JJNY : พิชัยแนะตู่เพิ่มเซลล์สมองแก้ศก.แขวะสมคิด/อ.จุฬาฯจวกรบ.แก้ฝุ่นด้วยการล้างสมอง ปชช./สรท.คาดส่งออกธค.62ยังติดลบ

พิชัย แนะ “บิ๊กตู่” เพิ่มเซลล์สมองแก้ศก. แขวะ สมคิด ไม่เข้าใจนักธุรกิจ
https://www.thairath.co.th/news/politic/1752423

“พิชัย” แนะ “บิ๊กตู่” เพิ่มเซลล์สมองแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ชี้ “สมคิด”-“แบงก์ชาติ” ไม่เข้าใจนักธุรกิจที่ขอให้มีกำไรแพงเท่าไรก็ลงทุน เสนอ ควรนำแบงก์ชาติให้อยู่ภายใต้รัฐบาลเพื่อกำหนดนโยบายตรงกัน
 
วันที่ 21 ม.ค. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า การส่งออกของไทยในปี 2562 น่าจะติดลบหนัก ยิ่งเมื่อหักลบการส่งออกทองคำและการส่งคืนยุทโธปกรณ์ออกไป และหากเดือนมกราคมการส่งออกยังคงติดลบอีก การส่งออกของไทยในปี 2563 นี้ก็น่าจะมีแนวโน้มที่จะติดลบต่ออีกได้ ทั้งนี้สาเหตุมาจากอุตสาหกรรมส่งออกของไทยที่เริ่มล้าสมัย และขาดการลงทุนใหม่ๆ ในหลายปีที่ผ่านมา เป็นความล้มเหลวของการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล และเป็นผลของการปฏิวัติ อีกทั้งยังเป็นรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจ ตามที่ ดร.วีระพงษ์ รามางกูร อดีต รองนายกฯ อดีต รมว.คลัง และ อดีตประธานแบงก์ชาติ ได้ออกมาวิจารณ์ โดยอยากให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่บอกเองว่าตัวเองมีเซลล์สมองเพียง 84,000 เซลล์ แถมยังกล้าพูดว่าคนไม่สวยสมองเยอะ ได้หาทางเพิ่มเซลล์สมองของตัวเองให้เท่ากับคนปกติที่มีประมาณหนึ่งแสนล้านเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์สมองทางด้านเศรษฐกิจ และอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้อ่านและศึกษาบทวิจารณ์เศรษฐกิจของ ดร.วีรพงษ์ นี้ ที่เหมือนกับที่ตนได้เคยเตือนและวิจารณ์มาตลอด เพื่อที่จะได้ทราบสถานการณ์ความเป็นจริงที่ย่ำแย่ของเศรษฐกิจไทย และสภาวะที่กำลังจะยิ่งเสื่อมลงไปเรื่อยๆ หากยังไม่เปลี่ยนรัฐบาล
 
ทั้งนี้ ทั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และ แบงก์ชาติ น่าจะมีความเข้าใจการทำธุรกิจในระดับที่ต่ำมาก โดย นายสมคิด โทษนักลงทุนไทยที่ไม่ลงทุนเป็นสาเหตุทำให้เศรษฐกิจไทยแย่ และเป็นสาเหตุของค่าบาทแข็ง อีกทั้ง แบงก์ชาติยังแก้ตัวว่าผลดีของค่าเงินบาทแข็งทำให้นำเข้าเครื่องจักรได้ในราคาถูก เท่ากับไม่เข้าใจในธรรมชาติของนักลงทุนเลยว่า ถ้านักลงทุนมั่นใจว่าลงทุนแล้วมีกำไร จำนวนเงินเท่าไรเขาก็กล้าลงทุน แต่ถ้ารัฐบาลไม่สามารถทำให้เขามั่นใจได้ ต่อให้เอาปืนจี้เขาก็ไม่ลงทุน เพราะถ้าลงทุนแล้วขาดทุน เขาอาจจะต้องล้มละลายและต้องฆ่าตัวตายเหมือนหลายโศกนาฏกรรม ที่เกิดขึ้นแทบทุกวันในขณะนี้
 
โดยที่ปัจจุบันกำลังการผลิตถูกใช้เพียง 50-60% เท่านั้น เพราะสินค้าขายไม่ออก ใครเขาจะไปลงทุนเพิ่ม ยิ่งค่าบาทแข็งทำให้สินค้าแพงขึ้น ยิ่งทำให้ขายสินค้าไม่ออก ถึงแม้เครื่องจักรถูกแสนถูก ขนาดจะให้ฟรีก็คงจะไม่เอา เพราะไม่รู้ผลิตสินค้าออกมาแล้วจะนำไปขายให้ใคร
 
นอกจากนี้ สัดส่วนการส่งออกและการท่องเที่ยวที่มีมากกว่า 70% ของจีดีพี ที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็ง ย่อมมากกว่าสัดส่วนค่าเครื่องจักรนำเข้ามากมายอย่างเทียบกันไม่ได้ ผลเสียมีมากกว่าผลดีมาก การแก้ตัวว่าค่าเงินบาทแข็งมีส่วนดีเพราะทำให้สามารถนำเข้าเครื่องจักรราคาถูกลง เป็นข้ออ้างที่ไม่ฉลาดและไม่สมเหตุสมผล แสดงว่า ไม่เข้าใจและไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาก่อนเลย โดยเฉพาะนายสมคิด ที่ประเทศไทยสามารถประหยัดการนำเข้าน้ำมันได้ปีละหลายแสนล้านบาทจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลงมาก แต่รัฐบาลกลับไม่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ดีกว่านี้ได้
 
ขณะเดียวกันในหลายปีนี้ กลุ่มนักลงทุนไทยกลับกล้าขนเงินจำนวนมหาศาลกว่าสองล้านล้านบาทไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้เพราะพวกเขามั่นใจว่า พวกเขาสามารถที่จะทำกำไรได้ ไม่ต้องด่า ไม่ต้องบังคับ พวกเขาก็ยินดีไปลงทุนเอง ทั้งที่ต้องไปลงทุนต่างบ้านต่างเมือง ถ้ารัฐบาลยังไม่เข้าใจเรื่องแค่นี้ก็ต้องนับว่าแย่แล้ว
 
ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการคือการฟื้นฟูความมั่นใจที่หายไปกว่า 5 ปีแล้วให้กลับมา ซึ่งไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะทำได้ไหม เพราะเวลาผ่านมานานมากแล้วที่ความมั่นใจหดหายไป อีกทั้งการต้องหาวิธีทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง และควรต้องปรับเปลี่ยนแนวทางให้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเข้ามาอยู่ภายใต้การบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลตามแนวคิดของ ดร.วีรพงษ์ อดีตประธานแบงก์ชาติ เพื่อกำหนดทิศทางเศรษฐกิจได้ตรงกัน เพราะความเป็นอิสระของแบงก์ชาติที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นเลย แต่กลับทำให้แย่ลงมาโดยตลอด
 


อาจารย์จุฬาฯ จวก รบ.แก้ฝุ่น PM2.5 ด้วยการ "ล้างสมอง ปชช.ให้เชื่อว่า ปัญหานี้ไม่มีจริง"
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1905782
 
อาจารย์จุฬาฯ จวก รบ.แก้ฝุ่น PM2.5 ด้วยการ “ล้างสมอง ปชช.ให้เชื่อว่า ปัญหานี้ไม่มีจริง”
 
เมื่อวันที่ 21 มกราคม นายวีระศักดิ์ เครือเทพ นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า 
 
PM 2.5 สะท้อนว่ารัฐกำลังบริหารแบบถอยหลัง….
 
1.ปิดบังข้อมูลคุณภาพอากาศ ส่วนราชการหมกเม็ดข้อมูล นำเสนอข้อมูลเดิม ๆ ซ้ำ ๆ และโยนบาปไปให้คนอื่น ซึ่งก็คือประชาชน
2. ไม่ยอมรับสภาพปัญหาว่าเกิดจริงและรุนแรง
3. ไม่สนใจวิเคราะห์สาเหตุปัญหาและกำหนดวิธีแก้ไขให้รอบด้าน
4. จัดการแบบเดิมๆ เล่นเอาง่ายเข้าว่า เช่น ฉีดละอองน้ำ ซื้อหน้ากากแจก สร้างเครื่องฟอกอากาศ ฯลฯ ทำแล้วดูได้หน้าว่าทำอะไรบ้างแล้ว แต่รู้ทั้งรู้ว่าไม่ได้ผลแท้จริง
5. มีกฎหมายในมือ แต่ไม่กล้าบังคับใช้ (จะใช้กับฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น?) ทั้ง ๆ ที่หลายเรื่องใช้กฎหมายจัดการได้ในต้นทุนที่ถูกกว่า….
6. ล้างสมองให้ประชาชนเชื่อว่าปัญหานี้ไม่จริง ไม่รุนแรง ตื่นตูมไปเอง
 
เราหวังอะไรได้บ้าง ….#สิ้นหวังรัฐราชการ
 
https://www.facebook.com/wkrueathep/posts/10156840211198639
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่