28 มกราคม 1986: กระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ระเบิดหลังปล่อยตัวเพียงไม่ถึง 2 นาที
กระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ได้เกิดระเบิดขึ้นเพียง 73 วินาทีหลังถูกปล่อยตัว เมื่อวันที่ 28 มกราคม 1986 เหนือศูนย์ทดลองอวกาศเคนเนดี ในฟลอริดา สหรัฐอเมริกา พร้อมลูกเรือ 7 ราย
ก่อนการระเบิด ยานอวกาศได้เดินทางด้วยความเร็วเกือบสองพันไมล์ต่อชั่วโมงเหนือพื้นดินราว 10 ไมล์ ทันใดนั้นเหนือท้องฟ้ากลับปกคลุมด้วยกลุ่มควันและลูกไฟขนาดใหญ่จากการระเบิดของเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเหลว
สำหรับสาเหตุของการระเบิดถูกระบุว่าเป็นเหตุมาจากแหวนยางบริเวณจุดเชื่อมต่อของจรวดเสริมกำลัง ซึ่งผู้ผลิตวัสดุชิ้นนี้ระบุว่า มันมิได้ถูกออกแบบมาสำหรับใช้ในสภาพอากาศที่เย็นจัด ซึ่งนั่นจะทำให้มันเสื่อมประสิทธิภาพ การนำวัสดุชิ้นนี้มาใช้งานผิดประเภทจึงกลายเป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรมในครั้งนี้
การระเบิดของกระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ เป็นรอยบาดลึกในประวัติศาสตร์ด้านกิจการอวกาศขององค์การนาซาที่ไม่มีวันลบเลือน และถูกจารึกไว้ในฐานะการสูญเสียนักบินอวกาศเป็นครั้งแรกในปฏิบัติการด้านอวกาศ
วันนี้ในอดีต 28 มกราคม 2529 ในขณะที่ยานชาเลนเจอร์ระเบิดนั้น แคปซูลห้องนักบินที่มีนักบินอวกาศนั่งอยู่นั้นได้หลุดออกจากตัวยาน ก่อนจะตกลงมาจากความสูงเกือบ 15 กิโลเมตรเป็นเวลา 2 นาทีเศษก่อนที่จะกระทบผิวน้ำด้วยความเร็วสูง ทั้งๆ ที่นักบินอวกาศทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่ ทำให้นักบินอวกาศเสียชีวิตในที่เหตุการณ์ ได้แก่ ดิ๊ก สโคบี, มิเชล สมิธ, เอลลิสัน โอนิซูกะ, จูดิธ เรสนิค, โรนัดล์ แมคแนร์, เกรกอรี จาร์วิส และ คริสนิตา แมคคอลิฟ
ขอขอบคุณข้อมูล
Cr.
https://www.komchadluek.net/news/today-in-history/311013 / วันนี้ในอดีต
Cr.
https://www.silpa-mag.com/this-day-in-history/article_5348 / วันนี้ในอดีต
Cr.
https://www.tnews.co.th/contents/407838/เหตุการณ์-!!!-กระสวยอวกาศแชลเลนเจอร์ระเบิด-การส่งมนุษย์ไปสำรวจอวกาศ-ที่กลายเป็นโศกนาฏกรรมผ่านหน้าจอทีวี-(คลิป) เรียบเรียงโดย บุญชัย ธนะไพรินทร์
ยาน Soyuz 11 กับนักบินอวกาศเพียงสามคนที่เสียชีวิตในอวกาศ
เรื่องราวเกิดขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายน 1971 เมืองทางสหภาพโซเวียตกำลังรอคอยการกลับมาของยานอวกาศ Soyuz 11 ที่ขึ้นไปปฏิบัติการบนห้วงอวกาศมาเป็นเวลากว่า 23 วัน แทนที่พวกเขาจะได้ต้อนรับนักบินกลับมาอย่างฮีโร่ สิ่งที่ทางโซเวียตได้กลับเป็นร่างไร้วิญญาณของ Georgi Dobrovolski, Vladislav Volkov และ Viktor Patsayev สามนักบินของยานอวกาศ Soyuz 11 แทน
เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความแปลกใจให้กับโลกมาก เพราะตลอด 23 วันที่ผ่านมา โครงการ Soyuz 11 ดำเนินการมาได้อย่างเรียบร้อยมาก จนทำให้เกิดการถกเถียงมากมายเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ในเวลานั้นมีคนมากมายออกมาเสนอทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เช่นหัวหน้านักบินของ NASA ที่ออกมาบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากความเครียดของนักบินก็เป็นได้ หรือทางทีมแพทย์ที่เชื่อว่า ที่นักบินนั้นตายเพราะสารพิษบนยานรั่ว แต่กว่าที่โลกจะได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับ ยานอวกาศ Soyuz 11 จริงๆ ก็เป็นในอีกสองปีให้หลัง
จากซ้ายไปขวา Dobrovolski, Volkov และ Patsayev
ดูเหมือนว่าสาเหตุที่นักบินของยาน Soyuz 11 เสียชีวิตนั้นจะมาจากการที่ร่างกายเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศอย่างฉับพลันทำให้เนื้อเยื่อในร่างกาย (อย่างปอด และแก้วหู) ฉีกขาด
เป็นไปได้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นจากการที่วาล์วตัวปรับความดันในยานถูกเปิดออก ทำให้นักบินอยู่ในสภาพคล้ายโดนทิ้งไว้ในอวกาศจนขาดอากาศหายใจตายนั่นเอง
ที่มา allthatsinteresting, spacesafetymagazine
Cr.
https://www.catdumb.com/soyuz-11-378/ By เหมียวศรัทธา
ยานขนส่งอวกาศโคลัมเบีย คร่าชีวิตนักบิน 7 คน
เช้าวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2546 เวลา 9.00 น. ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ ยานขนส่งอวกาศโคลัมเบียขององค์การนาซา ต้องพบกับอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่สุดอย่างไม่คาดคิด ด้วยการระเบิดเป็นลูกไฟพวยพุ่งเหนือท้องฟ้าของสหรัฐฯ ขณะกำลังเดินทางกลับสู่พื้นโลก อุบัติเหตุครั้งนี้คร่าชีวิตนักบิน 7 คน ซึ่งมีนักบินชาวอิสราเอลหนึ่งคนรวมอยู่ด้วย
ยานขนส่งอวกาศโคลัมเบียระเบิดเมื่อเวลา 16 นาทีก่อนที่จะได้ร่อนลงจอดที่ศูนย์อวกาศเคเนดีในฟลอริดาตามกำหนดการ โคลัมเบียเพิ่งจะกลับจากการปฏิบัติภารกิจในวงโคจรรอบโลกเป็นเวลานาน 16 วัน ซึ่งมีเป้าหมายในการทดลองทางวิทยาศาสตร์หลายสิบรายการ
นักบินอวกาศบนยานขนส่งอวกาศโคลัมเบียประกอบด้วย ผู้บังคับการริค ฮัสแบนด์ นักบินนำร่องวิลเลียม แม็คคูล ผู้เชี่ยวชาญภารกิจ เดฟ บราวน์ คาลพานา ชอว์ลา ลอเรล คลาร์ค ผู้บังคับการสัมภาระ ไมค์ แอนเดอร์สัน และผู้เชี่ยวชาญสัมภาระ อิลาน รามอน ชาวอิสราเอล อุบัติเหตุในครั้งนี้ นับเป็นการสูญเสียนักบินอวกาศระหว่างปฏิบัติหน้าที่เป็นครั้งแรกนับจากการระเบิดของยานขนส่งอวกาศชาลเลนเจอร์ในปี 2529
ไม่ว่าสาเหตุในการระเบิดของยานโคลัมเบียจะเป็นอะไรก็ตาม ผลที่เกิดขึ้นคือ อุณภูมิด้านซ้ายของยานเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ยานสูญเสียสมดุลในระบบแอโรไดนามิก จนระบบการบินอัตโนมัติสั่งให้มีการจุดจรวดเพื่อปรับวิถีของยาน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถควบคุมได้จนนำไปสู่การระเบิดในที่สุด นับถึงบัดนี้ สาเหตุของอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับยานโคลัมเบียยังคงเป็นปริศนา และอยู่ในระหว่างการสืบสวนและวิเคราะห์ของนาซา
รายงานระบุว่าภาพถ่ายความละเอียดสูงจากฐานทัพอากาศที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ ที่ถ่ายภาพยานขณะผ่านเหนือน่านฟ้า ซึ่งเป็นเวลา 60 วินาทีก่อนหน้าที่ยานโคลัมเบียจะระเบิดแสดงว่าปีกซ้ายได้รับความเสียหายอย่างมาก
นอกเหนือจากสาเหตุหลักดังกล่าวแล้ว สาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่อาจเป็นไปได้ คือ ยานโคลัมเบียเคลื่อนเข้าสู่บรรยากาศในมุมที่ผิดปกติ ทำให้ยานมีความร้อนสูงเกินขีดจำกัด
นอกจากนี้ยังมีความเห็นว่ายานอาจเสียหายจากการชนของสะเก็ดดาวหรือขยะอวกาศ โดยนาซาได้ติดตามเก็บเศษซากของยานที่ตกลงมา เพื่อนำมาสู่หลักฐานที่ชี้ไปถึงสาเหตุของการระเบิดที่แท้จริงได้
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
http://spaceflight.nasa.gov/
http://spaceflightnow.com/
http://www.space.com/
http://www.cnn.com/
Cr.
http://thaiastro.nectec.or.th/news/2003/special/columbia.html โดย: วรเชษฐ์ บุญปลอด (worachateb@yahoo.com)
เที่ยวบินสุดท้ายของกระสวยอวกาศ “ดิสคัฟเวอรี”
(
https://pixabay.com/th/photos)
“ดิสคัฟเวอรี” กระสวยอวกาศซึ่งมีเที่ยวบินมากที่สุดของ NASA ทะยานฟ้าในเที่ยวบินสุดท้ายแล้ว (STS-133) นำ 6 ลูกเรือมุ่งหน้าสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) กับปฏิบัติการในวงโคจรนาน 11 วัน
ดิสคัฟเวอรีออกจากฐานปล่อยจรวดในศูนย์อวกาศเคนเนดี (Kennedy Space Center) ในฟลอริดา สหรัฐฯ เมื่อเวลา 04.53 น.ของวันที่ 25 ก.พ.2011 นี้ ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งสำนักข่าว AP ประมาณว่ามีแขกราว 40,000 คนที่ได้รับเชิญให้มาร่วมชมเที่ยวบินนี้ พร้อมกันนี้ ดิสคัฟเวอรียังนำส่ง “โรโบนอท 2” (Robonaut 2) หรือ “อาร์ทู” (R2) ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ฮิวแมนอยด์ตัวแรกที่ขึ้นสู่อวกาศ
เป้าหมายของการพัฒนาหุ่นยนต์ “อาร์ทู” เพื่อให้เป็นหุ่นยนต์ที่ช่วยมนุษย์ทำงานและสำรวจอวกาศ โดยทั้งทำหน้าที่เคียงข้างมนุษย์ในอวกาศ รับภารกิจเสี่ยงแทนมนุษย์ ซึ่งการมีหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จะช่วยเหลืองานต่อเติมโครงสร้าง และการสำรวจของมนุษย์ ในเบื้องต้นหุ่นอาร์ทูที่ส่งขึ้นไปเป็นเพียงหุ่นที่มีร่างกายท่อนบน และต่อไปจะได้พัฒนาและส่งอวัยวะด้านล่างขึ้นไปต่อเติมในภายหลัง
ภารกิจครั้งนี้เป็นเที่ยวบินที่ 39 สำหรับดิสคัฟเวอรีที่ปฏิบัติภารกิจมานานถึง 27 ปี และเป็นเที่ยวบินในปฏิบัติการส่งกระสวยอวกาศของนาซาเที่ยวบินที่ 133 โดยดิสคัฟเวอรีได้เดินทางมาแล้วเป็นระยะทาง 230 ล้านกิโลเมตรนับแต่เริ่มบินครั้งแรกเมื่อปี 1984 และหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจครั้งนี้ก็จะมีระยะการเดินทางเพิ่มขึ้นอีก 7.2 ล้านกิโลเมตร และจะได้ใช้เวลาอยู่ในอวกาศทั้งสิ้น 363 วัน โดยโคจรรอบโลกทั้งหมด 5,800 รอบ ซึ่งไม่มียานอวกาศลำไหนที่มีเที่ยวบินมากเท่านี้มาก่อน
ลูกเรือทั้ง 6 คน (ซ้ายไปขวา) ของเที่ยวบินสุดท้าย STS-133 สตีฟ ลินด์ซีย์ ผู้บังคับการบิน ,อีริค โบ นักบิน และเจ้าห้นที่เฉพาะกิจ 4 ท่าน เบนจาบิน ดรู, ทีโมที โคบรา,ไมเคิล บาร์รัตต์, และ นิโคล สท็อต
นอกจากนี้ เอเอฟพียังรายงานข้อมูลอีกว่าดิสคัฟเวอรีเป็นกระสวยอวกาศลำแรกที่กลับมาบินหลังโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับยานชาเลนเจอร์ (Challenger) ซึ่งระเบิดระหว่างทะยานฟ้าเมื่อปี 1986 และยานโคลัมเบีย (Columbia) ซึ่งระเบิดหลังกลับสู่โลก เมื่อปี 2003
และดิสคัฟเวอรียังเป็นกระสวยอวกาศลำแรกที่มีผู้บังคับการเป็นผู้หญิง อีกทั้งยังทำหน้าที่ขนส่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (the Hubble Space telescope) ขึ้นสู่วงโคจรด้วย
ขอบคุณที่มา Manager.co.th , AP,AFP,NASA
Cr.
https://mrvop.wordpress.com/2011/02/26/sts-133/ By Mr.VOP
การเ
ดินทางตั๋วเที่ยวเดียวที่ไม่มีวันกลับ
วันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1967 (พ.ศ.2510) แทนที่โลกต้องจารึกความสำเร็จอีกครั้งของสหภาพโซเวียต กับการปล่อยยานโซยุส1 ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ กลับกลายเป็นภารกิจสุดสะเทือนโลก แม้ว่าแรกเริ่มภารกิจทั้งหมดดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่เมื่อยานขึ้นถึงชั้นบรรยากาศ ปรากฏว่าเกิดเหตุขัดข้องไม่สามารถนำลงได้อย่างปลอดภัย โคมารอฟต้องเสียชีวิตลงในวันต่อมา
ข้อมูลจาก
https://www.yaklai.com/lifestyle/special-article/vladimir-komarov-man-fell-from-space/ เล่าไว้ว่า เมื่อกำหนดการปล่อยยานมาถึง เวลา 03:35 วันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1967 ยานโซยุซ 1 (Soyuz 1) ยานที่มีปัญหาซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมกับนักบิน โคมารอฟ ก็ถูกปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ทุกอย่างดูเป็นปกติ
เมื่อเข้าสู่วงโคจร ปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น เมื่อแผงโซล่าเซลล์ข้างหนึ่งไม่กางออก โคมารอฟ พยายามกางด้วยระบบ manual แทน แต่ก็ไร้ผล จากนั้นปัญหาก็ตามมาอีก ทั้งระบบนำทาง, ระบบควบคุมความสูง และระบบเครื่องยนต์ ขัดข้องตามมาเป็นลำดับ เหล่าทีมวิศวกรที่ภาคพื้นดินต่างหาวิธีแก้และคอยติดต่อกับ โคมารอฟ
เวลาล่วงเข้าไปอีกวัน ทีมวิศวกรเตรียมแผนที่จะพาตัว โคมารอฟ ลงมาอย่างปลอดภัยก่อนที่แบตเตอร์รีของยานจะหมด โคมารอฟยังคงทำตามที่ฝึกอย่างเคร่งครัด พยายามติดเครื่องจุดระเบิดไอพ่นและรักษาระดับความสูงเอาไว้ แต่แล้วตัวยานก็เริ่มหมุนควงร่วงลงมาจากอวกาศ ตกกระแทกพื้นโลกด้วยความเร็ว 40 เมตรต่อวินาที ทั้งแรงอัดและเปลวเพลิงรุนแรง ยานที่แหลกเต็มไปด้วยเปลวเพลิงนรก ผลาญเผาจนโครงสร้างก็พังทลายลง ต้องใช้ดินกลบเพื่อดับไฟ ร่างโคมารอฟเหลือเพียงแค่ก้อนเนื้อขนาดกว้าง 30 เซนติเมตรและยาว 80 เซนติเมตรเท่านั้น
โคมารอฟ จึงกลายเป็นนักบินอวกาศคนแรกที่เสียชีวิตในระหว่างภารกิจ ส่วนอพอลโล่ 1 เสียชีวิตก่อนขึ้นบินจริง ในระหว่างการทดสอบระบบ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
วิกิพเดีย Russian Space WebNASA Human Space FlightSvens Space Placerarehistoricalphotos.comhttps://www.yaklai.com/lifestyle/special-article/vladimir-komarov-man-fell-from-space/
http://spaceth.co/soyuz-1-failure/
Cr.
https://www.nationtv.tv/main/content/378620399/
ขอขอบคุณข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมาลง
วันนี้ในอดีตโศกนาฏกรรม "เที่ยวบินมรณะ "ในอวกาศ
กระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ได้เกิดระเบิดขึ้นเพียง 73 วินาทีหลังถูกปล่อยตัว เมื่อวันที่ 28 มกราคม 1986 เหนือศูนย์ทดลองอวกาศเคนเนดี ในฟลอริดา สหรัฐอเมริกา พร้อมลูกเรือ 7 ราย
ก่อนการระเบิด ยานอวกาศได้เดินทางด้วยความเร็วเกือบสองพันไมล์ต่อชั่วโมงเหนือพื้นดินราว 10 ไมล์ ทันใดนั้นเหนือท้องฟ้ากลับปกคลุมด้วยกลุ่มควันและลูกไฟขนาดใหญ่จากการระเบิดของเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเหลว
สำหรับสาเหตุของการระเบิดถูกระบุว่าเป็นเหตุมาจากแหวนยางบริเวณจุดเชื่อมต่อของจรวดเสริมกำลัง ซึ่งผู้ผลิตวัสดุชิ้นนี้ระบุว่า มันมิได้ถูกออกแบบมาสำหรับใช้ในสภาพอากาศที่เย็นจัด ซึ่งนั่นจะทำให้มันเสื่อมประสิทธิภาพ การนำวัสดุชิ้นนี้มาใช้งานผิดประเภทจึงกลายเป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรมในครั้งนี้
การระเบิดของกระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ เป็นรอยบาดลึกในประวัติศาสตร์ด้านกิจการอวกาศขององค์การนาซาที่ไม่มีวันลบเลือน และถูกจารึกไว้ในฐานะการสูญเสียนักบินอวกาศเป็นครั้งแรกในปฏิบัติการด้านอวกาศ
วันนี้ในอดีต 28 มกราคม 2529 ในขณะที่ยานชาเลนเจอร์ระเบิดนั้น แคปซูลห้องนักบินที่มีนักบินอวกาศนั่งอยู่นั้นได้หลุดออกจากตัวยาน ก่อนจะตกลงมาจากความสูงเกือบ 15 กิโลเมตรเป็นเวลา 2 นาทีเศษก่อนที่จะกระทบผิวน้ำด้วยความเร็วสูง ทั้งๆ ที่นักบินอวกาศทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่ ทำให้นักบินอวกาศเสียชีวิตในที่เหตุการณ์ ได้แก่ ดิ๊ก สโคบี, มิเชล สมิธ, เอลลิสัน โอนิซูกะ, จูดิธ เรสนิค, โรนัดล์ แมคแนร์, เกรกอรี จาร์วิส และ คริสนิตา แมคคอลิฟ
ขอขอบคุณข้อมูล
Cr.https://www.komchadluek.net/news/today-in-history/311013 / วันนี้ในอดีต
Cr.https://www.silpa-mag.com/this-day-in-history/article_5348 / วันนี้ในอดีต
Cr.https://www.tnews.co.th/contents/407838/เหตุการณ์-!!!-กระสวยอวกาศแชลเลนเจอร์ระเบิด-การส่งมนุษย์ไปสำรวจอวกาศ-ที่กลายเป็นโศกนาฏกรรมผ่านหน้าจอทีวี-(คลิป) เรียบเรียงโดย บุญชัย ธนะไพรินทร์
ยาน Soyuz 11 กับนักบินอวกาศเพียงสามคนที่เสียชีวิตในอวกาศ
เรื่องราวเกิดขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายน 1971 เมืองทางสหภาพโซเวียตกำลังรอคอยการกลับมาของยานอวกาศ Soyuz 11 ที่ขึ้นไปปฏิบัติการบนห้วงอวกาศมาเป็นเวลากว่า 23 วัน แทนที่พวกเขาจะได้ต้อนรับนักบินกลับมาอย่างฮีโร่ สิ่งที่ทางโซเวียตได้กลับเป็นร่างไร้วิญญาณของ Georgi Dobrovolski, Vladislav Volkov และ Viktor Patsayev สามนักบินของยานอวกาศ Soyuz 11 แทน
เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความแปลกใจให้กับโลกมาก เพราะตลอด 23 วันที่ผ่านมา โครงการ Soyuz 11 ดำเนินการมาได้อย่างเรียบร้อยมาก จนทำให้เกิดการถกเถียงมากมายเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ในเวลานั้นมีคนมากมายออกมาเสนอทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เช่นหัวหน้านักบินของ NASA ที่ออกมาบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากความเครียดของนักบินก็เป็นได้ หรือทางทีมแพทย์ที่เชื่อว่า ที่นักบินนั้นตายเพราะสารพิษบนยานรั่ว แต่กว่าที่โลกจะได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับ ยานอวกาศ Soyuz 11 จริงๆ ก็เป็นในอีกสองปีให้หลัง
จากซ้ายไปขวา Dobrovolski, Volkov และ Patsayev
ดูเหมือนว่าสาเหตุที่นักบินของยาน Soyuz 11 เสียชีวิตนั้นจะมาจากการที่ร่างกายเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศอย่างฉับพลันทำให้เนื้อเยื่อในร่างกาย (อย่างปอด และแก้วหู) ฉีกขาด
เป็นไปได้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นจากการที่วาล์วตัวปรับความดันในยานถูกเปิดออก ทำให้นักบินอยู่ในสภาพคล้ายโดนทิ้งไว้ในอวกาศจนขาดอากาศหายใจตายนั่นเอง
ที่มา allthatsinteresting, spacesafetymagazine
Cr.https://www.catdumb.com/soyuz-11-378/ By เหมียวศรัทธา
ยานขนส่งอวกาศโคลัมเบีย คร่าชีวิตนักบิน 7 คน
เช้าวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2546 เวลา 9.00 น. ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ ยานขนส่งอวกาศโคลัมเบียขององค์การนาซา ต้องพบกับอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่สุดอย่างไม่คาดคิด ด้วยการระเบิดเป็นลูกไฟพวยพุ่งเหนือท้องฟ้าของสหรัฐฯ ขณะกำลังเดินทางกลับสู่พื้นโลก อุบัติเหตุครั้งนี้คร่าชีวิตนักบิน 7 คน ซึ่งมีนักบินชาวอิสราเอลหนึ่งคนรวมอยู่ด้วย
ยานขนส่งอวกาศโคลัมเบียระเบิดเมื่อเวลา 16 นาทีก่อนที่จะได้ร่อนลงจอดที่ศูนย์อวกาศเคเนดีในฟลอริดาตามกำหนดการ โคลัมเบียเพิ่งจะกลับจากการปฏิบัติภารกิจในวงโคจรรอบโลกเป็นเวลานาน 16 วัน ซึ่งมีเป้าหมายในการทดลองทางวิทยาศาสตร์หลายสิบรายการ
นักบินอวกาศบนยานขนส่งอวกาศโคลัมเบียประกอบด้วย ผู้บังคับการริค ฮัสแบนด์ นักบินนำร่องวิลเลียม แม็คคูล ผู้เชี่ยวชาญภารกิจ เดฟ บราวน์ คาลพานา ชอว์ลา ลอเรล คลาร์ค ผู้บังคับการสัมภาระ ไมค์ แอนเดอร์สัน และผู้เชี่ยวชาญสัมภาระ อิลาน รามอน ชาวอิสราเอล อุบัติเหตุในครั้งนี้ นับเป็นการสูญเสียนักบินอวกาศระหว่างปฏิบัติหน้าที่เป็นครั้งแรกนับจากการระเบิดของยานขนส่งอวกาศชาลเลนเจอร์ในปี 2529
ไม่ว่าสาเหตุในการระเบิดของยานโคลัมเบียจะเป็นอะไรก็ตาม ผลที่เกิดขึ้นคือ อุณภูมิด้านซ้ายของยานเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ยานสูญเสียสมดุลในระบบแอโรไดนามิก จนระบบการบินอัตโนมัติสั่งให้มีการจุดจรวดเพื่อปรับวิถีของยาน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถควบคุมได้จนนำไปสู่การระเบิดในที่สุด นับถึงบัดนี้ สาเหตุของอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับยานโคลัมเบียยังคงเป็นปริศนา และอยู่ในระหว่างการสืบสวนและวิเคราะห์ของนาซา
รายงานระบุว่าภาพถ่ายความละเอียดสูงจากฐานทัพอากาศที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ ที่ถ่ายภาพยานขณะผ่านเหนือน่านฟ้า ซึ่งเป็นเวลา 60 วินาทีก่อนหน้าที่ยานโคลัมเบียจะระเบิดแสดงว่าปีกซ้ายได้รับความเสียหายอย่างมาก
นอกเหนือจากสาเหตุหลักดังกล่าวแล้ว สาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่อาจเป็นไปได้ คือ ยานโคลัมเบียเคลื่อนเข้าสู่บรรยากาศในมุมที่ผิดปกติ ทำให้ยานมีความร้อนสูงเกินขีดจำกัด
นอกจากนี้ยังมีความเห็นว่ายานอาจเสียหายจากการชนของสะเก็ดดาวหรือขยะอวกาศ โดยนาซาได้ติดตามเก็บเศษซากของยานที่ตกลงมา เพื่อนำมาสู่หลักฐานที่ชี้ไปถึงสาเหตุของการระเบิดที่แท้จริงได้
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
http://spaceflight.nasa.gov/
http://spaceflightnow.com/
http://www.space.com/
http://www.cnn.com/
Cr.http://thaiastro.nectec.or.th/news/2003/special/columbia.html โดย: วรเชษฐ์ บุญปลอด (worachateb@yahoo.com)
เที่ยวบินสุดท้ายของกระสวยอวกาศ “ดิสคัฟเวอรี”
(https://pixabay.com/th/photos)
“ดิสคัฟเวอรี” กระสวยอวกาศซึ่งมีเที่ยวบินมากที่สุดของ NASA ทะยานฟ้าในเที่ยวบินสุดท้ายแล้ว (STS-133) นำ 6 ลูกเรือมุ่งหน้าสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) กับปฏิบัติการในวงโคจรนาน 11 วัน
ดิสคัฟเวอรีออกจากฐานปล่อยจรวดในศูนย์อวกาศเคนเนดี (Kennedy Space Center) ในฟลอริดา สหรัฐฯ เมื่อเวลา 04.53 น.ของวันที่ 25 ก.พ.2011 นี้ ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งสำนักข่าว AP ประมาณว่ามีแขกราว 40,000 คนที่ได้รับเชิญให้มาร่วมชมเที่ยวบินนี้ พร้อมกันนี้ ดิสคัฟเวอรียังนำส่ง “โรโบนอท 2” (Robonaut 2) หรือ “อาร์ทู” (R2) ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ฮิวแมนอยด์ตัวแรกที่ขึ้นสู่อวกาศ
เป้าหมายของการพัฒนาหุ่นยนต์ “อาร์ทู” เพื่อให้เป็นหุ่นยนต์ที่ช่วยมนุษย์ทำงานและสำรวจอวกาศ โดยทั้งทำหน้าที่เคียงข้างมนุษย์ในอวกาศ รับภารกิจเสี่ยงแทนมนุษย์ ซึ่งการมีหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จะช่วยเหลืองานต่อเติมโครงสร้าง และการสำรวจของมนุษย์ ในเบื้องต้นหุ่นอาร์ทูที่ส่งขึ้นไปเป็นเพียงหุ่นที่มีร่างกายท่อนบน และต่อไปจะได้พัฒนาและส่งอวัยวะด้านล่างขึ้นไปต่อเติมในภายหลัง
ภารกิจครั้งนี้เป็นเที่ยวบินที่ 39 สำหรับดิสคัฟเวอรีที่ปฏิบัติภารกิจมานานถึง 27 ปี และเป็นเที่ยวบินในปฏิบัติการส่งกระสวยอวกาศของนาซาเที่ยวบินที่ 133 โดยดิสคัฟเวอรีได้เดินทางมาแล้วเป็นระยะทาง 230 ล้านกิโลเมตรนับแต่เริ่มบินครั้งแรกเมื่อปี 1984 และหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจครั้งนี้ก็จะมีระยะการเดินทางเพิ่มขึ้นอีก 7.2 ล้านกิโลเมตร และจะได้ใช้เวลาอยู่ในอวกาศทั้งสิ้น 363 วัน โดยโคจรรอบโลกทั้งหมด 5,800 รอบ ซึ่งไม่มียานอวกาศลำไหนที่มีเที่ยวบินมากเท่านี้มาก่อน
ลูกเรือทั้ง 6 คน (ซ้ายไปขวา) ของเที่ยวบินสุดท้าย STS-133 สตีฟ ลินด์ซีย์ ผู้บังคับการบิน ,อีริค โบ นักบิน และเจ้าห้นที่เฉพาะกิจ 4 ท่าน เบนจาบิน ดรู, ทีโมที โคบรา,ไมเคิล บาร์รัตต์, และ นิโคล สท็อต
นอกจากนี้ เอเอฟพียังรายงานข้อมูลอีกว่าดิสคัฟเวอรีเป็นกระสวยอวกาศลำแรกที่กลับมาบินหลังโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับยานชาเลนเจอร์ (Challenger) ซึ่งระเบิดระหว่างทะยานฟ้าเมื่อปี 1986 และยานโคลัมเบีย (Columbia) ซึ่งระเบิดหลังกลับสู่โลก เมื่อปี 2003
และดิสคัฟเวอรียังเป็นกระสวยอวกาศลำแรกที่มีผู้บังคับการเป็นผู้หญิง อีกทั้งยังทำหน้าที่ขนส่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (the Hubble Space telescope) ขึ้นสู่วงโคจรด้วย
ขอบคุณที่มา Manager.co.th , AP,AFP,NASA
Cr.https://mrvop.wordpress.com/2011/02/26/sts-133/ By Mr.VOP
การเดินทางตั๋วเที่ยวเดียวที่ไม่มีวันกลับ
วันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1967 (พ.ศ.2510) แทนที่โลกต้องจารึกความสำเร็จอีกครั้งของสหภาพโซเวียต กับการปล่อยยานโซยุส1 ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ กลับกลายเป็นภารกิจสุดสะเทือนโลก แม้ว่าแรกเริ่มภารกิจทั้งหมดดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่เมื่อยานขึ้นถึงชั้นบรรยากาศ ปรากฏว่าเกิดเหตุขัดข้องไม่สามารถนำลงได้อย่างปลอดภัย โคมารอฟต้องเสียชีวิตลงในวันต่อมา
ข้อมูลจาก https://www.yaklai.com/lifestyle/special-article/vladimir-komarov-man-fell-from-space/ เล่าไว้ว่า เมื่อกำหนดการปล่อยยานมาถึง เวลา 03:35 วันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1967 ยานโซยุซ 1 (Soyuz 1) ยานที่มีปัญหาซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมกับนักบิน โคมารอฟ ก็ถูกปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ทุกอย่างดูเป็นปกติ
เมื่อเข้าสู่วงโคจร ปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น เมื่อแผงโซล่าเซลล์ข้างหนึ่งไม่กางออก โคมารอฟ พยายามกางด้วยระบบ manual แทน แต่ก็ไร้ผล จากนั้นปัญหาก็ตามมาอีก ทั้งระบบนำทาง, ระบบควบคุมความสูง และระบบเครื่องยนต์ ขัดข้องตามมาเป็นลำดับ เหล่าทีมวิศวกรที่ภาคพื้นดินต่างหาวิธีแก้และคอยติดต่อกับ โคมารอฟ
เวลาล่วงเข้าไปอีกวัน ทีมวิศวกรเตรียมแผนที่จะพาตัว โคมารอฟ ลงมาอย่างปลอดภัยก่อนที่แบตเตอร์รีของยานจะหมด โคมารอฟยังคงทำตามที่ฝึกอย่างเคร่งครัด พยายามติดเครื่องจุดระเบิดไอพ่นและรักษาระดับความสูงเอาไว้ แต่แล้วตัวยานก็เริ่มหมุนควงร่วงลงมาจากอวกาศ ตกกระแทกพื้นโลกด้วยความเร็ว 40 เมตรต่อวินาที ทั้งแรงอัดและเปลวเพลิงรุนแรง ยานที่แหลกเต็มไปด้วยเปลวเพลิงนรก ผลาญเผาจนโครงสร้างก็พังทลายลง ต้องใช้ดินกลบเพื่อดับไฟ ร่างโคมารอฟเหลือเพียงแค่ก้อนเนื้อขนาดกว้าง 30 เซนติเมตรและยาว 80 เซนติเมตรเท่านั้น
โคมารอฟ จึงกลายเป็นนักบินอวกาศคนแรกที่เสียชีวิตในระหว่างภารกิจ ส่วนอพอลโล่ 1 เสียชีวิตก่อนขึ้นบินจริง ในระหว่างการทดสอบระบบ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
วิกิพเดีย Russian Space WebNASA Human Space FlightSvens Space Placerarehistoricalphotos.comhttps://www.yaklai.com/lifestyle/special-article/vladimir-komarov-man-fell-from-space/http://spaceth.co/soyuz-1-failure/
Cr.https://www.nationtv.tv/main/content/378620399/
ขอขอบคุณข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมาลง