วันก่อนเพื่อนส่งกระทู้อันโด่งดังให้อ่านทางไลน์ เรื่องคุณผู้ชายใจดี สปอร์ต กทม. ท่านหนึ่ง ที่ให้บังเอิญไปได้พบปะพูดคุยกับผู้หญิงที่รู้จักกันน่าจะผ่านแอพ จำเนียรกาลผ่านไประยะหนึ่ง ก็ได้รับ quest แปลก ๆ ให้ไปซื้อนู่น นี่ นั่น ส่งให้ คุณผู้ชายก็งง ๆ ในดงของกินอยู่พักนึง ก่อนจะตัดสินใจค่อย ๆ เลิกคุยไปทีละคน ทีละคน จนหมด และมาแชร์ประสบการณ์ในพันทิป

ดิฉันนี่อ่านแล้วก็ทั้งยิ้ม ทั้งขำ ทั้งสะอึก เลยอยากเขียนอะไรแลกเปลี่ยนกับพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ หลาน ๆ ที่เป็นสาว เป็นหนุ่มกันสักนิดนึง
ไอเดียหลักของกระทู้นี้คือ ต้องการสนับสนุนให้ผู้หญิงทั้งหลายเป็นสาวสายเปย์ คือเปย์บ้าง หารบ้าง แชร์บ้าง และเปย์อย่างมีสติ และมีเหตุมีผลกันค่ะ อย่าเอะอะอะไรก็โยนการ์ด “สุภาพบุรุษจ่ายหมด” ไปในทุก ๆ งาน ไม่งั้น คุณก็จะได้อยู่บนคานพร้อมข้อสงสัยว่าผู้ชายดี ๆ หายไปไหนกันหมด
เพราะโลกของปุถุชนนี้ ไม่มีผู้หญิงผู้ชายคนไหนดีพร้อมหากจะเอาเรื่องการ “ควักเงิน” มาเป็นปัจจัยเดียวในการตัดสินชะตากรรมของความสัมพันธ์
มุขประเภท “หลอกเพื่อนมาล้มทับ” อ้อนให้ซื้อของแพง ๆ และเปย์นั่น เปย์นี่ให้ นี่ก็เก่าและเอ๊าท์สุด ๆ ไปแล้วนะคะ
เพื่อนที่คุ้นเคยของดิฉันคนหนึ่งเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า ตอนสามีมาจีบ ตอนนั้นไม่คิดอะไรเลย มาจากต่างจังหวัด แฟนในตอนนั้นซึ่งก็คือสามีในตอนนี้ ขับรถมาจีบ มาเอาใจ ก็เหมาให้พาตัวเอง พาเพื่อนไปกิน ไปเที่ยว เพื่อนบอกว่า “ถ้ารู้ว่าจะต้องมาแต่งงานด้วยแล้ว ตอนนั้น จะไม่ทำอย่างนี้เลย”

เพื่อนอีกคนที่แฟนจ่ายให้ทุกสิ่งสรรพ รวมถึงของแบรนด์เนม (คุณผู้หญิงอาจบอกว่า “ไม่ได้ขอนี่” แต่การชี้ชวน อ้อนนั่น อ้อนนี่ให้ซื้อในสถานะที่ยังไม่เหมาะสม ก็ไม่ควรทำนะคะ) แถม เพื่อนยังมีวลีเด็ดว่า “เงินพี่คือเงินเรา เงินหนูคือเงินหนู” ท้ายสุดก็ไม่ได้ลงเอยกับพี่คนนั้นนะคะ จบกันไปแบบ เฮ้อ...
โดยส่วนตัว ดิฉันไม่ชอบให้ผู้ชายที่คบหาด้วย หรือแค่รู้จัก ไม่ว่าจะในฐานะอะไรและไม่ว่าเขาจะรวยกว่าเราสักกี่เท่าตัว ออกอะไรให้ทุกอย่างโดยไม่มีเหตุผล เพราะ
1. มันไม่ดีกับความนับถือตัวเอง เราจะรู้สึกเหมือนกำลังเอาเปรียบใครอยู่ตลอดเวลา
2. เสี่ยงกับการถูกนำไป “เคลม” หรือกล่าวนินทาว่าร้ายลับหลัง
3. ไม่ดีกับความสัมพันธ์ ที่ต้องเป็นฝ่ายรับอยู่ตลอดเวลา และไม่มีโอกาสได้เป็นผู้ให้บ้างเลย
การที่ผู้ชายเสียความรู้สึก ส่วนใหญ่ ไม่ใช่เพราะงก หรือเสียดายเงิน แต่การสูญเสียที่แรงที่สุดในความคิดของผู้ชายดี ๆ ส่วนใหญ่คือ “เสียความรู้สึก” หรือ “เสียรู้”
ผู้ชายดี ๆ หลายคนยินดีจ่าย แลกกับความรู้สึกดี ๆ เช่น แลกกับคำขอบคุณ รอยยิ้มที่เป็นมิตร มิตรภาพดี ๆ บทสนทนาดี ๆ ฉลาด ๆ ความรื่นรมย์ที่ได้ไปเที่ยว ใช้เวลาร่วมกัน คุยกันในเรื่องสนุก ๆ หรือประเทืองปัญญา ส่วนเรื่องเซ็กส์บางครั้ง ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลย และผู้หญิงก็จะต้องเป็นคนดูแลและถือหางเสือทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์หากไม่ต้องการให้มีเรื่องเซ็กส์มาเกี่ยวข้อง
การที่ผู้หญิงบางคน ทำเหมือนหลอกให้ผู้ชายพาไปกินข้าวดี ๆ เลี้ยงดูแพง ๆ แล้วค่อย ๆ เฟด ค่อย ๆ ชิ่งออกมา เอามาพูดคุยสนุก หัวเราะในหมู่เพื่อนฝูงว่า “หลอกให้พี่คนนั้น คนคนนี้ ให้พาไปเลี้ยงโทโร่ จิบมูตง ซื้อเฟนดี้ ถอยแอร์เมสให้ได้” และหลงผิดคิดว่าตัวเองฉลาด แก่นแก้ว เอาตัวรอดได้ หรือมีเสน่ห์เสียเต็มประดาล่ะก็ ขอเตือนไว้เลยค่ะว่า “คิดผิดมหันต์” เพราะมันเท่ากับคุณตีคุณค่าเวลาของตัวเองแค่ปลาดิบดี ๆ ไม่กี่คำ หรือ ไวน์ดี ๆ ไม่กี่จิบ
ผู้ชายรู้ก็เสียความรู้สึกด้วย
ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะอดกลั้น ไม่ด่าออกไมค์ เพราะเดี๋ยวสังคมจะหาว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ แต่ในหมู่เพื่อนฝูงที่สนิทกันมากๆ ล่ะก็ ถ้าคุณมาได้ยินบทสนทนา อาจจะน็อคไปเลยก็ได้
สมัยดิฉันเป็นนักศึกษา เพื่อนสาวของพี่สาว มาจากตระกูลที่ทำเสื้อผ้าส่งออก บ้านฐานะดีมาก เธอเล่าให้ฟังว่า บรรดาเพื่อน ๆ พี่ชายเวลาตั้งวงคุยกัน จะเรียกผู้หญิงที่ชอบพูดให้พาไปเลี้ยงบ่อย ๆ ตามที่หรู ๆ ว่า
“**น่ะเหรอ ? ... ข้าวต้มมื้อเดียว มันก็ไป แต่มันแdกหรูหน่อยนะ ต้องตามห้าดาว”
ถามว่า ผู้ชายที่พูดแบบนี้น่ารักไหม ? ไม่น่ารักหรอกค่ะ ถอยให้ไกลดีกว่า
แต่ถ้าอยากเจอคนน่ารัก ... เราก็ต้องวางตัวให้เหมาะสมด้วยไหมอ่ะคะ ?
ปุถุชนบนโลกนี้ส่วนใหญ่ แรงมา แรงกลับ งกมา งกกลับ หลอกมา (แอบ)ด่ากลับ ทั้งนั้น ไม่โกงกันหรอกค่ะ
ดิฉันเองมีกฎง่าย ๆ สำหรับตัวเองและสอนลูกสาวตัวเองแบบนี้
1. ถ้าไปเที่ยวกับผู้ชาย ถ้าวัยไล่เลี่ยกัน วัยขอเงินพ่อแม่ หรือวัยสร้างตัวเหมือนกันให้ขอแชร์ค่ากิน หากเป็นมื้อแรก และผู้ชายยืนยันจะจ่ายก็ให้เขาจ่ายไปและพูดขอบคุณดี ๆ ถ้ากินเสร็จแล้วไปเที่ยวกันต่อ เช่น ดูหนัง หรือ กินกาแฟ ให้ยืนยันขอออกค่าตั๋วหนังหรือค่ากาแฟและขนม
หรือไม่งั้นมื้อต่อไป เราต้องขอเป็นคนจ่ายบ้าง ผู้ชายดี ๆ ที่รู้จักคิดจะตัดสินใจเองว่า มื้อไหนควรหาร หรือมื้อไหนเขาควรจ่าย โดยพิจารณาจากฐานะเขาและเรา
สำหรับผู้ชายดี ๆ ถ้าผู้หญิงรวยกว่ามากและเขาคิดว่าเขาเลี้ยงไม่ไหว หรือเขาแชร์ไม่ไหว เขาจะเฟดตัวไปเอง อันนี้ ผู้หญิงต้องมีสติย้อนคิด และหากคิดว่าเขาดีพอ ต้องย่อมาตรฐานความเป็นอยู่ของตัวเองลงมา
ผู้ชายดี ๆ ถ้าเจอผู้หญิงฐานะด้อยกว่า (อาจจะเพิ่งจบ หรือยังเด็ก) เขาอาจจะขอจ่ายมื้อหนักเอง ซึ่งอันนี้ ผู้หญิงก็อาจตอบแทนด้วยคำขอบคุณหรือเลี้ยงคืนในมื้อที่ย่อมเยาว์กว่าได้บ้าง ไม่น่าเกลียด
ส่วนผู้ชายที่คบไม่ได้ คือ คนที่ชวนกินหรูอยู่ตลอด และอ้างนู่นนี่นั่น เพื่อให้ตัวเองจ่ายน้อยหรือไม่ต้องจ่าย
2. ถ้าไปกินข้าวกับคนอื่นและได้รับเลี้ยง สั่งของราคากลาง ๆ อย่างไก่ อย่างหมู ห้ามสั่งเนื้อโกเบ กุ้งแม่น้ำ ปู หรือของประเภท top of the list เด็ดขาด ของแพง ๆ ไว้กินกับพ่อแม่ หรือกินกับเพื่อนที่เต็มใจจะหารเท่า และอย่าสั่งเครื่องดื่ม ขนมหวาน โดยที่เจ้าภาพไม่ได้สั่งหรือคะยั้นคะยอให้สั่งเด็ดขาด เพราะของพวกนี้ปกติ มาร์จิ้นสูง เช่น น้ำแตงโม อาจจะแก้วละ 90 บาท ทั้ง ๆ ที่ซื้อแตงโมมา 1 ลูก 50 บาท อาจทำได้ 10 แก้ว บางบ้านเขาถือสา จะหาว่ากินแบบไม่คิด
หลายปีก่อน เคยอ่านสัมภาษณ์นักการเงินผู้โด่งดังและร่ำรวยท่านหนึ่ง พื้นเพท่านเป็นคหบดีมายาวนาน พ่อ อา ลุง พี่ ๆ น้อง ๆ ก็เรียนจบอังกฤษทั้งนั้น ท่านเคยบอกว่า ตระกูลท่านขี้เหนียว ถ้าไปกินข้าวนอกบ้าน แล้วสั่งขนมหวาน ลุงจะดุทันทีว่า ขนมหวานไปกินที่บ้านก็ได้ เพราะขนมหวานปกติ ราคาถูก เวลามาขึ้นเหลา ราคาจะดีดไปอีกหลายเท่าตัว
ดิฉันอ่านไปก็ได้คิดว่า “โห...บ้านเขารวยขนาดนี้ ยังคิดเลยกะอีแค่ขนมหวานหลังมื้ออาหาร” แต่พอมาคิดอีกที ก็คิดได้ว่า “เออ... ก็เพราะเขาถี่ถ้วนแบบนี้ไง เขาถึงรวยและมีปัญญาส่งลูก ๆ ไปเรียนอังกฤษกันหมด”
3. เวลากินข้าวกับผู้ชาย ถ้าถึงคราวที่เราควรจะจ่ายหรือจะเลี้ยงบ้าง ก็ขอให้บอกดี ๆ ว่า “มื้อนี้ขอจ่ายนะคะ” หรือเลี่ยงไปจ่ายตอนขอตัวไปเข้าห้องน้ำก็ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศกระอักกระอ่วน
4. เงินหาร เงินทอน ก็เอาไว้ดูนิสัยคนได้ ไม่ต้องถ้วนถี่ขนาดหารเท่ากันเป๊ะ เป๊ะ เป๊ะ ทุกครั้ง เพราะทำให้อึดอัด เช่น 479 หารออกมาอาจเป็น 250 กับ 230 แบบนี้ได้ ไม่น่าเกลียด แต่หากผู้ชายแชร์หารน้อยกว่าหลาย ๆ ครั้ง คือจะจ่ายแค่ 230 หลาย ๆ ครั้งทบกันจนติดเป็นนิสัย และไม่คิดจะทำอะไรชดเชยเลย ให้ค่อย ๆ ห่างผู้ชายคนนั้นออกมา
5. อย่าเอาเปรียบใคร และอย่าให้ใครเอาเปรียบ มีแค่ไหน ใช้แค่นั้น afford การกินอยู่ได้แค่ไหน ใช้แค่นั้น ผู้ชายไม่ใช่เป็นแค่ลาภลอยที่สวรรค์ส่งลงมาโปรดเราให้ได้กินของดี ใช้ของดี ความสัมพันธ์ที่ดีงามและยั่งยืนต้องมีการให้และรับอย่างสมดุลย์
มาเป็นสาวสายเปย์ที่มีสติ และเหตุมีผลกันดีกว่าค่ะ
ดิฉันนี่อ่านแล้วก็ทั้งยิ้ม ทั้งขำ ทั้งสะอึก เลยอยากเขียนอะไรแลกเปลี่ยนกับพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ หลาน ๆ ที่เป็นสาว เป็นหนุ่มกันสักนิดนึง
ไอเดียหลักของกระทู้นี้คือ ต้องการสนับสนุนให้ผู้หญิงทั้งหลายเป็นสาวสายเปย์ คือเปย์บ้าง หารบ้าง แชร์บ้าง และเปย์อย่างมีสติ และมีเหตุมีผลกันค่ะ อย่าเอะอะอะไรก็โยนการ์ด “สุภาพบุรุษจ่ายหมด” ไปในทุก ๆ งาน ไม่งั้น คุณก็จะได้อยู่บนคานพร้อมข้อสงสัยว่าผู้ชายดี ๆ หายไปไหนกันหมด
เพราะโลกของปุถุชนนี้ ไม่มีผู้หญิงผู้ชายคนไหนดีพร้อมหากจะเอาเรื่องการ “ควักเงิน” มาเป็นปัจจัยเดียวในการตัดสินชะตากรรมของความสัมพันธ์
มุขประเภท “หลอกเพื่อนมาล้มทับ” อ้อนให้ซื้อของแพง ๆ และเปย์นั่น เปย์นี่ให้ นี่ก็เก่าและเอ๊าท์สุด ๆ ไปแล้วนะคะ
เพื่อนที่คุ้นเคยของดิฉันคนหนึ่งเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า ตอนสามีมาจีบ ตอนนั้นไม่คิดอะไรเลย มาจากต่างจังหวัด แฟนในตอนนั้นซึ่งก็คือสามีในตอนนี้ ขับรถมาจีบ มาเอาใจ ก็เหมาให้พาตัวเอง พาเพื่อนไปกิน ไปเที่ยว เพื่อนบอกว่า “ถ้ารู้ว่าจะต้องมาแต่งงานด้วยแล้ว ตอนนั้น จะไม่ทำอย่างนี้เลย”
เพื่อนอีกคนที่แฟนจ่ายให้ทุกสิ่งสรรพ รวมถึงของแบรนด์เนม (คุณผู้หญิงอาจบอกว่า “ไม่ได้ขอนี่” แต่การชี้ชวน อ้อนนั่น อ้อนนี่ให้ซื้อในสถานะที่ยังไม่เหมาะสม ก็ไม่ควรทำนะคะ) แถม เพื่อนยังมีวลีเด็ดว่า “เงินพี่คือเงินเรา เงินหนูคือเงินหนู” ท้ายสุดก็ไม่ได้ลงเอยกับพี่คนนั้นนะคะ จบกันไปแบบ เฮ้อ...
โดยส่วนตัว ดิฉันไม่ชอบให้ผู้ชายที่คบหาด้วย หรือแค่รู้จัก ไม่ว่าจะในฐานะอะไรและไม่ว่าเขาจะรวยกว่าเราสักกี่เท่าตัว ออกอะไรให้ทุกอย่างโดยไม่มีเหตุผล เพราะ
1. มันไม่ดีกับความนับถือตัวเอง เราจะรู้สึกเหมือนกำลังเอาเปรียบใครอยู่ตลอดเวลา
2. เสี่ยงกับการถูกนำไป “เคลม” หรือกล่าวนินทาว่าร้ายลับหลัง
3. ไม่ดีกับความสัมพันธ์ ที่ต้องเป็นฝ่ายรับอยู่ตลอดเวลา และไม่มีโอกาสได้เป็นผู้ให้บ้างเลย
การที่ผู้ชายเสียความรู้สึก ส่วนใหญ่ ไม่ใช่เพราะงก หรือเสียดายเงิน แต่การสูญเสียที่แรงที่สุดในความคิดของผู้ชายดี ๆ ส่วนใหญ่คือ “เสียความรู้สึก” หรือ “เสียรู้”
ผู้ชายดี ๆ หลายคนยินดีจ่าย แลกกับความรู้สึกดี ๆ เช่น แลกกับคำขอบคุณ รอยยิ้มที่เป็นมิตร มิตรภาพดี ๆ บทสนทนาดี ๆ ฉลาด ๆ ความรื่นรมย์ที่ได้ไปเที่ยว ใช้เวลาร่วมกัน คุยกันในเรื่องสนุก ๆ หรือประเทืองปัญญา ส่วนเรื่องเซ็กส์บางครั้ง ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลย และผู้หญิงก็จะต้องเป็นคนดูแลและถือหางเสือทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์หากไม่ต้องการให้มีเรื่องเซ็กส์มาเกี่ยวข้อง
การที่ผู้หญิงบางคน ทำเหมือนหลอกให้ผู้ชายพาไปกินข้าวดี ๆ เลี้ยงดูแพง ๆ แล้วค่อย ๆ เฟด ค่อย ๆ ชิ่งออกมา เอามาพูดคุยสนุก หัวเราะในหมู่เพื่อนฝูงว่า “หลอกให้พี่คนนั้น คนคนนี้ ให้พาไปเลี้ยงโทโร่ จิบมูตง ซื้อเฟนดี้ ถอยแอร์เมสให้ได้” และหลงผิดคิดว่าตัวเองฉลาด แก่นแก้ว เอาตัวรอดได้ หรือมีเสน่ห์เสียเต็มประดาล่ะก็ ขอเตือนไว้เลยค่ะว่า “คิดผิดมหันต์” เพราะมันเท่ากับคุณตีคุณค่าเวลาของตัวเองแค่ปลาดิบดี ๆ ไม่กี่คำ หรือ ไวน์ดี ๆ ไม่กี่จิบ
ผู้ชายรู้ก็เสียความรู้สึกด้วย
ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะอดกลั้น ไม่ด่าออกไมค์ เพราะเดี๋ยวสังคมจะหาว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ แต่ในหมู่เพื่อนฝูงที่สนิทกันมากๆ ล่ะก็ ถ้าคุณมาได้ยินบทสนทนา อาจจะน็อคไปเลยก็ได้
สมัยดิฉันเป็นนักศึกษา เพื่อนสาวของพี่สาว มาจากตระกูลที่ทำเสื้อผ้าส่งออก บ้านฐานะดีมาก เธอเล่าให้ฟังว่า บรรดาเพื่อน ๆ พี่ชายเวลาตั้งวงคุยกัน จะเรียกผู้หญิงที่ชอบพูดให้พาไปเลี้ยงบ่อย ๆ ตามที่หรู ๆ ว่า
“**น่ะเหรอ ? ... ข้าวต้มมื้อเดียว มันก็ไป แต่มันแdกหรูหน่อยนะ ต้องตามห้าดาว”
ถามว่า ผู้ชายที่พูดแบบนี้น่ารักไหม ? ไม่น่ารักหรอกค่ะ ถอยให้ไกลดีกว่า
แต่ถ้าอยากเจอคนน่ารัก ... เราก็ต้องวางตัวให้เหมาะสมด้วยไหมอ่ะคะ ?
ปุถุชนบนโลกนี้ส่วนใหญ่ แรงมา แรงกลับ งกมา งกกลับ หลอกมา (แอบ)ด่ากลับ ทั้งนั้น ไม่โกงกันหรอกค่ะ
ดิฉันเองมีกฎง่าย ๆ สำหรับตัวเองและสอนลูกสาวตัวเองแบบนี้
1. ถ้าไปเที่ยวกับผู้ชาย ถ้าวัยไล่เลี่ยกัน วัยขอเงินพ่อแม่ หรือวัยสร้างตัวเหมือนกันให้ขอแชร์ค่ากิน หากเป็นมื้อแรก และผู้ชายยืนยันจะจ่ายก็ให้เขาจ่ายไปและพูดขอบคุณดี ๆ ถ้ากินเสร็จแล้วไปเที่ยวกันต่อ เช่น ดูหนัง หรือ กินกาแฟ ให้ยืนยันขอออกค่าตั๋วหนังหรือค่ากาแฟและขนม
หรือไม่งั้นมื้อต่อไป เราต้องขอเป็นคนจ่ายบ้าง ผู้ชายดี ๆ ที่รู้จักคิดจะตัดสินใจเองว่า มื้อไหนควรหาร หรือมื้อไหนเขาควรจ่าย โดยพิจารณาจากฐานะเขาและเรา
สำหรับผู้ชายดี ๆ ถ้าผู้หญิงรวยกว่ามากและเขาคิดว่าเขาเลี้ยงไม่ไหว หรือเขาแชร์ไม่ไหว เขาจะเฟดตัวไปเอง อันนี้ ผู้หญิงต้องมีสติย้อนคิด และหากคิดว่าเขาดีพอ ต้องย่อมาตรฐานความเป็นอยู่ของตัวเองลงมา
ผู้ชายดี ๆ ถ้าเจอผู้หญิงฐานะด้อยกว่า (อาจจะเพิ่งจบ หรือยังเด็ก) เขาอาจจะขอจ่ายมื้อหนักเอง ซึ่งอันนี้ ผู้หญิงก็อาจตอบแทนด้วยคำขอบคุณหรือเลี้ยงคืนในมื้อที่ย่อมเยาว์กว่าได้บ้าง ไม่น่าเกลียด
ส่วนผู้ชายที่คบไม่ได้ คือ คนที่ชวนกินหรูอยู่ตลอด และอ้างนู่นนี่นั่น เพื่อให้ตัวเองจ่ายน้อยหรือไม่ต้องจ่าย
2. ถ้าไปกินข้าวกับคนอื่นและได้รับเลี้ยง สั่งของราคากลาง ๆ อย่างไก่ อย่างหมู ห้ามสั่งเนื้อโกเบ กุ้งแม่น้ำ ปู หรือของประเภท top of the list เด็ดขาด ของแพง ๆ ไว้กินกับพ่อแม่ หรือกินกับเพื่อนที่เต็มใจจะหารเท่า และอย่าสั่งเครื่องดื่ม ขนมหวาน โดยที่เจ้าภาพไม่ได้สั่งหรือคะยั้นคะยอให้สั่งเด็ดขาด เพราะของพวกนี้ปกติ มาร์จิ้นสูง เช่น น้ำแตงโม อาจจะแก้วละ 90 บาท ทั้ง ๆ ที่ซื้อแตงโมมา 1 ลูก 50 บาท อาจทำได้ 10 แก้ว บางบ้านเขาถือสา จะหาว่ากินแบบไม่คิด
หลายปีก่อน เคยอ่านสัมภาษณ์นักการเงินผู้โด่งดังและร่ำรวยท่านหนึ่ง พื้นเพท่านเป็นคหบดีมายาวนาน พ่อ อา ลุง พี่ ๆ น้อง ๆ ก็เรียนจบอังกฤษทั้งนั้น ท่านเคยบอกว่า ตระกูลท่านขี้เหนียว ถ้าไปกินข้าวนอกบ้าน แล้วสั่งขนมหวาน ลุงจะดุทันทีว่า ขนมหวานไปกินที่บ้านก็ได้ เพราะขนมหวานปกติ ราคาถูก เวลามาขึ้นเหลา ราคาจะดีดไปอีกหลายเท่าตัว
ดิฉันอ่านไปก็ได้คิดว่า “โห...บ้านเขารวยขนาดนี้ ยังคิดเลยกะอีแค่ขนมหวานหลังมื้ออาหาร” แต่พอมาคิดอีกที ก็คิดได้ว่า “เออ... ก็เพราะเขาถี่ถ้วนแบบนี้ไง เขาถึงรวยและมีปัญญาส่งลูก ๆ ไปเรียนอังกฤษกันหมด”
3. เวลากินข้าวกับผู้ชาย ถ้าถึงคราวที่เราควรจะจ่ายหรือจะเลี้ยงบ้าง ก็ขอให้บอกดี ๆ ว่า “มื้อนี้ขอจ่ายนะคะ” หรือเลี่ยงไปจ่ายตอนขอตัวไปเข้าห้องน้ำก็ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศกระอักกระอ่วน
4. เงินหาร เงินทอน ก็เอาไว้ดูนิสัยคนได้ ไม่ต้องถ้วนถี่ขนาดหารเท่ากันเป๊ะ เป๊ะ เป๊ะ ทุกครั้ง เพราะทำให้อึดอัด เช่น 479 หารออกมาอาจเป็น 250 กับ 230 แบบนี้ได้ ไม่น่าเกลียด แต่หากผู้ชายแชร์หารน้อยกว่าหลาย ๆ ครั้ง คือจะจ่ายแค่ 230 หลาย ๆ ครั้งทบกันจนติดเป็นนิสัย และไม่คิดจะทำอะไรชดเชยเลย ให้ค่อย ๆ ห่างผู้ชายคนนั้นออกมา
5. อย่าเอาเปรียบใคร และอย่าให้ใครเอาเปรียบ มีแค่ไหน ใช้แค่นั้น afford การกินอยู่ได้แค่ไหน ใช้แค่นั้น ผู้ชายไม่ใช่เป็นแค่ลาภลอยที่สวรรค์ส่งลงมาโปรดเราให้ได้กินของดี ใช้ของดี ความสัมพันธ์ที่ดีงามและยั่งยืนต้องมีการให้และรับอย่างสมดุลย์