บทความนี้เรียบเรียงจากไลฟ์เฟสของคุณอั้ม ฟุตบอลจีเนียส (Football Genius) ที่ผมไปเจอบนยูทูป (ไม่งงเนอะ) ถ้าอยากฟังก็คลิกลิ้งค์ได้เลยครับ
1. สาเหตุของปัญหา
เตรียมรับแรงปะทะ เรือยักษ์ "แมนยูไนเต็ด' กำลังจม!
https://www.youtube.com/watch?v=GWOVrdUnljA
2. การแก้ไขที่กำลังทำอยู่
แมนยู เปลี่ยนสโมสรการค้า เป็น สโมสรฟุตบอลอีกครั้ง
https://www.youtube.com/watch?v=QgHXL4T495I
ผมเคยเชียร์แมนยูฯ มาตั้งแต่เด็กๆ พออายุ 40 ก็เริ่มเชียร์ลิเวอร์พูล (ปัจจุบัน 51 แล้วครับ) ผ่านมาหลายปีก็รู้ตัวว่าไม่ได้เชียร์บอลจริงๆ หรอก แต่ชอบอ่านชอบฟังคนวิจารณ์บอลมากกว่า แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลองสรุปความ การวิจารณ์บอลจากยูทูป จะดีหรือแย่อย่างไรเชิญรับสารได้ตามต้องการครับ
-----------------------------------
คุณอั้มเป็นแฟนแมนยูฯ ประเภทที่ติดตามเบื้องลึกของทีมมาหลายปี และลงคลิปวิจารณ์ทีมแมนยูในเฟสและยูทูปมาหลายครั้ง พยายามเจาะลึกสาเหตุของปัญหาทีมรักในปัจจุบัน และแนวทางแก้ไข
สองคลิปนี้เป็นบทสรุป ณ ปัจจุบันว่าสาเหตุของคุณภาพเกมส์ที่แย่ในปัจจุบันมีสาเหตุมาจากทีมบริหาร (เจ้าของ และผู้อำนวยการ) ที่บริหารด้วยการเอาธุรกิจนำ เอาผลงานของทีมตามหลัง ส่งผลให้แมนยูฯ มีกำไรและมีเงินเยอะ แต่ผลงานแย่ลงเรื่อยๆ แม้จะได้ใช้บริการ ผจก.ทีมระดับสุดยอดมาแล้วสองคน คือ ฟานกัล และ มูรินโญ่ ก็ไม่สามารถยกระดับทีมกลับมาได้
ในแง่การบริหารผมจับประเด็นจากการฟังคุณอั้ม ว่าการบริหารทั่วไปนั้นคุณภาพตกต่ำมาก ขนาดที่พนักงานในแมนยูฯ พากันนินทาเจ้านายว่า แม้จะต้องเปลี่ยนหลอดไฟสักหลอด ก็ยังต้องขออนุมัติจากผู้บริหาร
และผลงานการบริหารที่ส่งผลให้ทีมมีผลงานย่ำแย่ที่สุด คือ "การซื้อตัวนักเตะ" โดยการตัดสินใจซื้อที่ผ่านมานั้น ตั้งเป้าให้ทีมแมนยูเป็น "สโมสรการค้า" หมายถึงว่า พยายามซื้อนักเตะฝีเท้าดีและ "ชื่อดัง" สามารถทำการตลาดได้ โดยให้น้ำหนักแก่ความต้องการของผู้จัดการทีมในสัดส่วนน้อยกว่า (ไม่รู้อัตราส่วนเท่าไรนะ แต่ผมเชื่อว่าน้อยกว่า 50% แน่ๆ) ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่เมื่อผ่านการคุมทีมแล้ว 2 ปี มูรินโญ่ ก็ออกมาพูดว่า "นี่ไม่ใช่ทีมผม"
ผลงานการคุมทีมอันยอดเยี่ยมของป๋าอเล็กซ์นั้นไม่มีใครปฏิเสธได้เมื่อดูจากผลงาน แต่มีเพียงคนที่เจาะลึกการทำงานของป๋าเท่านั้นที่จะมีข้อมูลว่า การตัดสินใจที่ส่งผลต่อความสำเร็จของแมนยูยุคป๋า ที่ส่งผลมากที่สุด มีน้ำหนักต่อความสำเร็จมากที่สุด ไม่ใช่การวางรูปแบบการเล่น ไม่ใช่การปกครองแบบพ่อลูก ไม่ใช่การเลือกวิธีปลุกเร้านักเตะ คือการตัดสินใจ "ซื้อตัวนักเตะที่ถูกต้อง" (มีคนทำสถิติเรียบร้อย แต่อยู่ตรงไหนจำไม่ได้ครับ)
เมื่อแมนยูต้องมาอยู่กับการตัดสินใจ "ซื้อตัวนักเตะที่ล้มเหลวที่สุด" (มีสถิติในคลิปข้างบน) (ผมแถมให้การซื้อตัว ผจก. คนแรกคือ มอยส์ เป็นหนึ่งในการซื้อตัวล้มเหลวด้วย) ต่อเนื่องเป็นเวลา 7 ปีนับจากป๋าวางมือ ผลงานในสนามของแมนยูจึงตกต่ำลงเรื่อยๆ อย่างที่เห็น
ผลงานการซื้อที่ผ่านมาที่คุณอั้มสรุปไว้ คือซื้อนักเตะฝีเท่าดีชื่อดัง แต่ไม่คัดกรอง "คุณภาพจิตใจความเป็นนักฟุตบอล" (คุณอั้มเรียกคำยาวๆ นี้ว่า คาแรคเตอร์) ทำให้ในที่สุด ทีมก็ไม่เหลือนักเตะที่ "เป็นผู้นำทางจิตใจ" อยู่ในสนาม เหลือแต่นักเตะส่วนมากที่มาเพราะชื่อเสียงเงินทอง ซึ่งวันดีคืนร้ายก็โดดซ้อม (เพิ่งรู้ว่าดิมาเรียชอบโดดซ้อม จนฟานกัลบ่นว่า ผมไม่รู้เขาหายไปไหน) นอกเวลาซ้อมก็มุ่งมั่นกิจกรรมเอ็นเตอร์เทน (ทำผมบ้าง เต้นออกคลิปบ้าง) เทียบกับข่าวนักเตะลิเวอร์พูลเมื่อปีก่อน ที่ตอนได้พักยาว แต่มีภาพนักเตะแบ่งเวลาซ้อมรักษาความฟิต และพัฒนาฝีมือเยอะแยะ ก็สามารถเทียบได้ว่า "คาแรคเตอร์" ของนักเตะสองทีมนี้ต่างกันขนาดไหน
ปัญหาที่กล่าวมานี้ไม่สามารถแก้ไขด้วยการซื้อ "ผจก.ทีมชั้นยอด" เพราะผลลัพธ์ที่เห็นจากฟานกัลและมูรินโญ่เป็นหลักฐาน แต่ต้องแก้ด้วยการเปลี่ยนใจ ผู้อำนวยการ "ผู้เสนอซื้อ" และเจ้าของทีม "ผู้อนุมัติซื้อ" นักเตะ ให้เลิกซื้อนักเตะจากฝีเท้าและชื่อเสียง ให้หันมาซื้อนักเตะที่มีฝีเท้าดีและมีจิตวิญญาณนักเตะชั้นยอดแทน (เปลี่ยนใจเอ็ดและเกลเซอร์ ง่ายกว่าเปลี่ยนเจ้าของเป็นคนอื่น ตราบที่แมนยูมียังกำไรเลี้ยงเจ้าของปัจจุบันจนอิ่มแบบนี้)
ซึ่งในกรณีนี้ ฟานกัลและมูรินโญ่ ไม่สามารถเปลี่ยนใจเอ็ด และเกลเซอร์ได้ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้โซลชากำลังทำได้ โดยคุณอั้มนำข้อมูลมาจากการสัมภาษณ์ของโซลชา และการเจาะลึกของนักข่าวอังกฤษ ว่าโซลชาได้เสนอแผน "Rebuild" เพื่อสร้างแมนยูขึ้นใหม่
โดยคุณอั้มเสนอภาพเปรียบเทียบว่า แมนยูสมัยป๋าอเล็กซ์นั้น เปรียบเหมือนจิ๊กซอว์ขนาดใหญ่หมื่นชิ้น ที่เพียรต่อภาพมาหลายปีจนสำเร็จ แล้วออกอาละวาดกวาดแชมป์จนเต็มตู้ ผ่านไปหลายปีเมื่อจิ๊กซอว์บางชิ้นหมดอายุ ป๋าก็หาจิ๊กซอว์ใหม่มาเปลี่ยนได้พอดีหรือดีขึ้น พัฒนาจิ๊กซอว์โดยรวมให้ทันยุคทันสมัย ได้คุณภาพระดับสูง แม้ว่าหากเรามองจิ๊กซอว์บางตัวก็ยังงงๆ (อย่างเฟรชเชอร์เป็นต้น) แต่หากมองว่าจิ๊กซอว์ทุกตัว แม้คุณภาพฝีเท้าไม่สูงเท่าไร แต่คุณภาพจิตใจนักบอลสูงมาก (สู้ สู้ และสู้ ไม่เคยยอมแพ้) เราก็จะเข้าใจแนวทางการซื้อของป๋าว่าต่างจากเอ็ดตรงไหน
แต่เมื่อป๋าจากไป จิ๊กซอว์ที่ป๋าต่อไว้นั้นไม่ถูกสานต่อ ตอนที่มอยส์เป็น ผจก. ภาพนี้ก็เริ่มเละ พอฟานกัลมาก็โดนเอ็ดใช้หลักการซื้อจากชื่อเสียงไปเรียบร้อย รวมทั้งมูรินโญ่ก็โดนเหมือนกัน จนภาพใหญ่ของจิ๊กซอว์นี้เละเทะไปหมด (ไม่ใช่ทีมโผ้ม)
แต่ในยุคโซลชานี้ เขาได้เสนอให้ Rebuild แมนยูขึ้นใหม่ ด้วยการทิ้งภาพจิ๊กซอว์เดิมทิ้งไป แล้วประกอบภาพใหม่ขึ้นแทน เพราะภาพจิ๊กซอว์เดิมที่สวยงามยิ่งใหญ่สมัยเซอร์นั้นผุกร่อนไปหมดแล้ว การพยายามซ่อมภาพเดิมด้วยการทำงานที่ไม่เข้าขากันระหว่าง ผจก.กับประธานเอ็ด นั้นส่งผลให้ภาพมันเละไปหมดแล้ว ควรจะล้างใหม่ ทิ้งไป หรือเอาไปขึ้นหิ้งไว้ แล้วมาประกอบภาพจิ๊กซอว์ชิ้นใหม่ขึ้นแทน
สิ่งที่เราได้เห็นแล้วคือการขาย ปล่อยยืม ปล่อยหมดสัญญา นักเตะไป 8 คนแล้ว และนำเข้านักเตะในแนวทางที่โซลลาแนะนำมา 6 คน โดย "บรูโน่ เฟอร์นันเดส" เป็นจิ๊กซอว์ล่าสุด ที่มี "คาแรคเตอร์" ตรงตามที่โซลชาต้องการที่สุด
แผนการ Rebuild ของโซลชาที่เขาอธิบายไว้ว่า ต้องทำลายบ้านเก่าลงซะ แล้วสร้างบ้านขึ้นใหม่ ที่ประกอบด้วยวัฒนธรรมแมนยู ที่ประกอบด้วยผู้เล่นที่พร้อมจะวิ่งให้มากกว่าที่เคยทำได้มาก่อน ที่พร้อมจะมาช่วยกันสร้างแมนยูขึ้นใหม่ด้วยกัน
สิ่งที่โซลชากำลังทำอยู่นั้น คุณอั้มเปรียบเหมือนเป็นการแก้ไขการติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก ซึ่งในระหว่างที่แก้ไข มันต้องปลดกระดุม มันต้องโป๊ มันต้องอาย มันต้องถอยหน้าถอยหลัง กระท่อนกระแท่นอยู่อีกพักใหญ่ กว่าจะแกะหมด แล้วเริ่มติดเม็ดแรกให้ถูก
แต่สัญญาณที่เริ่มเห็นว่ากระดุมเม็ดแรกกำลังเริ่มติดถูกต้องแล้ว คือการได้บรูโน่มาจนได้ และในการลงเตะนัดแรกทันทีของเขา คุณอั้มเห็นว่า แมนยูได้นักเตะที่มีจิตวิญญาณผู้นำกลับมาแล้ว แม้เป็นเพียงนัดแรก แต่บรูโน่ก็แสดงให้เห็นความเป็นผู้นำ ด้วยการพยายามแบกทีมอย่างสุดความสามารถ ขอบอลทุกครั้งที่เพื่อนมีปัญหา เข้าไปติวนักเตะหลายคนว่าควรวิ่งไปทางไหน ยอมเล่นในตำแหน่งจุดอ่อนของทีมทันทีในครึ่งหลัง ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้แสดงความยอดเยี่ยมของฝีเท้า เขาไม่ใช่นักเตะมหัศจรรย์ที่ลงนัดแรกก็ยิงได้ด้วยตัวเองทันที แต่เขาแสดงคาแรคเตอร์ผู้นำตามธรรมชาติของเขาออกมาทันที เทียบกับนักเตะส่วนใหญ่ของทีมที่มีความมุ่งมั่นน้อย หรือบางคนทีมีความมุ่งมั่นมาก อย่างแมคไกร์ว หรือแมคโทมิเน่ ที่แม้จะทุ่มเทเต็มที่ เป็นหลักใหญ่ทางกำลังใจให้ทีม แต่ก็ยังมีความเป็นผู้นำไม่เท่าบรูโน่ ที่เริ่มแสดงความเป็นผู้นำเพื่อช่วยทีมทุกคนทันที แม้จะเพิ่งมาได้ 3 วัน
แฟนแมนยูลองหาคลิปเต็มแมทช์ของแมนยูกับวูฟมาดูเองนะครับ ว่าบรูโน่ทำอย่างที่คุณอั้มได้เห็นหรือเปล่า แล้วคุณเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อย่างที่คุณอั้มเห็นหรือเปล่า
--------------------------
คุณอั้มประเมินไว้ว่า ถ้าซัมเมอร์นี้โซลชาสามารถโน้มน้าวให้เอ็ดซื้อนักเตะที่เขาต้องการได้อีก 4 คน จะทำให้ผลงานของแมนยูในปีหน้า ดีขึ้นกว่าปีนี้อย่างมาก และหากโซลชามีฝีมือดีพอ สามารถประกอบจิ๊กซอว์ได้สำเร็จในเวลา 1-2 ปี แมนยูจะกลับมาเป็นทีมเก่งอีกครั้ง
หรือหากโซลชาจะมีฝีมือไม่สูงพอที่จะนำแชมป์มาให้ทีม แต่หากเอ็ดยอมดันให้โซลชาขึ้นเป็น Director of Football แล้วหา ผจก.ฝืมือดีมาทำต่อ ยอมให้โซลชาสนับสนุนโครงสร้างที่ดีของทีม ให้ผจก.ฝีมือดีได้ใช้งาน แมนยูก็มีสิทธิกลับมายิ่งใหญ่ในเวลาไม่นาน ไม่ต้องรอ 30 ปีแบบที่ลิเวอร์พูลเป็นมาแล้ว
----------------------------
มีรายละเอียดที่ผมไม่ได้เขียนถึงจากคลิปของคุณอั้มอีกเยอะครับ แต่ผมหมดแรงแล้วล่ะ ท่านใดอยากได้รายละเอียดเหล่านั้น ลองไปฟังได้เลยครับ ยาวหน่อย แต่คุ้มค่าแน่นอน
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับฟุตบอล และมีความสุขกับชีวิตครับ
=== แมนยู เปลี่ยนสโมสรการค้า เป็น สโมสรฟุตบอลอีกครั้ง | ฟุตบอลจีเนียส ===
1. สาเหตุของปัญหา
เตรียมรับแรงปะทะ เรือยักษ์ "แมนยูไนเต็ด' กำลังจม!
https://www.youtube.com/watch?v=GWOVrdUnljA
2. การแก้ไขที่กำลังทำอยู่
แมนยู เปลี่ยนสโมสรการค้า เป็น สโมสรฟุตบอลอีกครั้ง
https://www.youtube.com/watch?v=QgHXL4T495I
ผมเคยเชียร์แมนยูฯ มาตั้งแต่เด็กๆ พออายุ 40 ก็เริ่มเชียร์ลิเวอร์พูล (ปัจจุบัน 51 แล้วครับ) ผ่านมาหลายปีก็รู้ตัวว่าไม่ได้เชียร์บอลจริงๆ หรอก แต่ชอบอ่านชอบฟังคนวิจารณ์บอลมากกว่า แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลองสรุปความ การวิจารณ์บอลจากยูทูป จะดีหรือแย่อย่างไรเชิญรับสารได้ตามต้องการครับ
-----------------------------------
คุณอั้มเป็นแฟนแมนยูฯ ประเภทที่ติดตามเบื้องลึกของทีมมาหลายปี และลงคลิปวิจารณ์ทีมแมนยูในเฟสและยูทูปมาหลายครั้ง พยายามเจาะลึกสาเหตุของปัญหาทีมรักในปัจจุบัน และแนวทางแก้ไข
สองคลิปนี้เป็นบทสรุป ณ ปัจจุบันว่าสาเหตุของคุณภาพเกมส์ที่แย่ในปัจจุบันมีสาเหตุมาจากทีมบริหาร (เจ้าของ และผู้อำนวยการ) ที่บริหารด้วยการเอาธุรกิจนำ เอาผลงานของทีมตามหลัง ส่งผลให้แมนยูฯ มีกำไรและมีเงินเยอะ แต่ผลงานแย่ลงเรื่อยๆ แม้จะได้ใช้บริการ ผจก.ทีมระดับสุดยอดมาแล้วสองคน คือ ฟานกัล และ มูรินโญ่ ก็ไม่สามารถยกระดับทีมกลับมาได้
ในแง่การบริหารผมจับประเด็นจากการฟังคุณอั้ม ว่าการบริหารทั่วไปนั้นคุณภาพตกต่ำมาก ขนาดที่พนักงานในแมนยูฯ พากันนินทาเจ้านายว่า แม้จะต้องเปลี่ยนหลอดไฟสักหลอด ก็ยังต้องขออนุมัติจากผู้บริหาร
และผลงานการบริหารที่ส่งผลให้ทีมมีผลงานย่ำแย่ที่สุด คือ "การซื้อตัวนักเตะ" โดยการตัดสินใจซื้อที่ผ่านมานั้น ตั้งเป้าให้ทีมแมนยูเป็น "สโมสรการค้า" หมายถึงว่า พยายามซื้อนักเตะฝีเท้าดีและ "ชื่อดัง" สามารถทำการตลาดได้ โดยให้น้ำหนักแก่ความต้องการของผู้จัดการทีมในสัดส่วนน้อยกว่า (ไม่รู้อัตราส่วนเท่าไรนะ แต่ผมเชื่อว่าน้อยกว่า 50% แน่ๆ) ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่เมื่อผ่านการคุมทีมแล้ว 2 ปี มูรินโญ่ ก็ออกมาพูดว่า "นี่ไม่ใช่ทีมผม"
ผลงานการคุมทีมอันยอดเยี่ยมของป๋าอเล็กซ์นั้นไม่มีใครปฏิเสธได้เมื่อดูจากผลงาน แต่มีเพียงคนที่เจาะลึกการทำงานของป๋าเท่านั้นที่จะมีข้อมูลว่า การตัดสินใจที่ส่งผลต่อความสำเร็จของแมนยูยุคป๋า ที่ส่งผลมากที่สุด มีน้ำหนักต่อความสำเร็จมากที่สุด ไม่ใช่การวางรูปแบบการเล่น ไม่ใช่การปกครองแบบพ่อลูก ไม่ใช่การเลือกวิธีปลุกเร้านักเตะ คือการตัดสินใจ "ซื้อตัวนักเตะที่ถูกต้อง" (มีคนทำสถิติเรียบร้อย แต่อยู่ตรงไหนจำไม่ได้ครับ)
เมื่อแมนยูต้องมาอยู่กับการตัดสินใจ "ซื้อตัวนักเตะที่ล้มเหลวที่สุด" (มีสถิติในคลิปข้างบน) (ผมแถมให้การซื้อตัว ผจก. คนแรกคือ มอยส์ เป็นหนึ่งในการซื้อตัวล้มเหลวด้วย) ต่อเนื่องเป็นเวลา 7 ปีนับจากป๋าวางมือ ผลงานในสนามของแมนยูจึงตกต่ำลงเรื่อยๆ อย่างที่เห็น
ผลงานการซื้อที่ผ่านมาที่คุณอั้มสรุปไว้ คือซื้อนักเตะฝีเท่าดีชื่อดัง แต่ไม่คัดกรอง "คุณภาพจิตใจความเป็นนักฟุตบอล" (คุณอั้มเรียกคำยาวๆ นี้ว่า คาแรคเตอร์) ทำให้ในที่สุด ทีมก็ไม่เหลือนักเตะที่ "เป็นผู้นำทางจิตใจ" อยู่ในสนาม เหลือแต่นักเตะส่วนมากที่มาเพราะชื่อเสียงเงินทอง ซึ่งวันดีคืนร้ายก็โดดซ้อม (เพิ่งรู้ว่าดิมาเรียชอบโดดซ้อม จนฟานกัลบ่นว่า ผมไม่รู้เขาหายไปไหน) นอกเวลาซ้อมก็มุ่งมั่นกิจกรรมเอ็นเตอร์เทน (ทำผมบ้าง เต้นออกคลิปบ้าง) เทียบกับข่าวนักเตะลิเวอร์พูลเมื่อปีก่อน ที่ตอนได้พักยาว แต่มีภาพนักเตะแบ่งเวลาซ้อมรักษาความฟิต และพัฒนาฝีมือเยอะแยะ ก็สามารถเทียบได้ว่า "คาแรคเตอร์" ของนักเตะสองทีมนี้ต่างกันขนาดไหน
ปัญหาที่กล่าวมานี้ไม่สามารถแก้ไขด้วยการซื้อ "ผจก.ทีมชั้นยอด" เพราะผลลัพธ์ที่เห็นจากฟานกัลและมูรินโญ่เป็นหลักฐาน แต่ต้องแก้ด้วยการเปลี่ยนใจ ผู้อำนวยการ "ผู้เสนอซื้อ" และเจ้าของทีม "ผู้อนุมัติซื้อ" นักเตะ ให้เลิกซื้อนักเตะจากฝีเท้าและชื่อเสียง ให้หันมาซื้อนักเตะที่มีฝีเท้าดีและมีจิตวิญญาณนักเตะชั้นยอดแทน (เปลี่ยนใจเอ็ดและเกลเซอร์ ง่ายกว่าเปลี่ยนเจ้าของเป็นคนอื่น ตราบที่แมนยูมียังกำไรเลี้ยงเจ้าของปัจจุบันจนอิ่มแบบนี้)
ซึ่งในกรณีนี้ ฟานกัลและมูรินโญ่ ไม่สามารถเปลี่ยนใจเอ็ด และเกลเซอร์ได้ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้โซลชากำลังทำได้ โดยคุณอั้มนำข้อมูลมาจากการสัมภาษณ์ของโซลชา และการเจาะลึกของนักข่าวอังกฤษ ว่าโซลชาได้เสนอแผน "Rebuild" เพื่อสร้างแมนยูขึ้นใหม่
โดยคุณอั้มเสนอภาพเปรียบเทียบว่า แมนยูสมัยป๋าอเล็กซ์นั้น เปรียบเหมือนจิ๊กซอว์ขนาดใหญ่หมื่นชิ้น ที่เพียรต่อภาพมาหลายปีจนสำเร็จ แล้วออกอาละวาดกวาดแชมป์จนเต็มตู้ ผ่านไปหลายปีเมื่อจิ๊กซอว์บางชิ้นหมดอายุ ป๋าก็หาจิ๊กซอว์ใหม่มาเปลี่ยนได้พอดีหรือดีขึ้น พัฒนาจิ๊กซอว์โดยรวมให้ทันยุคทันสมัย ได้คุณภาพระดับสูง แม้ว่าหากเรามองจิ๊กซอว์บางตัวก็ยังงงๆ (อย่างเฟรชเชอร์เป็นต้น) แต่หากมองว่าจิ๊กซอว์ทุกตัว แม้คุณภาพฝีเท้าไม่สูงเท่าไร แต่คุณภาพจิตใจนักบอลสูงมาก (สู้ สู้ และสู้ ไม่เคยยอมแพ้) เราก็จะเข้าใจแนวทางการซื้อของป๋าว่าต่างจากเอ็ดตรงไหน
แต่เมื่อป๋าจากไป จิ๊กซอว์ที่ป๋าต่อไว้นั้นไม่ถูกสานต่อ ตอนที่มอยส์เป็น ผจก. ภาพนี้ก็เริ่มเละ พอฟานกัลมาก็โดนเอ็ดใช้หลักการซื้อจากชื่อเสียงไปเรียบร้อย รวมทั้งมูรินโญ่ก็โดนเหมือนกัน จนภาพใหญ่ของจิ๊กซอว์นี้เละเทะไปหมด (ไม่ใช่ทีมโผ้ม)
แต่ในยุคโซลชานี้ เขาได้เสนอให้ Rebuild แมนยูขึ้นใหม่ ด้วยการทิ้งภาพจิ๊กซอว์เดิมทิ้งไป แล้วประกอบภาพใหม่ขึ้นแทน เพราะภาพจิ๊กซอว์เดิมที่สวยงามยิ่งใหญ่สมัยเซอร์นั้นผุกร่อนไปหมดแล้ว การพยายามซ่อมภาพเดิมด้วยการทำงานที่ไม่เข้าขากันระหว่าง ผจก.กับประธานเอ็ด นั้นส่งผลให้ภาพมันเละไปหมดแล้ว ควรจะล้างใหม่ ทิ้งไป หรือเอาไปขึ้นหิ้งไว้ แล้วมาประกอบภาพจิ๊กซอว์ชิ้นใหม่ขึ้นแทน
สิ่งที่เราได้เห็นแล้วคือการขาย ปล่อยยืม ปล่อยหมดสัญญา นักเตะไป 8 คนแล้ว และนำเข้านักเตะในแนวทางที่โซลลาแนะนำมา 6 คน โดย "บรูโน่ เฟอร์นันเดส" เป็นจิ๊กซอว์ล่าสุด ที่มี "คาแรคเตอร์" ตรงตามที่โซลชาต้องการที่สุด
แผนการ Rebuild ของโซลชาที่เขาอธิบายไว้ว่า ต้องทำลายบ้านเก่าลงซะ แล้วสร้างบ้านขึ้นใหม่ ที่ประกอบด้วยวัฒนธรรมแมนยู ที่ประกอบด้วยผู้เล่นที่พร้อมจะวิ่งให้มากกว่าที่เคยทำได้มาก่อน ที่พร้อมจะมาช่วยกันสร้างแมนยูขึ้นใหม่ด้วยกัน
สิ่งที่โซลชากำลังทำอยู่นั้น คุณอั้มเปรียบเหมือนเป็นการแก้ไขการติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก ซึ่งในระหว่างที่แก้ไข มันต้องปลดกระดุม มันต้องโป๊ มันต้องอาย มันต้องถอยหน้าถอยหลัง กระท่อนกระแท่นอยู่อีกพักใหญ่ กว่าจะแกะหมด แล้วเริ่มติดเม็ดแรกให้ถูก
แต่สัญญาณที่เริ่มเห็นว่ากระดุมเม็ดแรกกำลังเริ่มติดถูกต้องแล้ว คือการได้บรูโน่มาจนได้ และในการลงเตะนัดแรกทันทีของเขา คุณอั้มเห็นว่า แมนยูได้นักเตะที่มีจิตวิญญาณผู้นำกลับมาแล้ว แม้เป็นเพียงนัดแรก แต่บรูโน่ก็แสดงให้เห็นความเป็นผู้นำ ด้วยการพยายามแบกทีมอย่างสุดความสามารถ ขอบอลทุกครั้งที่เพื่อนมีปัญหา เข้าไปติวนักเตะหลายคนว่าควรวิ่งไปทางไหน ยอมเล่นในตำแหน่งจุดอ่อนของทีมทันทีในครึ่งหลัง ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้แสดงความยอดเยี่ยมของฝีเท้า เขาไม่ใช่นักเตะมหัศจรรย์ที่ลงนัดแรกก็ยิงได้ด้วยตัวเองทันที แต่เขาแสดงคาแรคเตอร์ผู้นำตามธรรมชาติของเขาออกมาทันที เทียบกับนักเตะส่วนใหญ่ของทีมที่มีความมุ่งมั่นน้อย หรือบางคนทีมีความมุ่งมั่นมาก อย่างแมคไกร์ว หรือแมคโทมิเน่ ที่แม้จะทุ่มเทเต็มที่ เป็นหลักใหญ่ทางกำลังใจให้ทีม แต่ก็ยังมีความเป็นผู้นำไม่เท่าบรูโน่ ที่เริ่มแสดงความเป็นผู้นำเพื่อช่วยทีมทุกคนทันที แม้จะเพิ่งมาได้ 3 วัน
แฟนแมนยูลองหาคลิปเต็มแมทช์ของแมนยูกับวูฟมาดูเองนะครับ ว่าบรูโน่ทำอย่างที่คุณอั้มได้เห็นหรือเปล่า แล้วคุณเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อย่างที่คุณอั้มเห็นหรือเปล่า
--------------------------
คุณอั้มประเมินไว้ว่า ถ้าซัมเมอร์นี้โซลชาสามารถโน้มน้าวให้เอ็ดซื้อนักเตะที่เขาต้องการได้อีก 4 คน จะทำให้ผลงานของแมนยูในปีหน้า ดีขึ้นกว่าปีนี้อย่างมาก และหากโซลชามีฝีมือดีพอ สามารถประกอบจิ๊กซอว์ได้สำเร็จในเวลา 1-2 ปี แมนยูจะกลับมาเป็นทีมเก่งอีกครั้ง
หรือหากโซลชาจะมีฝีมือไม่สูงพอที่จะนำแชมป์มาให้ทีม แต่หากเอ็ดยอมดันให้โซลชาขึ้นเป็น Director of Football แล้วหา ผจก.ฝืมือดีมาทำต่อ ยอมให้โซลชาสนับสนุนโครงสร้างที่ดีของทีม ให้ผจก.ฝีมือดีได้ใช้งาน แมนยูก็มีสิทธิกลับมายิ่งใหญ่ในเวลาไม่นาน ไม่ต้องรอ 30 ปีแบบที่ลิเวอร์พูลเป็นมาแล้ว
----------------------------
มีรายละเอียดที่ผมไม่ได้เขียนถึงจากคลิปของคุณอั้มอีกเยอะครับ แต่ผมหมดแรงแล้วล่ะ ท่านใดอยากได้รายละเอียดเหล่านั้น ลองไปฟังได้เลยครับ ยาวหน่อย แต่คุ้มค่าแน่นอน
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับฟุตบอล และมีความสุขกับชีวิตครับ