หลายคนอาจคิดว่าการกลับชาติมาเกิด เป็นกระบวนการแบบ 1:1
คือชาตินี้เกิดมาในร่างนึง แล้วชาติหน้าเกิดอีกร่างนึง
แต่ถ้าเรามองว่า การกลับชาติมาเกิด คือกระบวนการรีไซเคิลอะตอมจากร่างเก่า เวียนไปยังปลายทางแห่งใหม่
จะเห็นได้ว่า อะตอมซึ่งมีจำนวนมหาศาล มันกระจัดกระจายไป "เกิดใหม่" ทุกหนแห่ง
ในแต่ละวัน คนเรามีทั้งผมร่วง ทั้งผลัดเซลล์เก่าอยู่แล้ว
ดังนั้นการเกิดใหม่ น่าจะเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ตั้งแต่เกิดจนตาย ว่าไหมครับ
สุดท้ายเมื่อชีวิตล่วงลับ ดับไป ถ้ามีการจัดฌาปนกิจ แล้วลอยอังคารต่อ
อะตอมก็จะยิ่งกระจายในวงกว้าง มากกว่าการฝังดินเฉย ๆ
โดยปรกติ อะตอมที่กระจายไปที่ต่างๆ คงไม่มีความทรงจำจากร่างเดิม (หรือถ้ามี ก็จางมากๆ)
แต่ถ้าฝังดินแทนการฌาปนกิจ อะตอมและโมเลกุลจากร่างเดิมก็จะกระจุกตัวในวงแคบ
ยิ่งถ้าปลูกกล้วย(และพืชพันธุ์อื่นๆ)ตรงจุดนั้นพอดี
อะตอมและโมเลกุลจำนวนมากจากร่างนั้น อาจถูกส่งต่อไปยังกล้วยพร้อมกับ "ข้อมูล" บางส่วน
ผมไม่แน่ใจว่าเคยมีการวิจัยเรื่องนี้รึเปล่า
ถ้าบังเอิญ หญิงตั้งครรภ์เกิดทานผลไม้และพืชผักที่ดูดซึมอะตอมและโมเลกุลจากร่างในดิน ติดต่อกันเป็นเวลานาน
จะเป็นไปได้มั้ย ที่ "ข้อมูลบางส่วน" ของร่างในดิน จะถูกถ่ายทอดไปยังเด็กในครรภ์?
ถ้าถ่ายทอดได้ อาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ "ระลึกชาติ" ในเด็กที่เกิดมา
หรือไม่ก็ อาจเกิดปรากฏการณ์ผีเข้าฝัน ในหญิงที่รับเอาอะตอมจำนวนมากจากร่างในดิน ก็เป็นได้
ปัจจุบัน เราได้ยินเรื่องผี วิญญาณ กันน้อยลง อาจเป็นเพราะผู้ล่วงลับส่วนใหญ่ถูกฌาปนกิจ
จนอะตอมกระจายในวงกว้างเกินกว่าจะถ่ายทอด "ความทรงจำ"
หรือไม่ก็ถูกบรรจุในโลงแข็งๆ ที่ปิดกั้นการถ่ายทอดอะตอมไปยังร่างใหม่ ก็เป็นได้
ไม่ทราบเพื่อนๆในพันทิป มีความคิดเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิดยังไงบ้างครับ
คิดว่าการถ่ายทอดอะตอมพร้อมกับข้อมูลบางส่วน เป็นไปได้ไหมครับ?
เคยเห็นไหมครับ ว่าชายหญิงหลายคู่ อยู่ๆกันไปแล้วหน้าตา ความคิด คล้ายกันเรื่อยๆ
ส่วนนึง อาจเป็นเพราะมีการถ่ายทอดโมเลกุลระหว่างกันอยู่บ่อยๆ ก็เป็นได้นะครับ
การกลับชาติมาเกิด อาจไม่ใช่ 1:1 อย่างที่หลายคนคิดรึเปล่าครับ?
คือชาตินี้เกิดมาในร่างนึง แล้วชาติหน้าเกิดอีกร่างนึง
แต่ถ้าเรามองว่า การกลับชาติมาเกิด คือกระบวนการรีไซเคิลอะตอมจากร่างเก่า เวียนไปยังปลายทางแห่งใหม่
จะเห็นได้ว่า อะตอมซึ่งมีจำนวนมหาศาล มันกระจัดกระจายไป "เกิดใหม่" ทุกหนแห่ง
ในแต่ละวัน คนเรามีทั้งผมร่วง ทั้งผลัดเซลล์เก่าอยู่แล้ว
ดังนั้นการเกิดใหม่ น่าจะเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ตั้งแต่เกิดจนตาย ว่าไหมครับ
สุดท้ายเมื่อชีวิตล่วงลับ ดับไป ถ้ามีการจัดฌาปนกิจ แล้วลอยอังคารต่อ
อะตอมก็จะยิ่งกระจายในวงกว้าง มากกว่าการฝังดินเฉย ๆ
โดยปรกติ อะตอมที่กระจายไปที่ต่างๆ คงไม่มีความทรงจำจากร่างเดิม (หรือถ้ามี ก็จางมากๆ)
แต่ถ้าฝังดินแทนการฌาปนกิจ อะตอมและโมเลกุลจากร่างเดิมก็จะกระจุกตัวในวงแคบ
ยิ่งถ้าปลูกกล้วย(และพืชพันธุ์อื่นๆ)ตรงจุดนั้นพอดี
อะตอมและโมเลกุลจำนวนมากจากร่างนั้น อาจถูกส่งต่อไปยังกล้วยพร้อมกับ "ข้อมูล" บางส่วน
ผมไม่แน่ใจว่าเคยมีการวิจัยเรื่องนี้รึเปล่า
ถ้าบังเอิญ หญิงตั้งครรภ์เกิดทานผลไม้และพืชผักที่ดูดซึมอะตอมและโมเลกุลจากร่างในดิน ติดต่อกันเป็นเวลานาน
จะเป็นไปได้มั้ย ที่ "ข้อมูลบางส่วน" ของร่างในดิน จะถูกถ่ายทอดไปยังเด็กในครรภ์?
ถ้าถ่ายทอดได้ อาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ "ระลึกชาติ" ในเด็กที่เกิดมา
หรือไม่ก็ อาจเกิดปรากฏการณ์ผีเข้าฝัน ในหญิงที่รับเอาอะตอมจำนวนมากจากร่างในดิน ก็เป็นได้
ปัจจุบัน เราได้ยินเรื่องผี วิญญาณ กันน้อยลง อาจเป็นเพราะผู้ล่วงลับส่วนใหญ่ถูกฌาปนกิจ
จนอะตอมกระจายในวงกว้างเกินกว่าจะถ่ายทอด "ความทรงจำ"
หรือไม่ก็ถูกบรรจุในโลงแข็งๆ ที่ปิดกั้นการถ่ายทอดอะตอมไปยังร่างใหม่ ก็เป็นได้
ไม่ทราบเพื่อนๆในพันทิป มีความคิดเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิดยังไงบ้างครับ
คิดว่าการถ่ายทอดอะตอมพร้อมกับข้อมูลบางส่วน เป็นไปได้ไหมครับ?
เคยเห็นไหมครับ ว่าชายหญิงหลายคู่ อยู่ๆกันไปแล้วหน้าตา ความคิด คล้ายกันเรื่อยๆ
ส่วนนึง อาจเป็นเพราะมีการถ่ายทอดโมเลกุลระหว่างกันอยู่บ่อยๆ ก็เป็นได้นะครับ