ตาตกทำไมต้อง "ยกคิ้ว" ??

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ

เพี้ยนสวัสดี

เราทำงานเป็นที่ปรึกษาการตลาดในธุรกิจความงามมาหลายปีค่ะ แล้วก็เห็นกระทู้หลายๆ ที่รวมทั้งในพันทิพที่มีคนถามกันเรื่องมีปัญหาหลังการทำตาสองชั้น มีปัญหาหนังตาตก แล้วก็บ่นว่าทำไมสถานเสริมความงามบางที่ถึงบอกว่าให้ไปยกคิ้ว ทำไมต้องยก แพงก็แพง คือดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจในปัญหาและในส่วนที่แพทย์หรือที่ปรึกษาศัลยกรรมแนะนำมา ซึ่งบางคนก็คิดไปว่าเค้าพยายามขายของ อัพราคา เราก็เลยตัดสินใจอยากจะมาแชร์ความรู้ในเรื่องของการ "ยกคิ้ว" ให้ทุกคนได้ทราบและเข้าใจกันมากขึ้นค่ะ เราอยากให้ทุกคนเข้าใจถึงสิ่งที่ถูกต้องและการทำศัลยกรรมที่เหมาะสมกับปัญหาหรือตอบโจทย์คุณจริงๆ มากกว่าอ่ะนะ (หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้เลย)

ระยะห่างระหว่างคิ้วกับตา ทำให้หน้าดูหวานละมุน
ระยะห่างระหว่างคิ้วกับตาคืออะไร? คือช่องว่างที่อยู่เหนือชั้นตาขึ้นไปจนถึงคิ้ว ซึ่งสังเกตุได้ว่าเวลาเราถ่ายรูปหรือเซลฟี่ บางคนจะชอบเลิกคิ้วสูงๆ เพราะมันทำให้หน้าดูสดใส ดูเด็ก เพราะการมีระยะห่างของคิ้วกับตานั้นจะเพิ่มขึ้น ลองดูอย่างดาราเกาหลีก็ได้ ส่วนใหญ่เค้าจะดูหน้าละมุนๆ ดูหวานๆ กัน เพราะช่วงระยะห่างของคิ้วกับตาเค้าเยอะ (แบบในรูป)

รูปนี้ทำเปรียบเทียบให้ดูว่า ถ้าระยะห่างระหว่างคิ้วกับตามีน้อย (แบบรูปด้านขวา) หน้าก็จะดูดุ ดูไม่สดใส ดูเครียดและดูแก่ และแถมยังแต่งหน้าได้ไม่หลากหลาย (นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมคนเราชอบกันคิ้วกันขึ้นไปสูงๆ ไงล่ะ)  


พอกดหน้าลงมาแบบนี้จะเห็นได้ว่า ระยะห่างระหว่างคิ้วกับตานั้นลดลง หน้าก็จะดูดุขึ้น

ด้วยระยะห่างระหว่างคิ้วกับตานี่เอง ทำให้คนเอเซียหรือคนเกาหลี นั้นดูหน้าเด็กกว่าฝรั่ง ที่ส่วนใหญ่แล้ว ช่วงระยะห่างของคิ้วกับตาของเค้าจะแคบกว่า แต่จะสังเกตุได้ว่าหลายๆ คนก็พยายามเพิ่มระยะตรงจุดนี้ด้วยการกันคิ้ว หรือเขียนคิ้วให้สูงขึ้น เพื่อให้หน้าและดวงตาดูสดใสเช่นกัน
ยกตัวอย่างจากภาพน้องไคลี่ละกันนะ

จะเห็นได้ว่าตาน้องไคลี่เนี่ย ก็เป็นแบบคนต่างชาติทั่วไป คือช่วงระยะห่างระหว่างตากับคิ้วแคบ หน้าก็จะดูดุกว่า แต่ถ้าน้องไคลี่เลิกคิ้วขึ้น เราก็จะเห็นได้ว่า หน้าน้องดูสดใสขึ้นเช่นกัน


ตาคนไทย มีหนังตาเยอะ
พอเราเข้าใจเรื่องระยะห่างระหว่างคิ้วกับตาแล้ว มาดูใบหน้าของคนไทยส่วนใหญ่กันก่อน ส่วนใหญ่แล้วด้วยสรีระของคนไทย จะเป็นคนที่มีชั้นตาอยู่บ้าง แต่จะมีหนังตาค่อนข้างเยอะกว่าคนเกาหลี ซึ่งเมื่อเราอ้วนขึ้น ไขมันก็จะสะสมไปทั่วร่างกายรวมไปถึงที่เปลือกตา และทำให้ชั้นตาดูบวมตุ่ย ทำให้เห็นชั้นตาไม่ชัด บางคนก็จะกลายเป็นชั้นตาหลบใน  ในอีกกรณีคือเมื่อเราอายุเยอะขึ้น ทุกอย่างก็หย่อนยาน (เฮือกกก พูดไปก็เจ็บไป) รวมไปถึงเปลือกตา เมื่อคิ้วมันค่อยๆ เขยิบลงมาบีบ หนังตาที่หย่อนยานก็จะค่อยๆ ปิดทับลงมา ทำให้ดูเหมือนหนังตาตก จากที่เด็กๆ อาจจะเป็นคนมีตา 2 ชั้น ทำไม๊ ทำไมพอแก่ตัวลง ชั้นตามันหายไป!! ก็นี่แหล่ะ มันไม่ได้หายไปไหน แต่มันโดนหนังตามาปิดนั่นเอง

คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด เลือกทำตาสองชั้น
บางคนอาจจะเข้าใจว่า ชั้นตามันหายไป ชั้นต้องทำชั้นตาใหม่, ชั้นตาไม่ชัดแล้ว ต้องไปกรีดตา 2 ชั้น ซึ่งนั่นคือหนึ่งในการเข้าใจผิด เพราะหากคุณมีตา 2 ชั้นอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องไปทำอีก แต่เราควรแก้ปัญหาให้ถูกจุดว่าทำไมตาสองชั้นนั้นมันถึงหลบใน หรือมันไม่ชัดเพราะหนังตามาปิดหรือเปล่านั่นเอง  ส่วนหลายๆ คนที่ไปทำตาสองชั้น ก็อยากจะทำให้ชั้นมันหนาๆ จนลืมไปว่า หากคุณเป็นคนที่มีระยะห่างระหว่างตากับคิ้วที่แคบ ยิ่งคุณทำชั้นตาสูงเท่าไหร่ ก็จะทำให้หหน้าคุณแปลกขึ้นเท่านั้น เพราะชั้นตาควรอยู่ใกล้กับดวงตา ไม่ใช่อยู่ใกล้คิ้ว (อยากจะเอารูปมาอธิบาย แต่เดี๋ยวเค้าหาว่าเอาเค้ามาว่า)

อย่างคนไทยที่เห็นเยอะมากๆ เลยคือทำชั้นตาสูงมากกกกกกก มากๆๆๆ แบบทำทั้งที กรีดหนาๆ ไปเลยค่ะหมอ! แต่คือมันจะทำให้หน้าดูแปลกไง ตาจะดูโหลๆ เพราะชั้นตาที่สวย ต้องมีขนาดได้รูปพอดีกับช่วงระยะห่างของตากับคิ้วด้วย แบบนี้...



การตัดแต่งหนังตา
คนที่มีปัญหาหนังตาเยอะ หนังตาตก การผ่าตัดตกแต่งหนังตาก็สามารถทำได้ โดยส่วนใหญ่จะทำควบคู่กับการทำตาสองชั้น เพราะไหนๆ ก็ต้องตัดแต่งหนังตาบางส่วนออกแล้ว อาจจะให้แพทย์ช่วยทำชั้นตาใหม่ให้ดูสวยงามกว่าเดิมไปด้วยเลย และหนังตาบางส่วนที่เป็นส่วนเกินก็จะหายไป แต่เอ๊ะ!! เดี๋ยวก่อนนนนนนน!! การที่หนังตาบางส่วนหายไป ไม่ได้หมายความว่าต่อไปนี้หนังตามันจะไม่ตกลงมาอีก?! เพราะด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก และอายุที่มากขึ้น ยังไง๊ ยังไง มันก็ยังจะตกลงมาเรื่อยๆ น่ะล่ะ แล้วอีกอย่างคือ คิ้วที่มันค่อยๆ ตกลงมานั้น ยังอยู่ที่เดิม มันก็จะทำให้เปลือกตาเรายังดูตุ่ยเหมืะนเดิม เพราะคิ้วมันเขยิบแคบลงมานั่นเอง

ทำไมต้อง "ยกคิ้ว"???
การยกคิ้วนั้น ถือว่าเป็นการดึงหน้าแบบเล็กๆ แต่เป็นการดึงช่วงหน้าด้านบนขึ้นไป ซึ่งนั่นก็หมายความว่า มันจะช่วยในเรื่องของการทำให้เราดูอ่อนกว่าวัย และช่วยชะลอการแก่ตัวของเราได้ แต่การยกคิ้วก็สามารถทำได้ในคนที่อายุน้อยเช่นกัน ซึ่งจะอธิบายด้านล่างค่ะ

พลีชีพเอารูปตัวเองเป็นตัวอย่าง (555)
นี่คือรูปตาของเราเอง 555+ ใช้ของตัวเองนี่แหล่ะ จะได้เซฟๆ ซึ่งเราเป็นคนมีตาสองชั้นอยู่แล้ว และชั้นตาค่อนข้างหนา ซึ่งโดยปกติเวลาที่เราไม่แต่งหน้า ตามันจะดูปรือๆ ค่ะ ปกติก็เลยต้องกรีดอายไลน์เนอร์หนักหน่อย ยิ่งอายุยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ อิรอยเส้นๆ ชั้นตาก็เยอะขึ้น (แต่ก่อนมันมีเส้นเดียวอ่ะจริงๆ) เพราะว่าหนังตามันค่อยๆ ตกลงมา แล้วด้วยน้ำหนักที่เพิ่ม ก็ดูสิ ตาตุ่ยเชียว แล้วตาก็ดูตกด้วย (ครบทุกปัญหาเลยจ๊ะ เฮ้อออ) 

1. ภาพแรกบนสุดคือตาตอนยิ้ม (ดูหนังตาและไขมันที่เปลือกตานั่นสิ 5555+) เห็นมั้ยว่า มันทำให้ชั้นตาดูไม่ชัดเลย มันหายไปเลยจ้าาาา
2. ภาพที่ 2 เป็นภาพที่ทำหน้าปกติ ก็จะมองเห็นชั้นตาอยู่ แต่ก็ยังมีหนังตาบางส่วนลงมาบัง
3. ภาพที่ 3 เป็นภาพจำลองการยกคิ้ว คือเอามือเนี่ย ดึงคิ้วด้านบนหน้าผากขึ้นไป จะเห็นได้ว่า ทุกปัญหาได้รับการแก้ไขจ้าาาาา หนังตาตกหายไป มองเห็นชั้นตาแล้ว และที่สำคัญดูเด็กขึ้นเลย!!

นี่แหล่ะ!! คือตัวอย่างเคสที่ การยกคิ้วจะแก้ปัญหาทุกอย่าง 55555+ (แต่เราไม่ได้ทำนะ มโนไปก่อน)


การยกคิ้วนั้น เหมาะกับใครบ้าง?
1. คนที่มีระยะห่างระหว่างคิ้วกับตาแคบ หน้าตาดูไม่สดใส 
การยกคิ้ว จะช่วยเพิ่มระยะห่างที่พอเหมาะ ทำให้ดวงตาดูสดใส หน้าดูสวยขึ้น
2. คนที่มีคิ้วตก รูปคิ้วไม่สวย ต้องการปรับรูปคิ้ว
การยกคิ้ว สามารถปรับรูปคิ้วให้เป็นในแบบที่ต้องการได้ เช่นคิ้วโก่ง หรือดึงหางคิ้วให้สูงขึ้น
3. คนที่มีปัญหาหนังตาตก หนังตาหย่อน 
การยกคิ้ว จะช่วยดึงคิ้วขึ้นไป ทำให้หนังตาที่ตกและหย่อนคล้อยนั้น กลับไปอยู่ในจุดเดิม
4. คนที่มีปัญหา หางตาตก รูปตาตก
การยกคิ้ว สามารถแก้ไขในส่วนของหางตา ปรับรูปหางตาให้เฉี่ยวขึ้นได้
5. คนที่มีปัญหา มีริ้วรอยที่หน้าผาก และหว่างคิ้ว
ในการยกคิ้วนั้น จะต้องมีการเลาะในส่วนของบริเวณหน้าผากลงมาถึงคิ้ว ซึ่งจะทำให้เส้นประสาทในส่วนนั้นไม่สามารถใช้การได้ระยะหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้ริ้วรอยนั้นจางลงและไม่เพิ่มรอยใหม่ซ้ำนั่นเอง (เรียกได้ว่าไม่ต้องฉีดโบท็อกซ์ไปซักพักเลย)
6. คนที่มีปัญหาร่องแก้ม
การยกคิ้วในระดับ Mid Face หรือช่วงกลางหน้าขึ้นไป จะทำให้สามารถยกในส่วนของร่องแก้ม ให้หายไปได้ด้วย

การผ่าตัดยกคิ้ว ทำอย่างไร?
อันนี้คิดว่าหลายๆ คนคงหาข้อมูลในอินเตอเน็ตได้ไม่ยาก หลักๆ คือเป็นการกรีดแผลที่ไรผมค่ะ ทำให้เมื่อหายแล้ว เราจะมองไม่เห็นแผล (เจ็บแค่ไหน ก็ไม่มีใครรู้ อิอิ) จากนั้นแพทย์ก็จะทำการเลาะและดึง ให้ทุกอย่างไปอยู่ในจุดที่ต้องการ แต่สำคัญที่สุดก็คือวัสดุ อุปกรณ์ที่จะใช้เป็นตัวยึด เพราะมันก็เหมือนกับการดึงหน้าขึ้นไป แล้วมันจะเอาไปยึดกับอะไร? ก็ขึ้นอยู่กับ Budget ตามที่คุณเลือกค่ะ 

1. เย็บด้วยไหม ผลลัพธ์อาจอยู่ได้ 3-8 ปี แล้วแต่เทคนิคของแพทย์ และสภาพผิวของคนไข้ รวมไปถึงการดูแลหลังทำ ยิ่งดูแลดีก็อยู่นานค่ะ แบบนี้ราคาก็จะไม่แพง ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบก็ได้
2. ยึดด้วย Endotine เป็นวัสดุทางการแพทย์ จะคล้ายๆ กับซิลิโคนเล็กๆ รูปร่างคล้ายเห็บ (5555) มันเหมือนจริงๆ เพราะจะเป็นแป้นๆ และมีขาเพื่อยึดเกาะ ซึ่งตัวนี้เองที่จะทำการยึดผิวหนังของเรากับกะโหลก ซึ่งเจ้าตัว Endotine นี้จะค่อยๆ สลายหายไปโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 5-10 ปี ซึ่งนั่นก็ทำให้การใช้วัสดุนี้ ทำให้มีผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า (ประมาณ 5-10 ปี)

อาจจะมีเทคนิคเพิ่มเติมอย่าง การวางยาสลบ การใช้การส่องกล้องเพื่อผ่าตัด ซึ่งก็ทำให้บอบช้ำน้อย พักฟื้นไม่นาน เรื่องเหล่านี้ก็เป็นทางเลือกที่คนไข้สามารถเลือกได้ค่ะ 

**ทั้งนี้เทคนิคและฝีมือของแพทย์นั้นสำคัญมากนะคะ แพทย์ควรจะเป็นแพทย์ที่เป็น "ศัลยแพทย์ตกแต่ง" ที่จบมาโดยตรง และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านนี้ ก็พยายามเลือกแพทย์ที่เคยทำมาหลายๆ เคสจะดีกว่าค่ะ

เพี้ยนยิ้ม
ก็หวังว่าบทความนี้คงจะไขข้อข้องใจของใครหลายๆ คนในเรื่องของการ "ยกคิ้ว" นะคะ ใครที่อยากจะลองทดสอบดูว่า ตัวเองแหมาะกับการยกคิ้วหรือเปล่า? ก็ลองเอามือทาบหน้าผาก แล้วดึงขึ้นค่ะ หรือหากคุณเป็นอีกคนที่ต้องเลิกคิ้วตลอดเวลาเพื่อทำให้มองเห็นชัดขึ้น นั่นแหล่ะค่ะ ตอบโจทย์แน่นอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นศัลยกรรมแบบไหน คุณต้องเลือกให้เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของคุณค่ะ ซึ่งการปรึกษากับแพทย์ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ

ใครที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม คอมเม้นท์ถามกันไว้ได้เลย แต่ของดเรื่องการแนะนำสถานเสริมความงามนะคะ ยิ้ม หลายๆ ที่ดีแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความพอใจของคนจ่ายเงินค่ะ 5555

เพี้ยนชอบ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่