บทความตามใจฉัน “SNES Winner of 16” Part 2

อย่างที่สามคือ Sound Chip
ในสมัยนั้น ระบบเสียงของ SNES ถือว่าเป็นอะไรที่ล้ำหน้ามากเนื่องจากเสียงที่สร้างออกมานั้นมีความใกล้เคียงเสียงจากเครื่องดนตรีจริง ๆ มากที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องเล่นเกมจากคู่แข่งในขณะนั้น ทุกวันนี้เพลงที่จากสร้างออกมาจาก Sound Chip ของ SNES ยังคลาสสิกเสมอและมีผู้คนที่ฟังเพลงเหล่านั้นอยู่จนถึงปัจจุบัน บางเพลงมีคุณภาพที่เกือบเทียบเท่าเพลงจากเกมในปัจจุบันเลยทีเดียว เช่นเพลงประกอบจากเกม Donkey Kong Country 2 เป็นต้น
ตัวอย่างเพลงประกอบของ Donkey Kong Country 2 อยู่ใน Link ข้างล่าง
https://www.youtube.com/watch?v=5IUXyzqrZsw
 

 
ถ้าผู้อ่านอยากลองเปรียบเทียบเสียงเพลงที่ Sound Chip ของ SNES กับ Sound Chip ในปัจจุบันสร้างออกมาได้ ส่วนตัว ผู้เขียนขอแนะนำเพลงประกอบจากเกม The Ninja Warriors Again เกมแนวเดินหน้าลุยด่านสุดคลาสสิกจากยุค 90s ที่ซึ่งถูกนำมา Remaster จำหน่ายอีกครั้งมาเป็นตัวอย่างในการเปรียบเทียบ
 
Link ข้างล่างนี้คือ OST ฉากที่ 1 ของเกม The Ninja Warriors Once Again (ภาค Remaster ออกวางจำหน่ายเมื่อปี 2019)
https://www.youtube.com/watch?v=05PCwQInDvk
 
ส่วน Link นี้คือ OST ฉากที่ 1 ของเกม The Ninja Warriors Again บนเครื่อง SNES ออกวางจำหน่ายเมื่อปี 1994
https://www.youtube.com/watch?v=awD7ZeyrviI
 
จะเห็นว่าจังหวะของดนตรีในภาค Remaster จะเร็วกว่า คาดว่าเพราะ Chip ประมวลผลได้เร็วกว่าหรือไม่ก็ผู้พัฒนาจงใจเร่งจังหวะเพื่อให้เกมกระชับขึ้น ส่วนเสียงที่ออกมานั้นส่วนใหญ่ใกล้เคียงกันมากโดยเพลงในภาค Remaster จะมีเสียงของทุ้มที่นุ่มขึ้นและเสียงเครื่องดนตรีที่ครบขึ้นเมื่อเทียบกับ SNES โดยเห็นได้ชัดในวินาทีที่ 50

อีกทั้งเสียงของบางเครื่องดนตรีที่ Chip รุ่นใหม่ให้เสียงได้ตรงเสียงเครื่องดนตรีจริง ๆ มากกว่า เช่นเสียงขลุ่ยในเพลง OST ของ Boss ตัวที่ 5
 

 
สาเหตุที่ความแตกต่างระหว่าง Sound Chip ของ SNES กับของเครื่องคู่แข่งเช่น Sega Genesis หรือ PC-Engine มีมากขนาดนี้ มาจาก
 
1. วิธีการสร้างเสียง
Genesis ใช้วิธีสร้างเสียงแบบ FM ซึ่งเป็นการสังเคราะห์เสียงออกมาตามประเภทเครื่องดนตรีและ Note ที่กำหนดไว้ ซึ่ง Sound Chip แบบ FM นี้ถูกใช้อยู่บนเครื่องเกมอาเขตของ SEGA มาก่อนจึงทำให้ผู้ออกแบบเชื่อว่าการใช้ FM Sound Chip บนเครื่องคอนโซลก็น่าจะได้ผลใกล้เคียงกัน แต่ในการใช้งานจริงนั้น เนื่องจากการควบคุมต้นทุนทำให้ Sound Chip ที่ติดตั้งบน Genesis ถูกลดสเปกลงมาและทำให้ความสามารถและคุณภาพเสียงที่ออกมาลดลงตามไปด้วย เช่น ช่องเสียงจาก 8 Channels ลดลงเหลือ 6 Channels
 
อธิบาย: ให้มองว่าช่องเสียงแทนเครื่องดนตรี 1 ชิ้น จำนวนช่องเสียงที่มากขึ้นหมายถึงจำนวนเครื่องดนตรีที่ให้เสียงออกมาได้ในเวลาเดียวกันนั้นจะเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างจากการเล่นเปียนโน 1 ช่องเสียงคือผู้เล่นเพลงจะสามารถกดคีย์ได้ทีละคีย์เพื่อเล่นเพลง 2 ช่องเสียงคือกดคีย์ได้ทีละสองคีย์พร้อม ๆ กัน เป็นต้น
แน่นอนว่าเสียงแอฟแฟกต่าง ๆ ก็ใช้ช่องเสียงด้วยเช่นกัน 
 

 
ส่วน PC-Engine นั้นใช้วิธี Wavetable synthesis หรือก็คือการใส่ตัวอย่างเสียงจากเครื่องดนตรีจริงลงไปใน Rom แล้วให้ชิปสร้างเสียงจากข้อมูลตัวอย่างเสียงที่เก็บไว้ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลกว่าการใช้ FM Sound Chip อย่างเห็นได้ชัดแม้จะมีช่องเสียงให้เพียง 6 Channels เท่ากับ Sega Genesis

ในบทความเกี่ยวกับ PC-Engine นั้นเคยมีการพูดถึงเสียงที่สร้างออกมา ผู้ที่สนใจสามารถอ่านได้ใน Link ข้างล่าง
https://www.facebook.com/pg/uptomejournal/photos/?tab=album&album_id=488750958371913

แต่กระนั้น ด้วยการออกแบบเพื่อลดต้นทุน, ปัญหาทางเทคนิคหรือสาเหตุอื่น ๆ คุณภาพของตัวอย่างเสียงที่สามารถเก็บได้นั้นสูงสุดอยู่ที่ 5Bit (เสียงจาก CD ในยุคนั้นมีคุณภาพเสียงที่ 16Bit) และขนาดข้อมูลตัวอย่างเสียงทั้งหมดจะต้องไม่เกิน 32 kilobit (Kb)  หรือ 4 kilobyte (KB)
 

 
ทีนี้มาดูชิปเสียงของ SNES กัน
Sound Chip ของ SNES ชื่อ SPC700 เองก็ใช้วิธี Wavetable synthesis ในการสร้างเสียงเช่นกันแต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างคือประสิทธิ์ภาพของ Chip ในภาพรวม ไม่ว่าจะเป็น

- ตัวชิปที่ประมวลผลได้ด้วยตัวเองเพราะทำงานเป็น Co-CPU ช่วยให้ภาระการทำงานของ CPU ลดลงและการสังเคราะห์เสียงสามารถทำได้เต็มประสิทธิ์ภาพเพราะไม่ต้องคำนึงถึงโหลดงานของ CPU เหมือน PC-Engine ที่ให้ CPU หลักที่ชิปประมวลผลแค่ 8-bit รับงานประมวลผลสังเคราะห์เสียงควบเข้าไปด้วย

- ช่องเสียงที่มีให้ใช้ได้ถึง 8 Channels, คุณภาพของตัวอย่างเสียงสูงสุดได้ถึง 9 Bit (คุณภาพครึ่งหนึ่งของเสียงจาก CD) และพื้นที่ของ Rom เพื่อเก็บตัวอย่างเสียงนั้นใหญ่ถึง 64Kb หรือ 8 KB นี่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คุณภาพเสียงของ SNES ได้รับการกล่าวขานจนถึงปัจจุบัน
 

 
2. เครื่องมือในการสร้างเสียง
ในการโปรแกรมให้ Sound Chip อย่างเสียงออกมานั้นจำเป็นต้องใช้โปรแกรมเครื่องมือในการสร้างเสียงตาม note เพลงที่ได้ออกแบบไว้ ความแตกต่างของโปรแกรมที่ใช้คือ เครื่องมือของ SNES นั้นสามารถทำงานบน Window ที่เป็นระบบปฏิบัติการล่าสุดที่ทำงานแบบ multitask ได้และได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนั้น ขณะที่เครื่องมือของ Genesis ยังต้องทำงานบน DOS อยู่ ส่วน PC-Engine ไม่มีข้อมูลว่าทำงานบน OS อะไร

ผลคือ นอกจากจะใช้งานง่ายกว่าแล้วยังทำให้ผู้ใช้สามารถใช้โปรแกรมประกอบอื่น ๆ ได้ในเวลาเดียวกัน ทำให้งานที่ออกมามีคุณภาพตามที่ต้องการมากขึ้น
 

 
สาเหตุที่ Nintendo ซึ่งปรกตินิยมใช้ hardware ที่หาได้ง่าย ประสิทธิ์ภาพพอตอบโจทย์ในราคาคุ้มค่าแต่กลับมี Sound Chip ที่ก้าวหน้าเกือบจะที่สุดในยุคนั้นก็เพราะ Nintendo ไม่ได้เป็นคนสร้างชิปดังกล่าวขึ้นมาเองแต่มีคนมาเสนอพัฒนาชิปให้ โดย Sound Chip ที่ก้าวหน้าที่สุดของยุคอยู่ในเครื่อง Neo Geo เป็นแบบ FM ที่มีช่องเสียงให้ใช้มากถึง 15 Channels
 
ซึ่งผู้อ่านอาจจะรู้ตั้งแต่เห็นรูปประกอบแล้วว่าผู้ที่สร้าง Sound Chip ตัวนี้ขึ้นมาคือ Sony
ถ้าพูดจะให้ถูกต้องก็คือ พนักงานคนหนึ่งของ Sony เป็นคนริเริ่มพัฒนาชิปตัวนี้ขึ้นมา
 

 
เรื่องมีอยู่ว่าช่วงปลาย 80s พนักงานคนนี้ได้เห็นลูกสาวเล่นเกมของ Famicom และเกิดความสนใจในวิดีโอเกมขึ้นมา เมื่อ Nintendo กำลังหา Sound Chip ที่จะใช้กับเครื่อง SNES เค้าจึงเข้าไปติดต่อเพื่อขอเสนอโครงการเพื่อพัฒนาและผลิตชิปดังกล่าวให้และไม่รู้ว่าไปชักจูงอีกฝ่ายอย่างไรแต่ Nintendo ตกลงที่จะให้พนักงานของ Sony คนนี้พัฒนาชิปให้
 

 
การพัฒนาชิปนี้มีปัญหาใหญ่อยู่อย่างเดียวคือ Sony ในขณะนั้นไม่ได้ให้ความสนใจในธุรกิจเครื่องเกมคอนโซลเลยแม้แต่น้อย นั้นหมายความว่าหากเค้าเสนอขออนุมัติโครงการนี้ไปตามกระบวนการย่อมต้องถูกปัดตกอย่างแน่นอน พนักงานคนนี้จึงแอบทำโครงการดังกล่าวอย่างลับ ๆ แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้ เรื่องนี้ร้ายแรงขนาดว่าต้องมีการส่งเรื่องขึ้นถึงบอร์ดผู้บริหารของ Sony เพื่อตัดสินใจ 

เหล่าผู้บริหารที่ทราบเรื่องหัวเสียมากและตัดสินใจจะไล่พนักงานคนนี้ออกแต่ Norio Ohga (โนริโอะ โอกะ) CEO ของ Sony ในขณะนั้นคิดต่างออกไป 
ผู้เขียนไม่มีข้อมูลว่าทำไมหรือเค้าคิดอะไรแต่โดยสรุปคือ โนริโอะ โอกะ ไม่เห็นด้วยกับการไล่พนักงานคนนี้ออกและตัดสินใจอนุมัติให้โครงการนี้ดำเนินต่อไปได้ภายใต้การดูแลพนักงานคนนี้ที่เป็นเจ้าของไอเดียและผู้ริเริ่มเอง
 

 
ในที่สุดการออกแบบ SPC700 ก็เสร็จและได้รับการผลิตตัวอย่างออกมามอบให้แก่ Nintendo เพื่อทดสอบ 
Nintendo พอใจใน Sound Chip นี้มากจนมีการสั่ง Mass Produce เพื่อนำไปติดตั้งในเครื่อง SNES ของตน 
ทำให้นี่เป็นการเปิดม่านสู่ศักราชใหม่ในหลาย ๆ ด้าน 

- ทั้งความนิยมในเพลงประกอบจาก Game

- การเปลี่ยนผ่านของ Sound Chip ในเครื่องเกมจากที่ใช้เทคนิคการสังเคราะห์เสียงแบบ FM ไปสู่ Pulse-code modulation ที่ใช้วิธีสร้างสัญญาณเสียงอนาล็อกจากข้อมูลดิจิตอล

-ความสัมพันธ์ระหว่าง Sony และ Nintendo ในธุรกิจเกมคอนโซล

รวมถึง

จุดเริ่มต้นสู่อรุณใหม่ที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาตร์ของเกมคอนโซล
 

 
ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด Facebook Page “บทความตามใจฉัน” 
โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/uptomejournal/
 

 
REF
https://mechafatnick.co.uk/2016/08/19/the-mysterious-legacy-of-the-snes-soundchip/#player1?catid=0&trackid=0
 
https://en.wikipedia.org/wiki/Super_Nintendo_Entertainment_System#Audio
 
https://pichetaunna.wordpress.com/%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94-sound-card/
 
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Sega_arcade_system_boards
 
https://www.eurogamer.net/articles/farewell-father-article
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่