ในช่วงที่ผ่านมา มือถือ 5G ก็เริ่มออกมาเรื่อยๆแต่ยังอยู่ในราคาที่แพงมาก ก็เป็นมือถือระดับเรือธงนั่นแหละ คนจะซื้อมือถือ 5G ได้ ก็เป็นคนที่มีเงินเดือนดี รายได้ดี ถึงจะซื้อมือถือระดับเรือธงไว้ใช้งาน
ถึงแม้ว่าตั้งแต่ต้นปีนี้ไป ราคาของมือถือ 5G จะเริ่มถูกลง จากที่มีราคาอยู่ที่ราวๆ 25,000 ขึ้นไปหรือราคาระดับเรือธง ก็น่าจะมีราคาของมือถือ 5G ลงมาอยู่ที่ราคาอยู่ในช่วงหมื่นกลางๆจนไปถึงใกล้ๆ 20,000 นี่น่าจะเป็นราคาที่เข้าไทย ซึ่งจัดว่าเป็นมือถือสเปคกลางไปจนถึงระดับน้องๆเรือธง นับว่าเป็นราคาที่ยังแพงพอสมควร แต่หากเป็นคนที่สนใจจะใช้ 5G จริงๆและมีเงินพอสมควร ยังไงก็คงซื้อเครื่องรองรับ 5G ไว้ใช้งานอยู่ดี
เท่าที่สำรวจเสียงผู้คนในสังคม ก็มีคนบางกลุ่มอยากใช้ 5G อยู่ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติ ปกติคนทั่วไป ถ้าเห็นของอะไรใหม่ก็อยากรู้อยากทดลองเป็นธรรมดา หากสิ่งใหม่ที่มานั้น เป็นของราคาถูก เป็นสิ่งที่ซื้อได้อย่างง่ายๆ ก็ยินดีซื้อของใหม่มาใช้ทันที
แต่สำหรับคนบางกลุ่ม ถ้าหากว่าของใหม่ๆที่ออกมา เป็นสิ่งที่ต้องใช้เงินเยอะ ต้องควักเงินจำนวนมากออกจากกระเป๋าจนแทบหมดตัวหรือจนส่งผลให้แทบไม่มีเงินเหลือไว้ใช้ซื้อสิ่งจำเป็นอย่างอื่น ถึงอยากจะทดลอง อยากใช้ของใหม่ๆก็คงต้องคิดเยอะเหมือนกันว่า ของใหม่ที่อยากใช้อยากได้นั้น คุ้มค่ากับเงินที่จะจ่ายออกไปมั้ย หากของใหม่เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นนัก ก็คงเก็บตังค์ไว้ใช้อย่างอื่นในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้
ถ้าว่ากันตามความจริง ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบซื้อมือถือ 5G ไว้รอใช้งานแต่ตอนนี้ ด้วยเหตุผลหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา โครงข่าย 5G ไทยที่อีกนานกว่าจะครอบคลุม หรือสเป็คต่างๆในมือถือ 5G
ให้ดูว่ามือถือ 5G ที่ผ่านมา จัดว่าเป็นมือถือเรือธง ในมือถือเรือธงไม่ได้มีแค่การรองรับความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างเดียว ก็จะมีสิ่งต่างๆที่ให้มาอย่างดีในหลายๆด้าน เช่น cpu,ram,rom,กล้อง,แบตเตอรี่ ที่มีสเป็คสูงและมีราคาสูง
สมมติว่า ถ้าเราซื้อมือถือ 5G ที่จะออกมาใหม่ภายใน 2-3 เดือนนี้ ด้วยเหตุที่ว่าอยากทดลองของใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในช่วงสิงหา,กันยาปีนี้ซึ่งต้องรอถึงครึ่งปี ก็อาจทำให้ได้มือถือ 5G สเป็คต่ำ ราคาแพง มาทดสอบทดลอง 5G ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมเพียงน้อยนิด เช่น redmi note 9 pro 5G ซึ่งมี cpu 855 ความละเอียดกล้อง 108 mp ram 12 bat 5400 ที่คาดว่าจะมาในช่วงต้นเมษา กว่าจะได้มากด test speed 5G ที่บางค่ายประมูลได้ไป ก็ต้องรอไป 4-5 เดือนคือ สิงหา-กันยา และช่วงนั้นยังมีพื้นที่สัญญาณ 5G อยู่น้อยมากๆ
อย่างนี้รอซื้อ redmi note 10 pro ที่น่าจะออกซักช่วงตุลาคม หรือ note 11 pro ที่จะออกในช่วงมีนา-เมษาปีหน้า จะดีกว่ามั้ย เพราะจะทำให้ได้ความคุ้มค่าในหลายๆเรื่อง ได้แก่ กล้องสเป็คสูงขึ้น คือความละเอียดในเลนส์ต่างๆมากยิ่งขึ้น cpu แรงขึ้น แบตมีความจุมากขึ้น ได้ ram+rom ที่มากขึ้น มาใช้กับโครงข่าย 5G ที่ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆมากขึ้น
ถ้าจะซื้อของ ก็ต้องดูความคุ้มค่าในหลายๆด้านด้วย ไม่ใช่ไปดูแค่ประเด็นใดประเด็นหนึ่ง แต่ถ้าหากมือถือ 4G ของใครพังหรือชำรุดจนไม่คุ้มค่าที่จะนำไปซ่อมในช่วงเวลาที่มือถือ 5G ออกมาพอดีและมีกำลังเงินที่ได้ซื้อมือถือ 5G ได้เป็นปกติ ไม่เดือดร้อน จะซื้อมือถือรองรับ 5G ตั้งแต่ช่วงเวลาที่บอกก็ได้ เพราะถือว่าจำเป็นและเหมาะควรที่จะซื้อ
สรุปว่า ถ้าจะซื้อมือถือ 5G ไม่จำเป็นต้องรีบซื้อได้ ให้พิจารณาเหตุผลการซื้อในหลายๆด้าน แต่หากมีความจำเป็นที่จะต้องซื้อจริงและมีเงินทุนซื้อได้อย่างไม่เดือดร้อน ก็ซื้อในราคาและช่วงเวลาที่เหมาะสม จะได้เกิดความคุ้มค่าแก่ผู้ซื้อจริงๆ
ซื้อมือถือ 5G ให้เร็วๆกับให้ช้าๆ อย่างไหนดีและคุ้มค่ากว่ากัน
ถึงแม้ว่าตั้งแต่ต้นปีนี้ไป ราคาของมือถือ 5G จะเริ่มถูกลง จากที่มีราคาอยู่ที่ราวๆ 25,000 ขึ้นไปหรือราคาระดับเรือธง ก็น่าจะมีราคาของมือถือ 5G ลงมาอยู่ที่ราคาอยู่ในช่วงหมื่นกลางๆจนไปถึงใกล้ๆ 20,000 นี่น่าจะเป็นราคาที่เข้าไทย ซึ่งจัดว่าเป็นมือถือสเปคกลางไปจนถึงระดับน้องๆเรือธง นับว่าเป็นราคาที่ยังแพงพอสมควร แต่หากเป็นคนที่สนใจจะใช้ 5G จริงๆและมีเงินพอสมควร ยังไงก็คงซื้อเครื่องรองรับ 5G ไว้ใช้งานอยู่ดี
เท่าที่สำรวจเสียงผู้คนในสังคม ก็มีคนบางกลุ่มอยากใช้ 5G อยู่ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติ ปกติคนทั่วไป ถ้าเห็นของอะไรใหม่ก็อยากรู้อยากทดลองเป็นธรรมดา หากสิ่งใหม่ที่มานั้น เป็นของราคาถูก เป็นสิ่งที่ซื้อได้อย่างง่ายๆ ก็ยินดีซื้อของใหม่มาใช้ทันที
แต่สำหรับคนบางกลุ่ม ถ้าหากว่าของใหม่ๆที่ออกมา เป็นสิ่งที่ต้องใช้เงินเยอะ ต้องควักเงินจำนวนมากออกจากกระเป๋าจนแทบหมดตัวหรือจนส่งผลให้แทบไม่มีเงินเหลือไว้ใช้ซื้อสิ่งจำเป็นอย่างอื่น ถึงอยากจะทดลอง อยากใช้ของใหม่ๆก็คงต้องคิดเยอะเหมือนกันว่า ของใหม่ที่อยากใช้อยากได้นั้น คุ้มค่ากับเงินที่จะจ่ายออกไปมั้ย หากของใหม่เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นนัก ก็คงเก็บตังค์ไว้ใช้อย่างอื่นในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้
ถ้าว่ากันตามความจริง ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบซื้อมือถือ 5G ไว้รอใช้งานแต่ตอนนี้ ด้วยเหตุผลหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา โครงข่าย 5G ไทยที่อีกนานกว่าจะครอบคลุม หรือสเป็คต่างๆในมือถือ 5G
ให้ดูว่ามือถือ 5G ที่ผ่านมา จัดว่าเป็นมือถือเรือธง ในมือถือเรือธงไม่ได้มีแค่การรองรับความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างเดียว ก็จะมีสิ่งต่างๆที่ให้มาอย่างดีในหลายๆด้าน เช่น cpu,ram,rom,กล้อง,แบตเตอรี่ ที่มีสเป็คสูงและมีราคาสูง
สมมติว่า ถ้าเราซื้อมือถือ 5G ที่จะออกมาใหม่ภายใน 2-3 เดือนนี้ ด้วยเหตุที่ว่าอยากทดลองของใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในช่วงสิงหา,กันยาปีนี้ซึ่งต้องรอถึงครึ่งปี ก็อาจทำให้ได้มือถือ 5G สเป็คต่ำ ราคาแพง มาทดสอบทดลอง 5G ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมเพียงน้อยนิด เช่น redmi note 9 pro 5G ซึ่งมี cpu 855 ความละเอียดกล้อง 108 mp ram 12 bat 5400 ที่คาดว่าจะมาในช่วงต้นเมษา กว่าจะได้มากด test speed 5G ที่บางค่ายประมูลได้ไป ก็ต้องรอไป 4-5 เดือนคือ สิงหา-กันยา และช่วงนั้นยังมีพื้นที่สัญญาณ 5G อยู่น้อยมากๆ
อย่างนี้รอซื้อ redmi note 10 pro ที่น่าจะออกซักช่วงตุลาคม หรือ note 11 pro ที่จะออกในช่วงมีนา-เมษาปีหน้า จะดีกว่ามั้ย เพราะจะทำให้ได้ความคุ้มค่าในหลายๆเรื่อง ได้แก่ กล้องสเป็คสูงขึ้น คือความละเอียดในเลนส์ต่างๆมากยิ่งขึ้น cpu แรงขึ้น แบตมีความจุมากขึ้น ได้ ram+rom ที่มากขึ้น มาใช้กับโครงข่าย 5G ที่ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆมากขึ้น
ถ้าจะซื้อของ ก็ต้องดูความคุ้มค่าในหลายๆด้านด้วย ไม่ใช่ไปดูแค่ประเด็นใดประเด็นหนึ่ง แต่ถ้าหากมือถือ 4G ของใครพังหรือชำรุดจนไม่คุ้มค่าที่จะนำไปซ่อมในช่วงเวลาที่มือถือ 5G ออกมาพอดีและมีกำลังเงินที่ได้ซื้อมือถือ 5G ได้เป็นปกติ ไม่เดือดร้อน จะซื้อมือถือรองรับ 5G ตั้งแต่ช่วงเวลาที่บอกก็ได้ เพราะถือว่าจำเป็นและเหมาะควรที่จะซื้อ
สรุปว่า ถ้าจะซื้อมือถือ 5G ไม่จำเป็นต้องรีบซื้อได้ ให้พิจารณาเหตุผลการซื้อในหลายๆด้าน แต่หากมีความจำเป็นที่จะต้องซื้อจริงและมีเงินทุนซื้อได้อย่างไม่เดือดร้อน ก็ซื้อในราคาและช่วงเวลาที่เหมาะสม จะได้เกิดความคุ้มค่าแก่ผู้ซื้อจริงๆ