบไหว้บูชา พระที่นี่
สิ่งที่ควรทำเมื่อไปวัด ก่อนที่จะไปช้อปกันคือการเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์มาล้างมือ เพื่อเป็นการขจัดสิ่งชั่วร้ายออกไปจากชีวิต โดยวิธีคือ ใช้มือซ้ายตักน้ำมาล้างมือขวา และใช้มือขวาตักน้ำมาล้างมือซ้าย สุดท้ายก็ล้างกระบวย เป็นอันเสร็จ สิ่งหนึ่งที่ผมชอบของการมาที่นี่คือการจุดธูป คือเค้าจะเอาธูปมัดๆ รวมกันไว้ แล้วจิ้มไปในเครื่องให้ความร้อนนี่ล่ะ ไม่นานธูปก็จะติด แต่ร้อนมากกกกก 555+ ก่อนธูปติดดูให้ดีว่าแขนเสื้อติดไฟก่อนหรือเปล่าด้วย
หลังจากไหว้พระกันเสร็จแล้ว เราก็ออกมาช้อปปิ้งกันที่ตลาดหน้าวัด หรือนะกะมิเสะ เป็นตลาดที่มีถนนพาดกลาง จากประตูวัด (ถ้ามาจากด้านหน้าจะถึงก่อนวัด) สองข้างทางรายล้อมไปด้วยของกิน ของช้อป ที่น่ารับทานสุดๆ 555+
เนื่องจากไปถึงวันแรกไม่อยากเสียเงินเยอะเลยจัดเบาๆ ไป เช่น ขนมดังโงะ / ขนมเซมเบ้สด (อร่อยกว่าแบบใส่ห่อกลับบ้านค่อนข้างมาก) และโค้กขวดลายซากุระ ที่ตอนแรกคิดว่าหายาก เลยซื้อมาจะเก็บขวด ราคา 200 เยน แต่มาเจอหลังๆ 125 เยน ถือว่าเจ็บปวดเล็กๆ 
หลังจากเดินอะสากุซะ เรียบร้อย ทัวร์ก็มาทิ้งผมไว้ที่ย่านอูเอโนะ หน้าตลาดอะเมโยโกะ ซึ่งเป็นตลาดที่มีประวัติศาสตร์ ถ้าไปกับทัวร์เค้าคงเล่าให้ฟัง แต่ผมขี้เกียจเล่า 555+ ก็เป็นตลาดที่ดีเลย ขายของสด และของแห้ง เออจะบอกว่าที่นี่ ABC Mart เยอะ หากใครจะไปสอยรองเท้าก็ต้องมา และสำหรับคนที่เป็นแฟน Uniqlo และ GU เมื่อเดินเข้าไปสักพักก็จะเจอกับตึกของสองแบรนด์นี้ ซึ่งดีย์ ผมใช้เวลาไปพักนึงเลยแถวนี้
เมื่อเสร็จจากอูเอโนะ ก็ได้ไปเก็บของที่โรงแรม ครั้งนี้ผมนอน รร.ดีมาก แถวชินะงะวะ ชื่อ Shinagawa Prince สำหรับผมถือว่าดีเกินคาดเพราะหรู และอยู่ใจกลางเมื่อง มี JR หลายสายผ่าน เมื่อเก็บของ และกินข้าวเย็นเสร็จก็ออกไปตะลอนย่าน "ชิบูย่า" เป้าหมายคือ Mega ดองกี้
ย่านห้าแยกชิบูย่า ณ เวลา สี่ทุ่มยังคลาคลั่งไปด้วยคนมากมาย ไม่ว่าจะชายหญิง ต่างเดินกันอลหม่าน และหากใครจะถ่ายรูปแยกนี้ให้สวย จงเดินไปที่ Starbuck แล้วเนียนๆ ถ่าย ก็ได้ 555+

หนังชีวิตก่อนกลับ รร.
ถือว่าเล่าเป็นประสบการณ์ของคนไม่เคยมาแล้วกัน คือผมออกมาจากดองกี้สักห้าทุ่มครึ่ง เดินไปที่สถานีรถน่าจะถึงสัก ห้าทุ่มสี่สิบ กะว่าทันแน่ เพราะรถไฟขบวนสุดท้ายหมดเที่ยงคืน นี่อีกตั้งยี่ 20 นาที และ รร. เราห่างออกไปแค่ 20 นาที พอขึ้นๆ ไปถึงปรากฏว่า "รถไฟหยุดวิ่ง" ก่อนถึง สถานี รร. เรา 1 สถานี คือ สถานี Osaki พอมาสืบทีหลังคือเค้าจะปิดราง 
ลงที่ Osaki ก็มาขึ้นรถอีกฝั่งนึง และได้พบกว่า "รถด่วนขบวนสุดท้าย" ของโตเกียว ที่ซึ่งไกด์บอกหนักหนาว่า ถ้าอยากรู้ว่าขบวนที่แน่นที่สุดคือขบวนไหน.....ขบวนนี้แหล่ะจ๊ะ 555+ 

สรุป ถ้ายังไม่คล่อง อย่าพยายามใช้รถขบวนสุดท้าย หรือจวนตัวนัก เพราะอาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน แต่ถ้ามีตังค์หน่อยก็จัด Taxi ไป ไม่ต้องกลัวเรื่องนี้ (ได้ข่าวว่า Taxi แพงมาก)

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ (ฟรีเดย์วันแรก Let's go Kawaguchiko)

วันฟรีเดย์วันแรก คุยกับทีมแล้วว่าอยากไป ดูฟูจิซังกัน เลยจัดแจงเช่ารถ Toyota Rent A car โดยหาข้อมูลจากเน็ตเอา ไม่ยาก ใครอยากเช่าถามมาก็ได้ ผมได้รถ Toyota Xienta สำหรับ 7 คน ฟิตๆ พอดี

เรื่องเศร้าก็คือวันนี้ฝนตก เป็นวันเดียวที่ฝนตกเลย และมีความเสี่ยงสูงมากที่จะไม่เห็น คุณน้องฟูจิ แต่ไหนๆ ก็จองมาแล้วก็ต้องจัด ไม่ซิ่งก็ซี้แหล่ะนาย
โฉมหน้าเจ้า Xienta คู่ใจ พาไปฟูจิ ดูเหมือนเล็กนะ จริงๆ ก็เล็กล่ะ 555+ แต่ผมคนขับนั่งสบายอยู่แล้ว อะฮิฮิฮิ ฝนมากับอากาศหนาวเย็นจัด ขับไปก็ต้องเปิดฮีตเตอร์ไป จนมาถึงจุดหมายแรกของเราในเมืองนี้ก็คือ เจดีย์แดง
เจดีย์ชูไรโต หรือที่คนไทยเรียกเจดีย์แดง เป็นจุดที่จะมองเห็น คุณฟูจิได้ชัดมากจุดหนึ่ง ถึงก่อนไป คาวะงุจิโกะ เพราะงั้นต้องแวะนะจ๊ะ มาที่นี่ไม่เสียค่าเข้า แต่เสียเหงื่อแน่นอน เพราะทางเดินขึ้นเกือบโล ... อันนี้เป็นศาลเจ้าก่อนขึ้นเจดีย์นะ 
หมอกจัดเต็มมาก แต่น้องฟูจิขี้อายหลบอยู่หลังหมอกตลอดทั้งวัน ครั้งนี้เลยไม่ได้เห็น แต่การขึ้นเจดีย์ชูไรโตะ ก็ยังสร้างความประทับใจให้ผมอย่างมาก ด้วยวิวแบบนี้แหล่ะ ถ้ามากลางคืนคงสวยงาม (ถ้ากล้าขึ้นมาอะนะ)
ขึ้นมาถึงจุดมุมมหาชนที่ทุกคนต้องมาถ่ายแล้ว แต่ !!! มีคนลักขโมยน้องฟูจิไป จึงได้เห็นเพียงเจดีย์กับวิวหมอกขาวๆ ด้านหน้า แต่ก็ยังคุ้มค่าจะขึ้นไปนะครับ วิวก็สวยอยู่แหล่ะ
หลังจากลงจากเจดีย์ชูไรโตะ ผมก็มาที่ Oishi Park อีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตของคนไทยที่ใครมาดูฟูจิก็ต้องที่นี่แหล่ะจ้าาา
ฝนหยุดได้ไม่นานก็ตกลงมาให้ได้วิ่งขึ้นรถอีกครั้ง ยังดีที่ได้เห็นน้องเป็ดเล่นน้ำ 555+
ขับรถมานาน ขอกินอาหารหน่อยแล้วกัน เพื่อนแนะนำ และเราก็แนะนำเช่นกันชื่อร้าน Tsujiya อยู่ริมทะเลสาบสวยงาม อาหารอร่อย ราคาเป็นกันเอง อ่อ ซาลาเปาไม่ได้ขายที่นี่นะ แค่มีที่ว่างเลยเอามาแปะ 555+
หลังจากผิดหวังนิดๆ กับ คาวะงุชิโกะ เราก็มุ้ปอรต่อมาที่ หมู่บ้านน้ำใส แห่งคนไทย (เยอะมาก) เกิดจากการละลายของน้ำแข็งของภูเขาไฟฟูจิ ที่มีความบริสุทธิ์มาก จนน้ำใสแจ๋ว
ตรงบริเวณนี้มีบ่อลึกที่มีปลาคาร์ฟตัวเบ้งๆ อยู่ ถ้าสังเกตดีๆ บ่อนี้จะสีออกน้ำเงินต่างจากน้ำจากลำธาร ก็เนื่องจากความลึกนั่นเอง
บางมุมของหมู่บ้านน้ำใส ก็จะมองเห็นฟูจิเหมือนกัน ตามภาพบิลบอดที่แปะไว้
ผมปิดท้ายด้วย มินาโตะมิไร แห่งโยโกฮาม่า ซึ่งเป็นเมืองใกล้กับโตเกียว กลางคืนประดับประดาไฟสวยงาม แต่เงียบกริบ แนะนำไปช่วงกลางวันจะดีกว่า

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ (ฟรีเดย์วันสอง Mess Up in Tokyo)

วันนี้ผมจะลุยในเมืองละ อากาศดี ท้องฟ้าโปร่งก็เลยต้องไป
ที่แรกที่อยากมามากๆๆ ก็คือตลาดปลาสึคิจิเก่า ที่เปิดขายอาหารทะเลทุกรูปแบบ สดบ้าง ไม่สดบ้าง ดูเอาเอง 555 คล้ายๆ ตลาดมหาชัยนั่นแหล่ะ
อาหารมีให้เลือกหลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเล ที่ผมมาเจอร้านขายเนื้อวากิว แม่เจ้า สีสวยมากกกก ไม่รู้ของปลอมป่าวนะ แต่ไม่ได้กินเพราะแพงเกิน กินเฉพาะไอ้ภาพด้านซ้าย อันแรกเป็นทะเลเผาราดซอส อันสองคือหอยนางรม (แฟนผมบอกว่าของไทยอร่อยกว่า) และลูกชิ้นขาปู อู้หูวรอนาน 555+
ตามมาติดๆ ด้วยร้านซูชิชื่อดัง "Sushi Zanmai" โดยรวมถือว่าดีเชียวแหล่ะ ราคามิตรภาพ เนื้อปลาสด ซุปปูอร่อย 
จากสึคิจิผมไปย่านกินซ่า เพื่อไปดูกระเป๋า Freitag (ที่เจอแต่คนไทย 555+) เป็นย่านหรู ที่มีแต่แบรนด์เนม คนก็ดูร๊วยรวย ย่านสวยๆ แบบนี้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมาหรอก 
นี่เป็นอีกย่านที่อยากให้มากันนะคือ โอโมโตะเซนโด ช่วงถนน Cat Street แหล่งรวมร้านแนวๆ คาเฟ่มินิมอลต่างๆ คนน้อย สาวน่ารักบ้านเรือนน่าถ่ายรูป ถ้ามาเย็นๆ คิดว่าสวยกว่านี้อีก
หลังจากเดินทั้งวันก็ขอจัดข้าวแกงกะหรี่จานเบิ้มที่ร้าน GoGo Curry ไม่ใช่ CoCO ichibanya นะ 555+ จานใหญ่มากก แต่รสชาติเฉยๆ เน้นกินอิ่มอ่ะพอไหว ถือเป็นการปิดวันอันอิ่มท้อง

วันที่ 18 - 19 กุมภาพันธ์ (ทำงาน และเตรียมตัวกลับ)

วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมาก เพราะต้องไปแวะเวียนบริษัทแม่ที่เขตอากะสะกะ ย่านธุรกิจของเมืองโตเกียว
หลังจากนี้บริษัททัวร์ก็พาไปช้อปที่ใกล้สนามบินนาริตะ ที่ AEON Mall ผมเดินไปซื้อของเพิ่มที่ดองกี้ นาริตะ แล้วก็เตรียมตัวกลับบ้านแน ^ ^


เป็นอันจบการรีวิว การไปเที่ยวโตเกียวครั้งนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เห็นฟูจิ แต่ยังได้เดินถ่ายภาพโตเกียวอีกหลายมุมสวยๆ มาให้ดูกัน ได้พบประสบการณ์ดีๆ กับคนญี่ปุ่น ที่พร้อมเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อเห็นเราไม่สะดวก.... 

แค่นี้ก็มีความสุขแล้วกับทริปเอ้าติ้งของผม ไว้ถ้ามีเวลาจะมาเล่าเรื่องราวท่องเที่ยวให้อ่านกันใหม่นะครับ วันนี้ขอบคุณมากครับที่อ่านมาถึงตรงนี้
ชื่อสินค้า:   โตเกียว, คาวากูจิโกะ, Kawaguchiko station, yokohama, ฟูจิ,
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่