เหตุการณ์แรกเป็นการกราดยิงจากความเครียด
...
เหตุการณ์ต่อมาเป็นการยิงเพื่อล้างแค้นส่วนตัว เหมือนคดีอาชญกรรมทั่วไป แต่มันไม่ปกติ มันแตกต่างตรงที่ผู้ต้องหาใช้อาวุธสงคราม คือ M16
...
แน่นอนว่าสังคมเราไม่ต้องการอยู่แบบรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย รู้สึกเกลียดหรือหวาดกลัวมนุษย์ซะเอง (ซึ่งการเกลียดมนุษย์นี่ก็เป็นความป่วยอย่างนึงที่ติดเชื้อกันได้)
เป็นไปได้สูงว่า ภายในช่วง 2 ปีนี้ จะเกิดเหตุลักษณะแบบเดียวกันต่อผู้บริสุทธิ์อีก ผมไม่ได้อยากให้เกิดนะ แต่จะบอกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นโรคที่มีอยู่จริงในสังคม
...
กระทู้ก่อนผมเสนอความคิดแบบต่างมุมออกไปว่าทฤษฎี
"ไม่เผยชื่อกับหน้า" มันไม่ได้ช่วยป้องกันการเลียนแบบพฤติกรรม
คำนี้มันก็มีนัยยะในตัวของมันอยู่แล้วครับ
-->
"เลียนแบบพฤติกรรม" ไม่ใช่เลียนแบบชื่อและใบหน้า
เมื่อมีการได้ยินข่าวว่าเกิดเหตุการอะไร ?เพราะอะไร ? เมื่อเรื่องราวมันไปสะกิดคนที่อยู่ในภาวะเดียวกันคือ
เครียด, เจ็บปวด, ไม่มีอะไรจะเสีย, ไร้เมตตาปรานี พอมีทุกประการเหล่านี้ครบ เขาจะกล้าที่จะทำในสิ่งที่มีคนเคยทำไว้แล้วทันที เขาไม่สนหรอกครับว่า ต้นแบบของเขาชื่ออะไร หน้าตาแบบไหน
แต่ในทางตรงข้าม สมมุติสื่อเผยชื่อและเผยหน้าคนร้าย แล้วรายงานว่าเนี่ย คนนี้ก่ออาชญากรรม หรือคนร้ายยิงคน จบ แล้วก็ไม่ลงรายละเอียด ตรงเนี้ยครับจะลดประเด็นการเลียนแบบพฤติกรรมไปได้เลย
ผมไม่ปฏิเสธว่าการงดเผยชื่อและหน้า มันทุเลาความป่วยของสังคมลงได้ เพราะบางคนก็อยากมีตัวตน เรียกร้องความสนใจ อันนั้นจริง แต่ผมคิดว่าคนจะก่ออาชญากรรมส่วนมากไม่ได้เรียกร้องความสนใจ
มันมีเหตุที่มา และมีผลอยู่ประมาณนี้
1. ความเจ็บปวด
2. การถูกข่มเหง
3. การแก้แค้นต่อคนที่ข่มเหง
4. การเหมารวมเกลียดมนุษย์ และส่งต่อความเจ็บปวดให้คนไม่เกี่ยวข้อง
5. ความอยากมีตัวตน หรือเรียกร้องให้สังคมรับรู้
คือถึงจะไม่มีข้อ 5 แต่มันมีข้อ 3 ข้อ 4 ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอาชญากรรมส่วนมากที่เกิดขึ้นจะมีแค่ 3-4 ข้อนี้ครับ นานๆทีหลายปีหนถึงจะมีคนร้ายที่ต้องการในข้อ 5
แต่ที่ผมอยากบอกถึงวิธีนึง ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ ^^ แต่มันจะช่วยลดอาชญากรรมลงได้จริง ลดเหตุร้ายได้จริง นั่นก็คือ
การลดการรายงานข่าวอาชญากรรม หรืองดรายงานไปเลย
ดูซิว่า เราจะความรู้ด้อยลงมั้ย ? เราจะสติปัญญาไม่พัฒนารึเปล่า ที่ไม่ได้ยินข่าวอาชญากรรมเลย ไม่รู้ว่าใครฆ่าใคร ใครฆ่าเพราะอะไร ยิงกันที่ไหน ?
ผมเชื่อว่า เราไม่โง่ลงแน่นอนครับ แต่ตรงข้ามเลย คือผู้คนจะมีจิตใจแจ่มใสขึ้นด้วยซ้ำไป ไม่ต้องมาหวาดกลัวหวาดระแวงกลัวเหตุร้าย หรือเวลาเคียดแค้นก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรให้มาเลียนแบบ
อันนี้เป็นแนวคิดสร้างโลกสวยครับ ^^ แต่ความเป็นจริงผมรู้ว่า มันเป็นได้ยากอย่างที่บอกไป สื่อต้องการขายข่าว และข่าวที่ขายดีคือเรื่องอาชญากรรม เรื่องความรุนแรงนี่แหละ
...
ผ่านเหตุการณ์ยิงกราดโคราชไป 7 วัน เกิดเหตุรุนแรงตามมา 2 เหตุการณ์
เหตุการณ์แรกเป็นการกราดยิงจากความเครียด
...
เหตุการณ์ต่อมาเป็นการยิงเพื่อล้างแค้นส่วนตัว เหมือนคดีอาชญกรรมทั่วไป แต่มันไม่ปกติ มันแตกต่างตรงที่ผู้ต้องหาใช้อาวุธสงคราม คือ M16
...
แน่นอนว่าสังคมเราไม่ต้องการอยู่แบบรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย รู้สึกเกลียดหรือหวาดกลัวมนุษย์ซะเอง (ซึ่งการเกลียดมนุษย์นี่ก็เป็นความป่วยอย่างนึงที่ติดเชื้อกันได้)
เป็นไปได้สูงว่า ภายในช่วง 2 ปีนี้ จะเกิดเหตุลักษณะแบบเดียวกันต่อผู้บริสุทธิ์อีก ผมไม่ได้อยากให้เกิดนะ แต่จะบอกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นโรคที่มีอยู่จริงในสังคม
...
กระทู้ก่อนผมเสนอความคิดแบบต่างมุมออกไปว่าทฤษฎี "ไม่เผยชื่อกับหน้า" มันไม่ได้ช่วยป้องกันการเลียนแบบพฤติกรรม
คำนี้มันก็มีนัยยะในตัวของมันอยู่แล้วครับ
--> "เลียนแบบพฤติกรรม" ไม่ใช่เลียนแบบชื่อและใบหน้า
เมื่อมีการได้ยินข่าวว่าเกิดเหตุการอะไร ?เพราะอะไร ? เมื่อเรื่องราวมันไปสะกิดคนที่อยู่ในภาวะเดียวกันคือ เครียด, เจ็บปวด, ไม่มีอะไรจะเสีย, ไร้เมตตาปรานี พอมีทุกประการเหล่านี้ครบ เขาจะกล้าที่จะทำในสิ่งที่มีคนเคยทำไว้แล้วทันที เขาไม่สนหรอกครับว่า ต้นแบบของเขาชื่ออะไร หน้าตาแบบไหน
แต่ในทางตรงข้าม สมมุติสื่อเผยชื่อและเผยหน้าคนร้าย แล้วรายงานว่าเนี่ย คนนี้ก่ออาชญากรรม หรือคนร้ายยิงคน จบ แล้วก็ไม่ลงรายละเอียด ตรงเนี้ยครับจะลดประเด็นการเลียนแบบพฤติกรรมไปได้เลย
ผมไม่ปฏิเสธว่าการงดเผยชื่อและหน้า มันทุเลาความป่วยของสังคมลงได้ เพราะบางคนก็อยากมีตัวตน เรียกร้องความสนใจ อันนั้นจริง แต่ผมคิดว่าคนจะก่ออาชญากรรมส่วนมากไม่ได้เรียกร้องความสนใจ
มันมีเหตุที่มา และมีผลอยู่ประมาณนี้
1. ความเจ็บปวด
2. การถูกข่มเหง
3. การแก้แค้นต่อคนที่ข่มเหง
4. การเหมารวมเกลียดมนุษย์ และส่งต่อความเจ็บปวดให้คนไม่เกี่ยวข้อง
5. ความอยากมีตัวตน หรือเรียกร้องให้สังคมรับรู้
คือถึงจะไม่มีข้อ 5 แต่มันมีข้อ 3 ข้อ 4 ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอาชญากรรมส่วนมากที่เกิดขึ้นจะมีแค่ 3-4 ข้อนี้ครับ นานๆทีหลายปีหนถึงจะมีคนร้ายที่ต้องการในข้อ 5
แต่ที่ผมอยากบอกถึงวิธีนึง ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ ^^ แต่มันจะช่วยลดอาชญากรรมลงได้จริง ลดเหตุร้ายได้จริง นั่นก็คือ การลดการรายงานข่าวอาชญากรรม หรืองดรายงานไปเลย
ดูซิว่า เราจะความรู้ด้อยลงมั้ย ? เราจะสติปัญญาไม่พัฒนารึเปล่า ที่ไม่ได้ยินข่าวอาชญากรรมเลย ไม่รู้ว่าใครฆ่าใคร ใครฆ่าเพราะอะไร ยิงกันที่ไหน ?
ผมเชื่อว่า เราไม่โง่ลงแน่นอนครับ แต่ตรงข้ามเลย คือผู้คนจะมีจิตใจแจ่มใสขึ้นด้วยซ้ำไป ไม่ต้องมาหวาดกลัวหวาดระแวงกลัวเหตุร้าย หรือเวลาเคียดแค้นก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรให้มาเลียนแบบ
อันนี้เป็นแนวคิดสร้างโลกสวยครับ ^^ แต่ความเป็นจริงผมรู้ว่า มันเป็นได้ยากอย่างที่บอกไป สื่อต้องการขายข่าว และข่าวที่ขายดีคือเรื่องอาชญากรรม เรื่องความรุนแรงนี่แหละ
...