พ่อแนทเธอรีน ออกมาพูดถึงการจบการศึกษาของน้องแล้วครับ

วันนี้อยากมาเขียนเกี่ยวกับปฎิกิริยาของผู้คนเวลามีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
ในกรณีนี้ อยากจะขอพูดถึงเหตุการณ์การลาออกของลูกสาว
ซึ่งปฎิกริยาของผู้คนเกิดจากการตั้งคำถามเหล่านี้ครับ

1.ทำไมต้องลาออก
ที่จริงการเข้าร่วมและการลาออกไป มันเป็นสิทธิเฉพาะตัว เหตุผลในเรื่องนี้คือ เวลาที่จะสมัครเข้ามา 
ไม่ต้องขออนุญาตใคร การจะรับหรือไม่ อยู่ที่นายจ้างหรือเจ้าของวง ซึ่งเขาก็ไม่จำเป็นต้องขอความเห็นใคร
นอกจากปรึกษากันภายใน และไม่จำเป็นต้องให้เหตุผลว่าทำไมจึงรับคนนี้เข้ามา บุคคลภายนอกไม่มีสิทธิ
ที่จะไปซักเขา เพื่อให้ได้คำตอบว่า ทำไมรับคนนี้และทำไมไม่รับคนนั้น

และเมื่อใดที่ต้องการออก ลูกจ้างก็แค่แจ้งความต้องการไปยังนายจ้างตามที่ทั้งสองฝ่ายได้ทำข้อตกลงกันไว้ในสัญญา 
ซึ่งบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องก็ไม่มีสิทธิไปซักถามในลักษณะคาดคั้นอีกเช่นกันว่า ทำไม เพราะอาจมีข้อตกลงในสัญญา
เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ทั้งสองฝ่ายน่าจะต้องเปิดเผยเท่าที่ตนเองสามารถเปิดเผยได้อยู่แล้ว ดังนั้นอะไร
ที่บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่คู่สัญญา เข้าไปซักถามในลักษณะที่พยายามกดดันเพื่อให้ได้คำตอบที่ตนเองต้องการก็ไม่ควรทำ
และที่เห็นมากมายตามโซเชียลคือ “คิดเอาเอง” และการคิดเอาเองนี้ ทั้งหมดไม่ได้มีข้อมูลที่ถูกต้องเลย เนื่องจากเป็น
บุคคลที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาจ้างนี้เลย ดังนั้นการคิดเอาเองนี้ไม่มีทางที่จะมีเนื้อหาสาระที่ถูกต้อง
นอกจากจะทำให้คู่สัญญาได้รับความเสียหายจากการถูกสังคมเข้าใจผิด

สรุปในเรื่องของเหตุผลในการลาออกของลูกสาวหลังจากอ่านการคิดเอาเองตามโซเซียลมาสองวันเต็มๆ 
ขอสรุปว่า ไม่มีความคิดเอาเองของใคร คิดหรือเดาถูกแม้แต่คนเดียว

2.ทำไมไม่บอกน้องสตางค์ก่อน น้องไม่รู้มาก่อนเลยเสียใจมาก
คำถามนี้เข้าใจได้ว่า คนเขียนรักและสงสารน้อง แต่ด้วยเหตุผลที่รักน้องสตางค์ แล้วมากล่าวหาลูกผมในถ้อยคำ
ที่รุนแรงจนต้องบล็อกบุคคลกลุ่มนั้น หลังจากที่พยายามชี้แจงแล้วไม่รับฟัง หากกลุ่มคนเหล่านั้น มีสติ คิดด้วยเหตุผล
อย่างรอบครอบ น่าจะเข้าใจว่าน้องๆสนิทกันขนาดนั้น มีหรือที่จะไม่คุยกัน และผมกับพ่อแม่ของน้อง 
ที่ผมถือว่าเป็นผู้ปกครองที่สนิทกันที่สุดแล้ว มีหรือที่เราจะไม่คุยกัน ผมคุยกับพ่อแม่เขามากกว่านั้นด้วยซ้ำไป

ดังนั้นอยากให้ตั้งสติ ฟังเหตุผล คิดตามข้อมูลที่ผมให้มาทั้งหมดนี้ แล้วถามตัวเองสิว่า หากคุณเป็นลูกสาวผม
เมื่อสนิทกันขนาดนั้นคุณจะทำอย่างไร จะเงียบโดยไม่บอกน้องหรือไม่ และอย่าอ้างว่าก็น้องคุณบอกว่าไม่รู้
(น้องบอกแล้วว่าพี่แนทบอกแต่พี่อุ้มไม่ได้บอก ) เพราะเมื่อคุณคิดว่าน้องคุณบอกว่าไม่ได้บอก
แต่ลูกสาวผมยืนยันว่าบอก และตัวผม คนที่เป็นพ่อ ก็บอกว่าบอกพ่อแม่เขาก่อนแล้วในทันทีที่ตัดสินใจ
(ไม่ได้บอกแค่พ่อแม่สตางค์แต่บอกพ่อแม่เมมหลายคน แต่ก็บอกพ่อแม่สตางค์เป็นคนแรก)
คุณสามารถคิด และเชื่อในสิ่งที่คุณอยากจะเชื่อ แต่คุณไม่มีสิทธิ์ตัดสินลูกสาวผมด้วยความเชื่อของคุณ สวัสดีครับ

https://www.facebook.com/Dusitkitis/posts/3533802853327106
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่