ผมเคยนำเสนอไปแล้วเรื่องอาณาจักรซาราวะก์ ที่เป็นผลส้มหล่นของเจมส์ บรูก จากการที่เขาได้ปราบปรามกบฏราชสำนักบรูไนจนได้รับดินแดนมา
แม้ว่า อาณาจักรซาราวะก์ จะเป็นอาณาจักรคริสต์ ทั้งตัวผู้ปกครองและชนพื้นเมืองเอง แต่ เจมส์ บรูก ไม่ได้เป็นชนพื้นเมือง ยังเป็นคนของอังกฤษ
หนำซ้ำ ทั้งตัว เจมส์ บรูก และราชาที่สืบทอดตำแหน่งและดินแดนนั้น ก็ล้วนเกิดและตายที่อังกฤษ ไม่เคยมีใครอยู่อย่างถาวรสักเท่าไรนัก
แต่กระทู้นี้ จะพูดถึงอาณาจักรคริสต์ ที่เกิดขึ้นโดยชนพื้นเมือง แห่งเดียวในอาเซียน (หากไม่นับรวมกษัตริย์บางองค์ของทางฟิลิปปินส์)
อาณาจักรนี้ มีชื่อว่า ลารันตูกา (Larantuka) ตั้งอยู่ในเกาะฟอเรสของอินโดนีเซียปัจจุบัน อยู่ในจังหวัดนูซาตังกะราตะวันออก
ตามความเชื่อของชาวพื้นเมือง กษัตริย์ลารันตูกาสืบเชื้อสายจากชาวอาณาจักรเวหะเล ไววูกู (Wehale Waiwuku) จากทางตอนใต้ของเกาะติมอร์
และหญิงลึกลับที่มาจากแถวภูเขาอิเลมันดิริ (Ile Mandiri) พงศาวดารชวาระบุยังถึงดินแดน กาลีเยา และ โซโลต ว่าอยู่ทางตะวันออกของเกาะบาหลี
เชื่อกันว่า ลารันตูกา มีความสัมพันธ์กับมัชปาหิตในฐานะรัฐบรรณาการหรือจากการค้าขาย เพราะพบการค้าขายไม้จันทน์จากติมอร์ระหว่างกันด้วย
เมื่อชาวโปรตุเกสได้เข้ายึดอาณาจักรมะละกาในปี 1511 พวกเขาได้พบกับไม้จันทน์ที่มาจากบริเวณเกาะติมอร์ (บ้างก็ว่าเกาะฟอเรสเอง)
ชาวโปรตุเกสจึงเข้ามาตั้งแหล่งหลักเพื่อค้าขาย แต่ภายหลัง ชาวมากัสซาได้เข้าโจมตีชนพื้นเมือง ตามด้วยพวกดัตช์ที่เข้ามาขับไล่โปรตุเกสออกไป
กษัตริย์องค์แรกที่ได้รับศีลล้างบาป คือ โอลา อะโดบาลา (Ola Adobala) กษัตริย์องค์ที่เก้าแห่งลารันตูกา ซึ่งได้รับการศึกษาจากโปรตุเกสด้วย
อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานพูดถึง ดอม คอนสตาติโน (Dom Constantino) จึงอาจจะเป็นไปได้ว่า อะโดบาลา ไม่ใช่องค์แรกที่ได้รับศีลล้างบาป
หลังจากนั้นเป็นต้นมา กษัตริย์ลารันตูกา จึงได้คำนำหน้าว่า Don เพื่อแสดงถึงความเป็นกษัตริย์คริสต์ และทำให้ศาสนาคริสต์เผยแพร่ไปทั่วอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม การเข้ารีตคริสตศาสนาของกษัตริย์ลารันตูกา ทำให้ลารันตูกาต้องเผชิญกับความขัดแย้งกับอาณาจักรมุสลิมรอบข้างอยู่ไม่ใช่น้อย
รัฐสุลต่านบีมา ที่อยู่ทางตะวันตกของอาณาจักร ได้บีบบังคับให้ลารันตูกามอบดินแดนให้ เช่นเดียวกับอีกหลายรัฐใกล้เคียงที่เข้ามายึดครองดินแดน
ปี 1851 โปรตุเกสได้มอบดินแดนของลารันตูกาให้กับดัตช์ เพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่ รัฐโปรเตสแตนต์ดัตช์ จะยังให้การรับรองคาทอลิกในอาณาจักรอยู่
ตั้งแต่นั้นมา ดัตช์จึงเข้ายึดครองอาณาจักรลารันตูกา ก่อนที่จะประกาศรวมอาณาจักรเข้ากับอาณานิคมอินเดียตะวันออกในอีกหลายปีให้หลังจากนั้น
กษัตริย์องค์สุดท้ายของลารันตูกา มีพระนามว่า ดอน โลเรนโซที่ 2 ได้พยายามคิดจะแยกตัวจากดัตช์โดยเอาภาษีดินแดนไปแทรกแซงรัฐใกล้เคียง
ดอน โลเรนโซ เข้าแทรกแซงปัญหาภายในของรัฐราชาสิกกาที่อยู่ทางตะวันตก แต่กลับปฏิเสธที่จะรับผิดชอบอย่างที่บรรพบุรุษเคยทำก่อนหน้านี้
ดัตช์แก้ปัญหานี้ ด้วยการขับไล่ดอน โลเรนโซ ออกจากราชบัลลังก์และเนรเทศไปยังเกาะชวาในปี 1904 และสวรรคตลงในปี 1910 สิ้นสุดอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ แม้ว่าจะไม่มีอำนาจหรือบทบาทใดๆ ตามกฎหมายของประเทศอินโดนีเซีย แต่พระราชวงศ์ลารันตูกา ยังเป็นเสาหลักของเมืองอยู่
ลูกหลานราชวงศ์ลารันตูกา ยังครองตำแหน่งผู้อ้างสิทธิ์ฯ อยู่ โดยองค์ล่าสุดมีพระนามว่า ดอน อันเดรที่ 3 มาธีนุส (Don Andre III Marthinus DVG)
ชาวเมืองลารันตูกา เรียกพระเยซูกับพระแม่มารีย์ว่า ตวนอะนา และ ตวนมา อยู่ ทั้งยังแห่รูปปั้นของทั้ง 2 พระองค์ในช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ
อาสนวิหารพระแม่ที่เมืองลารันตูกาที่สร้างขึ้นในยุคอาณาจักร เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างศิลปะยุโรปผสมกับศิลปะพื้นเมืองอย่างลงตัว
ปัจจุบัน ทั้งในเขตแดนอาณาจักรและในทั้งจังหวัดนูซาตังกะราตะวันออก ล้วนนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก โดยกลุ่มชนพื้นเมืองนั้นเอง
อาณาจักรคริสต์ (โดยชนพื้นเมือง) แห่งเดียวในอาเซียน
แม้ว่า อาณาจักรซาราวะก์ จะเป็นอาณาจักรคริสต์ ทั้งตัวผู้ปกครองและชนพื้นเมืองเอง แต่ เจมส์ บรูก ไม่ได้เป็นชนพื้นเมือง ยังเป็นคนของอังกฤษ
หนำซ้ำ ทั้งตัว เจมส์ บรูก และราชาที่สืบทอดตำแหน่งและดินแดนนั้น ก็ล้วนเกิดและตายที่อังกฤษ ไม่เคยมีใครอยู่อย่างถาวรสักเท่าไรนัก
แต่กระทู้นี้ จะพูดถึงอาณาจักรคริสต์ ที่เกิดขึ้นโดยชนพื้นเมือง แห่งเดียวในอาเซียน (หากไม่นับรวมกษัตริย์บางองค์ของทางฟิลิปปินส์)
อาณาจักรนี้ มีชื่อว่า ลารันตูกา (Larantuka) ตั้งอยู่ในเกาะฟอเรสของอินโดนีเซียปัจจุบัน อยู่ในจังหวัดนูซาตังกะราตะวันออก
ตามความเชื่อของชาวพื้นเมือง กษัตริย์ลารันตูกาสืบเชื้อสายจากชาวอาณาจักรเวหะเล ไววูกู (Wehale Waiwuku) จากทางตอนใต้ของเกาะติมอร์
และหญิงลึกลับที่มาจากแถวภูเขาอิเลมันดิริ (Ile Mandiri) พงศาวดารชวาระบุยังถึงดินแดน กาลีเยา และ โซโลต ว่าอยู่ทางตะวันออกของเกาะบาหลี
เชื่อกันว่า ลารันตูกา มีความสัมพันธ์กับมัชปาหิตในฐานะรัฐบรรณาการหรือจากการค้าขาย เพราะพบการค้าขายไม้จันทน์จากติมอร์ระหว่างกันด้วย
เมื่อชาวโปรตุเกสได้เข้ายึดอาณาจักรมะละกาในปี 1511 พวกเขาได้พบกับไม้จันทน์ที่มาจากบริเวณเกาะติมอร์ (บ้างก็ว่าเกาะฟอเรสเอง)
ชาวโปรตุเกสจึงเข้ามาตั้งแหล่งหลักเพื่อค้าขาย แต่ภายหลัง ชาวมากัสซาได้เข้าโจมตีชนพื้นเมือง ตามด้วยพวกดัตช์ที่เข้ามาขับไล่โปรตุเกสออกไป
กษัตริย์องค์แรกที่ได้รับศีลล้างบาป คือ โอลา อะโดบาลา (Ola Adobala) กษัตริย์องค์ที่เก้าแห่งลารันตูกา ซึ่งได้รับการศึกษาจากโปรตุเกสด้วย
อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานพูดถึง ดอม คอนสตาติโน (Dom Constantino) จึงอาจจะเป็นไปได้ว่า อะโดบาลา ไม่ใช่องค์แรกที่ได้รับศีลล้างบาป
หลังจากนั้นเป็นต้นมา กษัตริย์ลารันตูกา จึงได้คำนำหน้าว่า Don เพื่อแสดงถึงความเป็นกษัตริย์คริสต์ และทำให้ศาสนาคริสต์เผยแพร่ไปทั่วอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม การเข้ารีตคริสตศาสนาของกษัตริย์ลารันตูกา ทำให้ลารันตูกาต้องเผชิญกับความขัดแย้งกับอาณาจักรมุสลิมรอบข้างอยู่ไม่ใช่น้อย
รัฐสุลต่านบีมา ที่อยู่ทางตะวันตกของอาณาจักร ได้บีบบังคับให้ลารันตูกามอบดินแดนให้ เช่นเดียวกับอีกหลายรัฐใกล้เคียงที่เข้ามายึดครองดินแดน
ปี 1851 โปรตุเกสได้มอบดินแดนของลารันตูกาให้กับดัตช์ เพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่ รัฐโปรเตสแตนต์ดัตช์ จะยังให้การรับรองคาทอลิกในอาณาจักรอยู่
ตั้งแต่นั้นมา ดัตช์จึงเข้ายึดครองอาณาจักรลารันตูกา ก่อนที่จะประกาศรวมอาณาจักรเข้ากับอาณานิคมอินเดียตะวันออกในอีกหลายปีให้หลังจากนั้น
กษัตริย์องค์สุดท้ายของลารันตูกา มีพระนามว่า ดอน โลเรนโซที่ 2 ได้พยายามคิดจะแยกตัวจากดัตช์โดยเอาภาษีดินแดนไปแทรกแซงรัฐใกล้เคียง
ดอน โลเรนโซ เข้าแทรกแซงปัญหาภายในของรัฐราชาสิกกาที่อยู่ทางตะวันตก แต่กลับปฏิเสธที่จะรับผิดชอบอย่างที่บรรพบุรุษเคยทำก่อนหน้านี้
ดัตช์แก้ปัญหานี้ ด้วยการขับไล่ดอน โลเรนโซ ออกจากราชบัลลังก์และเนรเทศไปยังเกาะชวาในปี 1904 และสวรรคตลงในปี 1910 สิ้นสุดอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ แม้ว่าจะไม่มีอำนาจหรือบทบาทใดๆ ตามกฎหมายของประเทศอินโดนีเซีย แต่พระราชวงศ์ลารันตูกา ยังเป็นเสาหลักของเมืองอยู่
ลูกหลานราชวงศ์ลารันตูกา ยังครองตำแหน่งผู้อ้างสิทธิ์ฯ อยู่ โดยองค์ล่าสุดมีพระนามว่า ดอน อันเดรที่ 3 มาธีนุส (Don Andre III Marthinus DVG)
ชาวเมืองลารันตูกา เรียกพระเยซูกับพระแม่มารีย์ว่า ตวนอะนา และ ตวนมา อยู่ ทั้งยังแห่รูปปั้นของทั้ง 2 พระองค์ในช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ
อาสนวิหารพระแม่ที่เมืองลารันตูกาที่สร้างขึ้นในยุคอาณาจักร เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างศิลปะยุโรปผสมกับศิลปะพื้นเมืองอย่างลงตัว
ปัจจุบัน ทั้งในเขตแดนอาณาจักรและในทั้งจังหวัดนูซาตังกะราตะวันออก ล้วนนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก โดยกลุ่มชนพื้นเมืองนั้นเอง