คล็อปป์ ฟีร์มิโน่ ขุนพลบุนเดสลีกาในเสื้อหงส์ & ผลโหวตประตูยอดเยี่ยมหงส์รอบทศวรรษ & เฟอร์ดินานด์ชมบอร์ดหงส์บริหารสุดเจ๋ง

คล็อปป์ ฟีร์มิโน่ และขุนพลบุนเดสลีกาในเสื้อทีมหงส์แดง

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล หนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษที่กำลังฟอร์มร้อนแรงสุดๆ ในตอนนี้คือทีมที่มีประวัติเกี่ยวพันกับวงการฟุตบอลบุนเดสลีกามาช้านาน ตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา พวกเขามีนักเตะหลายคนที่เคยค้าแข้งในบุนเดสลีกาและยังเคยดึงตัวนักเตะจากลีกบุนเดสลีกามามากมายเพื่อก่อร่างสร้างทีมเรื่อยมา จนกลายเป็นทีมเต็งแชมป์ลีกสูงสุดแห่งเกาะอังกฤษในปัจจุบัน



ความสัมพันธ์ระหว่างลิเวอร์พูลกับบุนเดสลีกาเริ่มขึ้นในปีค.ศ. 1977 เมื่อเควิน คีแกน ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการฟุตบอลอังกฤษจรดปากกาเซ็นสัญญาย้ายจากลิเวอร์พูลไปอยู่กับสโมสรฮัมบวร์กในบุนเดสลีกา เขาได้กลายเป็นหนึ่งในนักเตะจากบุนเดสลีกาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลังสามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ถึงสองสมัยในสีเสื้อทีมฮัมบวร์ก



สำหรับขุนพลนักเตะลิเวอร์พูลชุดปัจจุบันมีผู้เล่นถึง 5 คนที่เคยค้าแข้งอยู่ในบุนเดสลีกามาก่อน ได้แก่ โรแบร์โต่ ฟีร์มิโน่ (เคยค้าแข้งกับฮอฟเฟนไฮม์) โจเอล มาติป (เคยค้าแข้งกับชาลเค่อ) นาบี เกอิตา (เคยค้าแข้งกับแอร์เบ ไลป์ซิก) เซอร์ดาน ชากิรี (เคยค้าแข้งกับบาเยิร์น มิวนิค) และ ดิว็อค โอริกี้ (เคยค้าแข้งกับโวล์ฟสบวร์ก)

ชานและฟีร์มิโน่ สองแข้งผู้บุกเบิก

ฟีร์มิโน่บินตรงจากเยอรมนีมาร่วมทีมหงส์แดงในฤดูกาล 2015/16 ก่อนที่สามเดือนต่อมา คล็อปป์จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล แข้งแซมบ้าลงเล่นให้กับฮอฟเฟนไฮม์ไป 140 นัด ยิงได้ 38 ประตู ถือเป็นสถิติอันยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างความสำเร็จในเวทีพรีเมียร์ลีก ในขณะที่เอมเร่ ชาน ย้ายมาร่วมก๊วนหงส์แดงก่อนฟีร์มิโน่หนึ่งฤดูกาล โดยย้ายมาจากทีมไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ซึ่งชานยังเคยค้าแข้งอยู่กับทีมบาเยิร์นอีกด้วย

 จากนั้นในช่วงเปิดตลาดนักเตะหน้าร้อนปี 2017 คล็อปป์ก็เริ่มเดินหน้าดึงตัวผู้เล่นจากบุนเดสลีกามาร่วมทีมมากขึ้น เริ่มจากการดึงตัวเซ็นเตอร์แบ็คตัวเก่ง โจเอล มาติปมาจากชาลเค่อ ต่อด้วยยอริส คาริอุสจากไมนซ์ แรกนาร์ คลาวานจากเอาก์สบวร์ก แม้สองรายหลังจะไม่ได้เล่นในพรีเมียร์ลีกแล้ว แต่ลิเวอร์พูลก็ยังเสริมทัพด้วยนักเตะจากบุนเดสลีกาต่อไป

นาบี เกอิตา แข้งตัวเก่งย้ายจากไลป์ซิกย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลในช่วงหน้าร้อนปี 2018 เช่นเดียวกับโอริกี้ที่ย้ายมาจากลีลล์ และถูกปล่อยให้โวล์ฟสบวร์กยืมตัวไปเก็บเลเวลในบุนเดสลีกาก่อนจะโดนดึงกลับเข้ามาสู่รั้วแอนฟิลด์อีกครั้ง

ส่วนชากิรีที่เคยประสบความสำเร็จกับทีมยักษ์ใหญ่แห่งบุนเดสลีกาอย่างบาเยิร์น ก็ถูกคล็อปป์ดึงตัวมาร่วมก๊วนศิษย์เก่าบุนเดสลีกาจากทีมสโต๊ค ซิตี้



อันที่จริงการดึงตัวนักเตะบุนเดสลีกามาร่วมทีมหงส์แดงนั้นเริ่มพีคมาตั้งแต่ช่วงปี 1995 เมื่อมีการประกาศใช้กฎบอสแมน นั่นก็คือไม่ได้จำกัดจำนวนสัญชาตินักเตะที่มาจากกลุ่มประเทศอียูอีกต่อไป ซึ่งทำให้ทีมใหญ่ๆ พากันดึงตัวนักเตะต่างลีกต่างประเทศเข้ามาร่วมทีม โดยลิเวอร์พูลได้คว้าตัวคาร์ล-ไฮนซ์ รีดเล่ จากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ในปี 1997 ชอน ดันดี จากคาร์ลสรูห์ในปี 1998 เอริค ไมเยอร์ จากเลเวอร์คูเซนในปี 1999 และมาร์คุส บับเบล จากบาเยิร์นในปี 2000

ว่ากันว่าดีทมาร์ ฮามันน์ คือนักเตะเยอรมันที่เก่งที่สุดที่เคยค้าแข้งกับลิเวอร์พูล หลังย้ายจากบาเยิร์นไปอยู่กับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ได้หนึ่งฤดูกาล ฮามันน์ก็ถูกดึงตัวเข้าสู่รั้วแอนฟิลด์และได้ลงเล่นในสีเสื้อทีมหงส์แดงไปถึง 328 นัด แถมยังเป็นนักเตะคนสำคัญที่ช่วยพาทีมคว้าแชมป์ยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้ในปี 2005 อีกด้วย

 จากลิเวอร์พูลสู่เยอรมนี

ในทางกลับกันก็มีนักเตะหลายคนที่ย้ายจากทีมหงส์แดงไปค้าแข้งในลีกบุนเดสลีกา ซามี่ ฮูเปีย ค้าแข้งกับลิเวอร์พูลถึงสิบฤดูกาลก่อนจะย้ายไปร่วมทีมห้างขายยาในปี 2009 จนถึงปี 2011 ก่อนจะผันตัวไปเป็นโค้ชในถิ่นเบย์อารีน่า

บาเยิร์น มิวนิคเองก็เคยคว้าตัวอดีตแข้งดังของทีมหงส์แดงไปร่วมทีม ได้แก่ ชาบี้ อลอนโซ่ และ เปเป้ เรน่า นอกจากนี้ เอมิเลียโน่ อินซัว แบ็คซ้ายชาวอาร์เจนติน่าก็ย้ายจากลิเวอร์พูลไปอยู่กับชตุทท์การ์ทถึง 4 ปี และปีเตอร์ กูลาชชี่ หนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในบุนเดสลีกาฤดูกาลปัจจุบันของทีมแอร์เบ ไลป์ซิก ก็เคยค้าแข้งกับทีมหงส์แดงเช่นกัน



 ความสัมพันธ์อันดีเช่นนี้จะถูกสานต่ออย่างแน่นอน โดยเฉพาะหากเจอร์เก้น คล็อปป์ยังคงทำหน้าที่กุนซือใหญ่ทีมหงส์แดงต่อไป...

cr : www.siamsport.co.th

ผลโหวตประตูยอดเยี่ยมลิเวอร์พูลในรอบทศวรรษ

เปิดผลโหวตแฟนบอล ลิเวอร์พูล ยกให้ลูกยิงของใครเจ๋งสุดในรอบทศวรรษ รวมทั้งแยกแต่ละปีเป็นประตูของนักเตะคนไหนบ้าง



ลิเวอร์พูล ประกาศผลโหวตจากแฟนบอลที่เลือกประตูยอดเยี่ยมสุดของสโมสรในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา (2010-2019) โดยอันดับ 1 ตกเป็นของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่โซโล่เข้าไปซัดใส่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018

ขณะที่ประตูของ ดิว็อค โอริกี้ ซึ่งช่วยให้ "หงส์แดง" เขี่ย บาร์เซโลน่า ตกรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปีนี้ ตามมาเป็นอันดับ 2 

ประตูยอดเยี่ยมของ ลิเวอร์พูล ในรอบทศวรรษ

1. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พบ สเปอร์ส (2018)
2. ดิว็อค โอริกี้ พบ บาร์เซโลน่า (2019)
3. เอ็มเร่ ชาน พบ วัตฟอร์ด (2017)

ประตูยอดเยี่ยมของ ลิเวอร์พูล ในรอบทศวรรษ แยกเป็นรายปี

2010 – เฟร์นานโด ตอร์เรส พบ ซันเดอร์แลนด์
2011 – หลุยส์ ซัวเรซ พบ สโต๊ค
2012 – หลุยส์ ซัวเรซ พบ นิวคาสเซิ่ล
2013 – หลุยส์ ซัวเรซ พบ นอริช
2014 – แดเนียล สเตอร์ริดจ์ พบ เอฟเวอร์ตัน
2015 – ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ พบ เซาธ์แฮมป์ตัน
2016 – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน พบ เชลซี 
2017 – เอ็มเร่ ชาน พบ วัตฟอร์ด
2018 – โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พบ สเปอร์ส
2019 – ดิว็อค โอริกี้ พบ บาร์เซโลน่า

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

cr : www.siamsport.co.th

เกมไหน?มาเน่ชี้จุดเปลี่ยนพาลิเวอร์พูลสุดโหด

ซาดิโอ มาเน่ ปีกคนเก่งของ ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งวงการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวว่าการที่ทีมของตนแพ้ เรอัล มาดริด ในนัดชิงชนะเลิศของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2017-18 เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ "หงส์แดง" กลายเป็นยอดทีมเหมือนอย่างในทุกวันนี้

ในซีซั่นดังกล่าวหลายคนมองว่า ลิเวอร์พูล มีโอกาสดีที่จะได้ถ้วย "บิ๊กเอียร์" ไปครอง หลังจากแนวรุกของพวกเขาที่นำโดย มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ทำผลงานได้โดดเด่น อย่างไรก็ตาม ในนัดชิงดำ ลิเวอร์พูล ก็ต้องแพ้ เรอัล 1-3 โดยที่มันมีชอตสำคัญหลายจังหวะที่ไม่เป็นใจกับ ลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะเป็นการที่ ซาลาห์ ได้รับบาดเจ็บจนต้องโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 31 และการที่ ลอริส คาริอุส นายทวาร ลิเวอร์พูล เล่นพลาดจนทำให้ทีมเสียประตู

ถึงกระนั้น ในฤดูกาล 2018-19 ลิเวอร์พูล ก็ลบล้างความผิดหวังด้วยการคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปครองได้ แถมยังเกือบเป็นแชมป์ลีกด้วย โดยแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเพียง 1 คะแนน และในซีซั่นนี้ทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็โชว์ฟอร์มได้สุดยอดจนกำลังมีโอกาสสูงที่จะได้แชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี

มาเน่ ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรก่อนเกมที่ต้นสังกัดจะชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 2-1 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมาว่า "แน่นอนว่าเราประสบความสำเร็จหลายอย่าง และเราก็อยากประสบความสำเร็จมากกว่านี้ รวมถึงได้แชมป์รายการใหญ่ๆ ร่วมกับสโมสรแห่งนี้มากกว่านี้อีก เราอยากได้แชมป์หลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก และการได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง ซึ่งเราต่างก็ก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ"

"อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแล้วน่ะ มันก็จะเห็นกันว่าทุกกอย่างมันเป็นไปได้, เราสามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่ๆ มาครองได้ และเราก็สามารถทำอย่างนั้นได้อีกครั้ง เราก็แค่ต้องมีความกระหายในทางที่ดี และเดินหน้าต่อไปจนถึงท้ายที่สุดก็เท่านั้น"\

"พอเราแพ้นัดชิงชนะเลิศกับ เรอัล มาดริด แล้วน่ะ ผมก็คิดว่าหลังจากนั้นทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และเราก็บอกกับตัวเองว่า -มันเป็นไปได้- เรายังมีทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะวัยหนุ่มด้วย ผมคิดว่าหลังจากนั้นเป็นต้นมาทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเลย เรามีความเชื่อมั่นมากขึ้น และมีความมั่นใจมากขึ้น เราบอกกับตัวเองว่า -ทุกอย่างมันเป็นไปได้ ทำไมถึงไม่ลองพยายามกันล่ะ ? เราต่างก็อยากได้แชมป์รายการต่างๆ ดังนั้นทำไมเราถึงไม่มาพยายามทำด้วยกันล่ะ ?- ผมคิดว่าตอนนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดีเลย"



cr : www.siamsport.co.th

“ลิเวอร์พูล” จัดอีก 1 สถิติโหด หลังบุกกะซวกวูล์ฟส์คาถิ่น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 24 ม.ค. ว่า ความเคลื่อนไหวหลังจากที่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะ “หมาป่า” วูล์ฟแฮม์ตัน 2-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ทำสถิติกลายเป็นทีมที่ 5 ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษที่ทำสถิติไม่แพ้ใคร 40 นัดติดต่อกัน (ชนะ 35 เสมอ 5) ต่อจาก นอตติงแฮม ฟอเรสต์, อาร์เซนอล , เชลซี และฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ โดยสถิติสูงสุดเป็นของ อาร์เซนอล ที่ไม่แพ้ใคร 49 นัดติดต่อกัน ในฤดูกาล 2003-04



cr : www.thairath.co.th

เฟอร์ดินานด์ชมบอร์ดลิเวอร์พูลบริหารทีมสุดเจ๋ง

ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตยอดกองหลังของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวยกย่องบอร์ดบริหารของ ลิเวอร์พูล คู่แข่งร่วมลีกว่าวางแผนการเสริมทัพได้อย่างยอดเยี่ยม ต่างกับ "ปีศาจแดง" อย่างสิ้นเชิง

นับตั้งแต่ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2015 แล้วนั้น "หงส์แดง" ก็ทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้กำลังมีโอกาสสูงที่จะได้แชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ซึ่งแกนหลักแทบทุกคนของพวกเขาในชุดปัจจุบันก็มาจากการเสริมทัพในยุคของ คล็อปป์ อย่างเช่น ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, อลีสซง เบ็คเกอร์ และ ฟาบินโญ่ เป็นต้น โดยก่อนหน้าที่จะมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล นั้น แข้งเหล่านั้นก็ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากนัก

ในทางกลับกัน นับตั้งแต่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือจากการคุมทีมไปแล้วนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เรียกเสียงฮือฮาด้วยการเอานักเตะชื่อดังหลายคนมาร่วมทีม อย่างเช่น อังเคล ดิ มาเรีย, ราดาเมล ฟัลเกา, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ และ อเล็กซิส ซานเชซ เป็นต้น แต่ก็ไม่มีใครเลยที่โชว์ฟอร์มเก่งกับทีมได้

เฟอร์ดินานด์ เผยว่า "คุณลองดู ลิเวอร์พูล เป็นตัวอย่างก็ได้ ตอนนี้พวกเขาเป็นทีมที่ทุกคนอยากจะเดินรอยตามให้ได้กันทั้งนั้น พวกเขาไม่ได้ซื้อนักเตะเพียงเพราะว่านักเตะคนนั้นๆ เป็นคนที่เก่งที่สุดในตำแหน่งเดียวกัน แต่พวกเขาซื้อนักเตะเพราะว่าคนๆ นั้นเข้ากับระบบของสโมสรมากที่สุด และจะอยู่ในระบบนั้นไปอีกหลายปี"

"มันไม่ใช่การซ่อมระยะสั้น พวกเขาทำทีมโดยที่มองถึงระยะยาว แต่ตอนนี้ ยูไนเต็ด เอาแต่หาทางแก้ระยะสั้น ซานเชซ คือตัวอย่างที่สื่อถึงเรื่องนั้นได้ดีมากๆ พวกเขาพยายามที่จะแก้ปัญหาแบบรวดเร็ว แต่การทำทีมที่ดีน่ะมันไม่ได้ทำกันแบบนั้น"



cr : www.siamsport.co.th
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่