[CR] [#ฉันจะมารีวิว] LOONA (이달의 소녀) ‒ ‘[#]’🌻K-POP REVIEW

** โปรดอ่าน! **
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยเพราะคนเขียนไม่ได้มีความรู้เรื่องของเพลงแม้แต่นิดเดียว
-
[K-POP REVIEW]
LOONA - [#]
“ แผดเผา เร่าร้อน ”

Release: 2020/02/05
Genre: electronica pop, dance pop, r&b

- ไม่รู้ว่าจะพูดไงดีสำหรับการหายไปนานหนึ่งปีเต็มของแก๊งค์สาวที่สร้างจักรวาลโปรเจ็คของตัวเองจนเป็นที่พูดถึงและแตกตื่นด้วยการเริ่มต้นพรีเดบิวท์เกือบสองปีทั้งเล่นปล่อยสมาชิกเดี่ยวทีละเดือน+คั่นกลางด้วยยูนิตสตอรี่ต่างๆ เป็นวงที่ใส่รายละเอียดในการเล่าเรื่องของตัวเองได้แตกต่างและดูแปลกใหม่ในวงการเคป็อบเป็นอย่างมาก แต่ก็ใช่ว่าจะพูดถึงแค่ตัวคอนเซ็ปซะทีเดียว ใจกลางสำตัญคือตัวเพลงที่สามารถตอบโจทย์คอนเซ็ปและคาแรกเตอร์ของเมมเบอร์ทุกคนได้เป็นอย่งดีรวมถึงเพลงวงอย่างล่าสุด ‘Butterfly’ ที่จะพาเราปลดปล่อยความเป็นอิสระดั่งใจคิดก็สามารถคว้าใจเหล่านักวิจารณ์ในบ้านไปได้จนสามารถติด List Top10 จากนิตยสารสื่อออนไลน์ IZM ไปได้สวยๆ อีกทั้งตัวมิวสิควิดีโอยังเสริมทับด้วยเหล่าพลังหญิงที่ต้องการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง เรียกได้ว่ากระแสมีชัยไปกว่าครึ่งมากๆ

- แต่ก็ใช่ว่าสาวๆวง LOONA จะเจอแต่อะไรที่ดีซะตลอดเพราะหลังจบโปรโมทอัลบั้มที่ผ่านมานั้นกลับต้องถูกดองยาวเป็นเวลาแสนนานทั้งที่ได้ปล่อยทีเซอร์สานต่อเรื่องราวของผีเสื้อที่ถูกเผาอย่างปริศนา... ต้นเหตุก็มาจากเจเดน จอง(Jaden Jeong)พ่อผู้สร้าง loonaverse ดันถอนตัวออกจากโปรเจ็คอย่างถาวรและไม่มีวันหวนกลับคืนมาหนำซ้ำยังใจร้ายเล่นลบเพลงทั้งหมดที่ทำขึ้นมาเพื่อลูน่าโดยเฉพาะทิ้งอย่างไม่ใยดี เล่นทำเอาเหล่าออบิท(Orbit)กรนสาปส่งกันไปเป็นแถบ

- ถึงพ่อบังเกิดเกล้าจะทิ้งลูกสาวตัวเองชนิดที่ว่าไม่แยแส... กลับมีผู้อุปถัมภ์ใจดียื่นข้อเสนอสำหรับการคัมแบ็คครั้งนี้ ‘อี ซูมาน(Lee Sooman)’ ผู้บริหารค่ายใหญ่ยักษ์ตึกชมพูได้เห็นแววสาวๆจากการโคฟเวอร์ Cherry Bomb ของ NCT127 ที่กำลังเป็นกระแสและ viral ในช่วงที่ได้ปล่อยวิดีโอให้ได้ชมกันและแน่นอนว่าข้อเสนอการช่วยเหลือจากค่ายใหญ่มาถึงมือแล้วมีหรือที่จะไม่รับไว้... “[#]”(Hash) มินิอัลบั้มชุดที่สองภาคต่อที่พร้อมจะดำเนินเรื่องราวสานต่อเป็นเวลาอันยาวนานโดยไม่ง้อบุพการีของตัวเอง

1. เปิดด้วย  Intro (#)  ที่ได้ฟังกันไปในสตอรี่ทีเซอร์มาแบบอิเล็กทรอนิกส์-อีดีเอ็มเข้มข้น พร้อมบอกเป็นนัยๆว่าต่อไปคือของจริงนะจ๊ะ

2. So What  ซิงเกิ้ลโปรโมทเกิร์ลครัชสไตล์ urban dance จัดหนักไปด้วยเบสอิเล็กทรอนิกส์ไม่ยั้งมือ เพลงที่เปรียบเหมือนมิติฝั่งตรงข้ามของ Butterfly ที่ดูกล้าหาญชาญชัยไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด แผดเผาทุกสิ่งที่ทำให้เราไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ชอบสุดคือท่อนแร็ป หนักแน่นถึงใจดีมากแต่สั้นนิดเดียวเสียดาย

3. Number 1  medium synth r&b หวานๆ ถ้าคุณต้องการกำลังใจ ฉันพร้อมจะเดินไปหาคุณ คอยให้แสงสว่างและจะอยู่เคียงคุณเสมอ

4. Oh (Yes I am)  electro house เฟรชสดใส เมื่อเราค้นพบตัวเองแล้วว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่นั้นมันก็คือ‘ตัวตนของเราเอง’ vibe เพลงนี้มีความเป็นซาวน์ดจากอัลบั้มชุดที่แล้ว ฟังเพลินๆกันไป

5. Ding Ding Dong  แดนซ์ป็อบเน้นเบสพ่วงริฟเปียโน เสียงกระดิ่งเรียกให้คนที่แอบชอบเข้ามาหาและสารภาพรักกันไปตรงๆ ใครว่าผู้ชายจะต้องเป็นฝ่ายบอกรักเสมอไป โปรดดูด้วยจ้า! นี่เรียกให้เข้ามาใกล้ๆถึงจะเขินอายแต่ก็ต้องสู้แหละ... เพลงนี้น่ารักนะแต่ไม่เข้ากับบริบทของอัลบั้มสักนิดเดียว

6. 365  r&b piano ballad เพลงที่จะส่งมอบแสงสว่างให้เหล่าออบิททั่วทุกมุมโลก เปรียบเสมือนคำขอบคุณของลูน่าที่แสนจะอบอุ่นและมีความหมายอันลึกซึ้ง ชอบท่อนฮุคที่ฟาดด้วยจังหวะสตริงหนักๆ บิ้วอารมณ์ให้ตัวเนื้อหาของเพลงมีน้ำหนักที่อินตามได้ตั้งแต่ฟังครั้งแรก แทร็คนี้ได้ realmeee มาช่วยลงมือทำให้ คุณภาพเลยนะ

- ลูน่ายังคงคีพเนื้อหาของเพลงในการเป็นอิสระจากกรอบเดิมๆ let me free พร้อม burn yourself ตามคอนเซ็ปกันไปแต่อย่างที่บอกไปในตอนแรกว่ามินิอัลบั้มนี้มันคือการสานต่อเจตนารมณ์ให้เนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ... นี่ขอมองว่าเนื้อหามันอาจจะไม่ได้ continue แบบรันยาวซะขนาดนั้น เหมือนครั้งนี้จะเป็นการตีแผ่คอนเซ็ปในด้านมืดของจักรวาลตัวเองแล้วแปรเปลี่ยนเป็นพลังให้ไปในรูปแบบเชิงปลุกใจแทนซึ่งมันก็พอโอเคกับบริบทของซาวน์ดภาพรวม... พูดถึงตัวลุงซูมานที่มาทำผลงานให้เด็กนอกค่ายครั้งแรกก็ไม่แย่เลยนะ บางแทร็คถึงจะสัมผัสได้ความโคตรพ่อโคตรแม่เอสเอ็มสไตล์แต่เหล่าโปรดิวเซอร์ที่ลุงแกคัดสรรมาให้ก็พยายามบิดพริ้วซาวน์ดต่างๆไม่ให้มันหลุดความเป็นลูน่าจนทำมห้คนฟังต้องปรับจูนกันใหม่เหมือน AOA อัลบั้มล่าสุด อันนี้ต้องขอชม... แต่สิ่งที่ขาดหายไปในครั้งนี้มันไม่ใช่‘ฮาซึล’ที่กำลังรักษาสุขภาพของตัวเองอยู่ มันคือความสมูทของภาพรวมที่รู้สึกได้ว่าเจ้า [#] ยังสู้อัลบั้มที่แล้วไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ ด้วยความที่เปลี่ยนโปรดิวเซอร์ใหม่เลยอาจจะต้องจูนตรงจุดนี้ให้เข้ากันมากขึ้นในภายภาคหน้า คงต้องรอติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ ส่วน hidden track อย่าง Day and Night ยอมรับว่าเป็นของแถมที่ทำออกมาใช้ได้เลยทีเดียว ฟังเพลินปนเปในความเสียดาย