คลื่น 2600 เป็นคลื่นความถี่ที่สูงพอสมควร ระยะการส่งสัญญาณก็คงไม่เกิน 1 กิโล การติดตั้งโครงข่าย 4G/5G 2600 เพื่อให้ครอบคลุมไปทั่วประเทศ คงลงทุนสูงและใช้เสามากกว่าทุกคลื่น 4G ที่ผ่านมา
ดูจากตัวเลขสถิติจำนวนเสาของแต่ละค่าย คลื่น 2600 คงต้องไม่ต่ำกว่า 40,000 เสา ถึงจะครอบคลุมเกินกว่า 70% ของประชากร ซึ่งแต่ละค่ายคงใช้เวลาพอสมควรกว่าที่จะทำให้คลื่นนี้ครอบคลุมทั่วประเทศได้มาก
เนื่องจากคลื่น 2600 เป็นคลื่นที่ส่งสัญญาณได้ระยะสั้นๆ มีอะไรมาบัง สัญญาณก็ดรอปง่าย สัญญาณของ 5G 2600 จึงเป็นหลุมเป็นบ่อแน่ๆ การใช้ 5G 2600 จึงใช้ได้เป็นเฉพาะพื้นที่ๆไป ไม่กว้างนัก ยกเว้นตามหัวเมืองและชุมชนที่มีคนหนาแน่นที่ตั้งเสากันแบบถี่ๆ ก็จะสามารถจับสัญญาณคลื่น 2600 ได้แบบต่อเนื่อง หากเป็นพื้นที่นอกเหนือจากหัวเมืองใหญ่หรือแหล่งที่มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่หนาแน่น เสา 5G 2600 ก็จะน้อยลง ไม่ถี่นัก โอกาสจับได้แค่ 3G/4G ก็จะมีเยอะขึ้น
ในช่วง 1-2 ปีแรกของการเริ่มต้นขยายโครงข่าย 2600 mhz พอจะนึกภาพได้เลยว่า มือถือที่ซื้อมาจะจับคลื่น 2600 ได้น้อยมาก เพราะการขยายโครงข่าย 2600 ยังไม่มาก ยังครอบคลุมพื้นที่น้อย เสายังไม่ถี่มาก ต้องรอ 3 ปีขึ้นไป ให้ 4G/5G 2600 ถูกขยายโครงข่ายออกไปมากๆ ตั้งเสาถี่ๆ ครอบคลุมหลายพื้นที่ มือถือถึงจะจับ 4G/5G 2600 ได้แน่นขึ้น
นึกถึงสมัย 4G มาใหม่ๆได้ ถ้าอยากจะรู้ว่า ในพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่มีสัญญาณ 4G มั้ย ก็ให้ซื้อซิมเติมเงินของแต่ละค่ายมาทดสอบดู ถ้าทดสอบแล้ว o.k. ภายในบ้านพักอาศัยรับสัญญาณ 4G ได้ดี ก็ค่อยซื้อซิมของค่ายที่เราพอใจ มาใช้งานจริง
5G ก็แบบเดียวกัน ถ้าคุณอยากจะรู้ว่า พื้นที่ที่คุณอาศัยอยู่ รับสัญญาณ 5G ได้ o.k มั้ย ก็ควรซื้อซิมมาเล่นในบ้านก่อน สัญญาณ 5G เร็ว นิ่ง เสถียรมั้ย
และถ้าสัญญาณ 5G มาไม่ถึงข้างในบ้าน ถึงแค่ประตูบ้าน หรือถึงแค่รั้วหน้าบ้าน เข้าบ้านไปแล้วมือถือก็จับได้แค่ 3G/4G มันก็คงไม่คุ้มค่าแน่ที่จะไปซื้อซิม 5G มาเล่น ซึ่งคลื่น 2600 ก็คงเสี่ยงเจอปัญหาอย่างที่บอกมา
ทีนี้ถ้าหากว่าเราไม่มีมือถือ 5G ไว้ทดสอบสัญญาณ 5G 2600 ล่ะ เพราะเครื่องรองรับแค่ 4G จะทำไงดี ก็ขอตอบได้แค่ว่าให้ดูจากสัญญาณ 4G 2600 จากเครื่องที่เราใช้ก่อน ซึ่งบางค่ายที่ประมูล 2600 มา เขาก็เอา 2600 มาทำ 4G ด้วย
ถ้าเครื่องเรารับ 4G 2600 ได้ภายในบ้านเรา ก็พอจะสมมุติฐานได้ว่า บ้านเราก็รับ 5G 2600 ได้ ก็จะทำให้เกิดความคุ้มค่ามากขึ้นที่เราจะซื้อมือรองรับ 5G มา
ในสิ่งที่กล่าวมานี้ ก็ยังไม่ใช่ข้อสำคัญถึงความคุ้มค่าทั้งหมดในการซื้อมือถือ 5G
ถ้าจะให้เราซื้อมือถือ 5G อย่างคุ้มค่าจริงๆ มือถือนั้นควรรองรับคลื่น 700 ด้วย เพราะคลื่น 700 เป็นคลื่นที่ช่วยเติมเต็มให้มือถือของเราสามารถจับ 5G ได้ตลอด ต่อให้เราอยู่ตรงไหนที่สัญญาณ 2600 มาไม่ถึง แต่ 700 มาถึงแน่นอน เราสามารถใช้ 5G ได้อย่างต่อเนื่อง เพราะคลื่น 700 นี่แหละ
มือถือที่รองรับ 2600 คลื่นเดียว เวลาเราเดินทาง หรือเข้าตึกรามบ้านช่อง โอกาสที่สัญญาณจะสวิงไปสวิงมาระหว่าง 5G กับ 4G มีเยอะมาก และเชื่อได้เลยช่วงปีแรกของการขยายโครงข่าย 5G มือถือที่รองรับ 5G 2600 จะจับสัญญาณ 4G เป็นส่วนใหญ่
แนะนำเลยว่า ถ้าคุณไปซื้อมือถือเรือธงที่จับได้แค่ 5G mid band 2600,3500 ไม่คุ้มค่าแน่นอน
มือถือ 5G ที่คุ้มค่าในไทย ต้องจับได้ 2 คลื่น เป็นอย่างน้อย
700/2600 หรือ 700/3500
และควรซื้อตอนที่แต่ละค่ายเริ่มเปิดตัวคลื่น 700 แล้วต้นปีหน้า จะได้มีข้อมูลเปรียบเทียบได้ว่า 5G 700 แต่ละค่ายเป็นยังไง
อีกอย่างนึง ต้องดูด้วยว่าคุณภาพโดยรวมทั้ง 4G และ 5G แต่ละค่ายเป็นอย่างไร
เพราะแต่ละค่ายต้องแบ่งงบมาลงทุนพัฒนาโครงข่าย 5G ด้วย จากที่ก่อนหน้านี้มุ่งพัฒนา 3G/4G เท่านั้น บางค่าย 4G เดิมก็ยังไม่ค่อยดี หากแบ่งงบมาลงทุน 5G แล้วงบที่ลงทุนพัฒนา 4G เดิมจะน้อยลงมั้ย โครงข่าย 4G เดิมจะมีคุณภาพเป็นยังไง จะแย่กว่าเดิมหรือเปล่า เกรงว่าทำไปทำมา จะกลายเป็น 5G ก็ไม่ค่อยครอบคลุม โครงข่าย 4G เดิมก็ด้อยลง เพราะงบที่ต้องใช้พัฒนา 4G ให้มีคุณภาพนั้นถูกแบ่งไปอยู่กับการขยายโครงข่าย 5G
สมัยที่ประมูล 4G เสร็จใหม่ๆ บ้านเราก็มีเครื่องรองรับ 4G ทุกคลื่นความถี่ในไทยแล้ว 4G 900/1800/2100 ในราคาไม่กี่พัน คุ้มค่าแก่การซื้อใช้งาน
ตอนนี้กลายเป็นว่ามือถือราคาไม่ต่ำกว่า 30,000 รองรับคลื่นความถี่ 5G mid band ย่านเดียว เหมือนเป็นมือถือรองรับคลื่น 5G แบบไม่สมบูรณ์ ขาดอะไรที่ควรมีไป
ทำให้ผู้ใช้บริการเล่น 5G ได้บ้างไม่ได้บ้าง ใครอยากเล่น 5G ได้ ก็ต้องอยู่ไม่ไกลเสา อยู่ไกลเสาก็อด มือถือเรือธง 5G ที่ซื้อมาไม่คุ้มค่าเลย
จริงๆแล้ว มือถือระดับเรือธงควรเป็นมือถือที่รองรับได้ทุกคลื่นความถี่ 5G ในไทยและสามารถนำไปเล่น 5G ได้ในหลายประเทศทั่วโลก
เช่น มือถือระดับราคา 35,000 up ควรรับคลื่น 5G 700/2600/3500 mhz/26 Ghz แถมด้วยรองรับคลื่น 5G ที่ประเทศชั้นนำใช้กัน อาจจะเป็น 600/1800/2100/3700 mhz/28 Ghz อะไรประมาณนี้ สามารถรองรับทุกคลื่นความถี่ 5G ในไทยและสามารถนำไปเล่น 5G ได้ในหลายๆประเทศ
มือถือระดับราคา 30,000 up ควรรับคลื่น 5G 700/2600/3500 mhz/26 Ghz คือสามารถรองรับทุกคลื่นความถี่ 5G ในไทย
มือถือระดับราคา 25,000 ควรรับคลื่น 5G 700/2600/3500 mhz
เทียบให้ดูความคุ้มค่าก็ประมาณนี้ อย่าไปเลือกมือถือ 5G ที่รองรับเพียงคลื่น mid band และ high band เพราะจะทำให้คุณจับสัญญาณ 5G ได้เป็นเฉพาะพื้นที่ไป
ถ้ามือถือ 5G นั้นไม่รองรับ 5G 700 ก็ขอแนะนำว่าให้คุณซื้อมือถือรุ่นเดียวกันที่รองรับได้แค่ 4G ดีกว่า ราคาถูกกว่าพอสมควร แถม 4G ก็มีความเร็วใช้งานอะไรๆได้มากมาย ไม่เสียความรู้สึกทึ่ซื้อมา
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะซื้อมือถือ 5G ราคาเท่าไรก็ตาม มือถือที่ซื้อนั้นควรรองรับคลื่นสำคัญคือ คลื่น 700 ด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการเล่น 5G ได้ทุกพื้นที่แบบไร้รอยต่อ
คลื่น 2600 mhz ติดตั้งซัก 40,000 เสา ถึงจะครอบคลุมซัก 70% มั้ย ซื้อมือถือ 5G ให้คุ้มค่า ต้องรองรับคลื่น 700 ด้วย
ดูจากตัวเลขสถิติจำนวนเสาของแต่ละค่าย คลื่น 2600 คงต้องไม่ต่ำกว่า 40,000 เสา ถึงจะครอบคลุมเกินกว่า 70% ของประชากร ซึ่งแต่ละค่ายคงใช้เวลาพอสมควรกว่าที่จะทำให้คลื่นนี้ครอบคลุมทั่วประเทศได้มาก
เนื่องจากคลื่น 2600 เป็นคลื่นที่ส่งสัญญาณได้ระยะสั้นๆ มีอะไรมาบัง สัญญาณก็ดรอปง่าย สัญญาณของ 5G 2600 จึงเป็นหลุมเป็นบ่อแน่ๆ การใช้ 5G 2600 จึงใช้ได้เป็นเฉพาะพื้นที่ๆไป ไม่กว้างนัก ยกเว้นตามหัวเมืองและชุมชนที่มีคนหนาแน่นที่ตั้งเสากันแบบถี่ๆ ก็จะสามารถจับสัญญาณคลื่น 2600 ได้แบบต่อเนื่อง หากเป็นพื้นที่นอกเหนือจากหัวเมืองใหญ่หรือแหล่งที่มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่หนาแน่น เสา 5G 2600 ก็จะน้อยลง ไม่ถี่นัก โอกาสจับได้แค่ 3G/4G ก็จะมีเยอะขึ้น
ในช่วง 1-2 ปีแรกของการเริ่มต้นขยายโครงข่าย 2600 mhz พอจะนึกภาพได้เลยว่า มือถือที่ซื้อมาจะจับคลื่น 2600 ได้น้อยมาก เพราะการขยายโครงข่าย 2600 ยังไม่มาก ยังครอบคลุมพื้นที่น้อย เสายังไม่ถี่มาก ต้องรอ 3 ปีขึ้นไป ให้ 4G/5G 2600 ถูกขยายโครงข่ายออกไปมากๆ ตั้งเสาถี่ๆ ครอบคลุมหลายพื้นที่ มือถือถึงจะจับ 4G/5G 2600 ได้แน่นขึ้น
นึกถึงสมัย 4G มาใหม่ๆได้ ถ้าอยากจะรู้ว่า ในพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่มีสัญญาณ 4G มั้ย ก็ให้ซื้อซิมเติมเงินของแต่ละค่ายมาทดสอบดู ถ้าทดสอบแล้ว o.k. ภายในบ้านพักอาศัยรับสัญญาณ 4G ได้ดี ก็ค่อยซื้อซิมของค่ายที่เราพอใจ มาใช้งานจริง
5G ก็แบบเดียวกัน ถ้าคุณอยากจะรู้ว่า พื้นที่ที่คุณอาศัยอยู่ รับสัญญาณ 5G ได้ o.k มั้ย ก็ควรซื้อซิมมาเล่นในบ้านก่อน สัญญาณ 5G เร็ว นิ่ง เสถียรมั้ย
และถ้าสัญญาณ 5G มาไม่ถึงข้างในบ้าน ถึงแค่ประตูบ้าน หรือถึงแค่รั้วหน้าบ้าน เข้าบ้านไปแล้วมือถือก็จับได้แค่ 3G/4G มันก็คงไม่คุ้มค่าแน่ที่จะไปซื้อซิม 5G มาเล่น ซึ่งคลื่น 2600 ก็คงเสี่ยงเจอปัญหาอย่างที่บอกมา
ทีนี้ถ้าหากว่าเราไม่มีมือถือ 5G ไว้ทดสอบสัญญาณ 5G 2600 ล่ะ เพราะเครื่องรองรับแค่ 4G จะทำไงดี ก็ขอตอบได้แค่ว่าให้ดูจากสัญญาณ 4G 2600 จากเครื่องที่เราใช้ก่อน ซึ่งบางค่ายที่ประมูล 2600 มา เขาก็เอา 2600 มาทำ 4G ด้วย
ถ้าเครื่องเรารับ 4G 2600 ได้ภายในบ้านเรา ก็พอจะสมมุติฐานได้ว่า บ้านเราก็รับ 5G 2600 ได้ ก็จะทำให้เกิดความคุ้มค่ามากขึ้นที่เราจะซื้อมือรองรับ 5G มา
ในสิ่งที่กล่าวมานี้ ก็ยังไม่ใช่ข้อสำคัญถึงความคุ้มค่าทั้งหมดในการซื้อมือถือ 5G
ถ้าจะให้เราซื้อมือถือ 5G อย่างคุ้มค่าจริงๆ มือถือนั้นควรรองรับคลื่น 700 ด้วย เพราะคลื่น 700 เป็นคลื่นที่ช่วยเติมเต็มให้มือถือของเราสามารถจับ 5G ได้ตลอด ต่อให้เราอยู่ตรงไหนที่สัญญาณ 2600 มาไม่ถึง แต่ 700 มาถึงแน่นอน เราสามารถใช้ 5G ได้อย่างต่อเนื่อง เพราะคลื่น 700 นี่แหละ
มือถือที่รองรับ 2600 คลื่นเดียว เวลาเราเดินทาง หรือเข้าตึกรามบ้านช่อง โอกาสที่สัญญาณจะสวิงไปสวิงมาระหว่าง 5G กับ 4G มีเยอะมาก และเชื่อได้เลยช่วงปีแรกของการขยายโครงข่าย 5G มือถือที่รองรับ 5G 2600 จะจับสัญญาณ 4G เป็นส่วนใหญ่
แนะนำเลยว่า ถ้าคุณไปซื้อมือถือเรือธงที่จับได้แค่ 5G mid band 2600,3500 ไม่คุ้มค่าแน่นอน
มือถือ 5G ที่คุ้มค่าในไทย ต้องจับได้ 2 คลื่น เป็นอย่างน้อย
700/2600 หรือ 700/3500
และควรซื้อตอนที่แต่ละค่ายเริ่มเปิดตัวคลื่น 700 แล้วต้นปีหน้า จะได้มีข้อมูลเปรียบเทียบได้ว่า 5G 700 แต่ละค่ายเป็นยังไง
อีกอย่างนึง ต้องดูด้วยว่าคุณภาพโดยรวมทั้ง 4G และ 5G แต่ละค่ายเป็นอย่างไร
เพราะแต่ละค่ายต้องแบ่งงบมาลงทุนพัฒนาโครงข่าย 5G ด้วย จากที่ก่อนหน้านี้มุ่งพัฒนา 3G/4G เท่านั้น บางค่าย 4G เดิมก็ยังไม่ค่อยดี หากแบ่งงบมาลงทุน 5G แล้วงบที่ลงทุนพัฒนา 4G เดิมจะน้อยลงมั้ย โครงข่าย 4G เดิมจะมีคุณภาพเป็นยังไง จะแย่กว่าเดิมหรือเปล่า เกรงว่าทำไปทำมา จะกลายเป็น 5G ก็ไม่ค่อยครอบคลุม โครงข่าย 4G เดิมก็ด้อยลง เพราะงบที่ต้องใช้พัฒนา 4G ให้มีคุณภาพนั้นถูกแบ่งไปอยู่กับการขยายโครงข่าย 5G
สมัยที่ประมูล 4G เสร็จใหม่ๆ บ้านเราก็มีเครื่องรองรับ 4G ทุกคลื่นความถี่ในไทยแล้ว 4G 900/1800/2100 ในราคาไม่กี่พัน คุ้มค่าแก่การซื้อใช้งาน
ตอนนี้กลายเป็นว่ามือถือราคาไม่ต่ำกว่า 30,000 รองรับคลื่นความถี่ 5G mid band ย่านเดียว เหมือนเป็นมือถือรองรับคลื่น 5G แบบไม่สมบูรณ์ ขาดอะไรที่ควรมีไป
ทำให้ผู้ใช้บริการเล่น 5G ได้บ้างไม่ได้บ้าง ใครอยากเล่น 5G ได้ ก็ต้องอยู่ไม่ไกลเสา อยู่ไกลเสาก็อด มือถือเรือธง 5G ที่ซื้อมาไม่คุ้มค่าเลย
จริงๆแล้ว มือถือระดับเรือธงควรเป็นมือถือที่รองรับได้ทุกคลื่นความถี่ 5G ในไทยและสามารถนำไปเล่น 5G ได้ในหลายประเทศทั่วโลก
เช่น มือถือระดับราคา 35,000 up ควรรับคลื่น 5G 700/2600/3500 mhz/26 Ghz แถมด้วยรองรับคลื่น 5G ที่ประเทศชั้นนำใช้กัน อาจจะเป็น 600/1800/2100/3700 mhz/28 Ghz อะไรประมาณนี้ สามารถรองรับทุกคลื่นความถี่ 5G ในไทยและสามารถนำไปเล่น 5G ได้ในหลายๆประเทศ
มือถือระดับราคา 30,000 up ควรรับคลื่น 5G 700/2600/3500 mhz/26 Ghz คือสามารถรองรับทุกคลื่นความถี่ 5G ในไทย
มือถือระดับราคา 25,000 ควรรับคลื่น 5G 700/2600/3500 mhz
เทียบให้ดูความคุ้มค่าก็ประมาณนี้ อย่าไปเลือกมือถือ 5G ที่รองรับเพียงคลื่น mid band และ high band เพราะจะทำให้คุณจับสัญญาณ 5G ได้เป็นเฉพาะพื้นที่ไป
ถ้ามือถือ 5G นั้นไม่รองรับ 5G 700 ก็ขอแนะนำว่าให้คุณซื้อมือถือรุ่นเดียวกันที่รองรับได้แค่ 4G ดีกว่า ราคาถูกกว่าพอสมควร แถม 4G ก็มีความเร็วใช้งานอะไรๆได้มากมาย ไม่เสียความรู้สึกทึ่ซื้อมา
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะซื้อมือถือ 5G ราคาเท่าไรก็ตาม มือถือที่ซื้อนั้นควรรองรับคลื่นสำคัญคือ คลื่น 700 ด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการเล่น 5G ได้ทุกพื้นที่แบบไร้รอยต่อ