ย้อนรอยชีวิตของ Glenn Close จากสุดยอดนักแสดงสู่เจ้าของสถิติพลาดรางวัลออสการ์ 7 ครั้งรวด!


มีใครจะอกหักไปมากกว่านี้อีกไหม? คำถามแทงใจสำหรับเรื่องความรักไม่ว่าจะวัยไหน แต่คำว่า “อกหัก” นำมาอธิบายเรื่องความคาดหวังได้เช่นกัน รางวัลออสการ์ผู้ได้รับรางวัลคือเกียรติยศสูงสุดในเส้นทางภาพยนตร์ แต่ในทางกลับกันผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงก็อาจจะมีความผิดหวังไม่มากก็น้อย ถึงแม้ว่าใบหน้าอันยิ้มแย้มของเหล่าผู้เข้าชิงรางวัลจะปรากฏเมื่ออยู่ในงานและแสดงความยินดีต่อผู้ได้รับรางวัลเสมอ ในอีกแง่มุมหนึ่งมันคือความเสียใจที่เหมือนกับการไปไม่ถึงดวงดาวเสียที บางคนรอครั้งแล้วครั้งเล่า ปีแล้วปีเล่า จนบางทีการรอคอยเหล่านี้ส่งความรู้สึกต่อไปถึงแฟนคลับจนทำให้รู้สึกสะเทือนใจกับความผิดหวังที่คนกลุ่มนี้ได้รับ วันนี้เราจะพาย้อนรอยดูเส้นทางความผิดหวังอันยาวนานของนักแสดงหญิงคนหนึ่งที่รอรางวัลนี้มากว่าค่อนชีวิต พร้อมเปิดประวัติบุคลากรที่จะกลายเป็นตำนานในเวลาอันใกล้นี้



Glenn Close คือบุคคลที่เรากำลังพูดถึง ในปีนี้นักแสดงวัย 71 ปีสร้างชื่ออีกครั้งด้วยบทนำในภาพยนตร์เรื่อง ‘The Wife’ บทภรรยาของสามีที่ได้รับรางวัลโนเบลต้องเผชิญกับโชคชะตาในความดีใจ ขมขื่นและเก็บซ่อนความลับอะไรไว้ ด้วยประสบการณ์และความเข้าใจบทบาทเธอถ่ายทอดมันออกมาได้จริงเสียยิ่งกว่ายิ่งทุกอารมณ์ อิริยาบถถูกส่งผ่านจอเงินมาสู่สายตาผู้ชมในชนิดที่ว่านึกว่าอยู่ในเหตุการณ์ด้วย นั่นทำให้นักแสดงเจ้าบทบาทคนนี้ได้กลับเข้ามาอยู่ในลิสต์ผู้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมอีกครั้ง เพื่อลุ้นรางวัลตุ๊กตาทองตัวแรกของเธอ


ถ้าย้อนกลับไปวันที่ 19 มีนาคม 1947 เป็นเวลาประมาณ 2 ปีหลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 คือเวลาที่หน้าแรกของบทละครชีวิตจริงของผู้หญิงที่ชื่อว่าเกลนน์ถือกำเนิดขึ้นโดยมีพี่น้องอีก 2 คนคือ Tina และ Jessie (ภายหลังพ่อแม่รับลูกชายบุญธรรมอีก 2 คนคือ Alexander และ Tambu) เด็กน้อยในวันที่โลกเพิ่งสงบจากความวุ่นวายมา 5-6 ปี แต่เหมือนเด็กน้อยคนนี้เกิดมาพร้อมโอกาสและพรสวรรค์เพราะไม่ว่ากิจกรรมทางการแสดงใดตอนเด็ก ๆ สาวน้อยคนนี้สามารถสวมบทบาทได้แทบทุกคาแรกเตอร์ นี่เป็นเหตุผลให้เกลนน์ซึบซับทุกแง่มุมของทุก ๆ ตัวละครสั่งสมเป็นประสบการณ์ชั้นเลิศมาตั้งแต่วัยกระเตาะ เป็นพรแสวงที่สอดแทรกอยู่กับพรสวรรค์อย่างสมบูรณ์แบบ


แต่แน่นอนว่าเส้นทางนักแสดงวัยเยาว์ต้องมีบางอย่างปิดกั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เพิ่งผ่านพ้นปัญหาใหญ่มา เกลนน์วัย 7 ขวบและครอบครัวเข้ากลุ่ม Moral Re-Armament (MRA) หรือกลุ่มที่คอยขัดเกลาศีลธรรมให้อยู่ภายใต้กรอบความเชื่อนั้น ๆ นั่นทำให้ความฝันการเป็นนักแสดงเริ่มขุ่นมัว เพราะการเข้าร่วมกลุ่มการปฏิบัตินี้จะต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบตั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงการพูด ต้องทำความเข้าใจก่อนว่ายุคสมัยนั้นความคิดแบบเสรีนิยมไม่ใช่หัวใจหลักและเด็กไม่สามารถเลือกที่จะเชื่อแบบนั้นได้เท่าไหร่นัก ถึงแม้ครอบครัวของเกลนน์จะร่ำรวยมีฐานะแต่กลับอยู่ในลัทธิความเชื่อแบบเก่า ซึ่งมักถูกมองดั่งคำว่า “ผู้ดีตีนแดง” หากเปรียบเป็นภาษาไทย นั่นทำให้สาวน้อยมักจะหลีกเลี่ยงการบอกบ้านเกิดให้ผู้อื่นได้รับรู้ (ในขณะนั้น) เพราะไม่อยากถูกมองว่าทำอะไรไม่เป็น เป็นลูกคนรวยทำตัวสบายไปวัน ๆ



หลังจากอยู่ในกรอบมาเป็นเวลาสักพักความชื่นชอบของเกลนน์ต้องการจะแหวกออกนอกกรอบเต็มที่ แต่เธอยังต้องเดินไปกับพ่อแม่ไปเปิดคลีนิกที่เบลเจียนคองโก (สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในปัจจุบัน) ตามแนวทางของกลุ่มเอมอาร์เอ เธอใช้เวลาเหล่านี้ค่อย ๆ ปีนออกจากอ้อมอกพ่อแม่ ในวัย 13 ปีสาวน้อยเริ่มใช้ชีวิตเป็นของตัวเองมากขึ้นและไปเรียนที่สวิตเซอร์แลนด์และกลับมาเรียนต่อที่บ้านเกิดในคอนเนกติกัตจนจบช่วงปี 1965 ช่วงเวลาหลังจากนั้นสาวน้อยก็เริ่มใช้ชีวิตอย่างเต็มตัวครั้งแรกด้วยการออกทัวร์กับวงดนตรีกลุ่มชนชั้นสูงทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นเวลากว่า 4 ปี จนกระทั่งปี 1970 เธอได้แยกตัวออกจากวงดนตรีและลงเรียนเกี่ยวกับมานุษยวิทยาและศิลปะการแสดงซึ่งเป็นสิ่งที่เธอชอบมาตลอดชีวิตที่ The College of William & Mary ระหว่างการเรียน 4 ปีเธอมีความสุขมากกับการเจอสิ่งใหม่ ๆ ในเส้นทางที่ตัวเองใฝ่ฝัน เธอพยายามเรียนรู้ ฝึกฝน สังเกตแทบทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อพัฒนาตัวเอง และนี่คือจุดเริ่มต้นสายการแสดงอย่างเป็นรูปธรรม



หลังจากเรียนจบเหมือนพรสวรรค์มันสว่างจ้าจนเธอได้รับโอกาสแสดงละครบรอดเวย์ทันทีในปี 1974 เรื่อง ‘Love for Love’ นั่นทำให้เกลนน์ติดใจและเอาทักษะการแสดงจากละครเวทีมาใช้ในภาพยนตร์ได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ใครจะเชื่อว่าสุดยอดนักแสดงคนนี้เคยกล่าวไว้ว่า ว่า “ฉันคิดถึงแต่การแสดงบนเวที ฉันไม่เคยนึกถึงเรื่องภาพยนตร์เลย” สะท้อนความคิดรักการแสดงสดและตัวตนของนักแสดงคนนี้ผ่านผลงานทุกชิ้นได้เป็นอย่างดี ความสุดยอดจากทักษะการแสดงเหล่านั้นกำลังจะพาเธอก้าวสู่บทชีวิตบทใหม่ ความนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปของอุตสาหกรรมบันเทิงที่เปลี่ยนจากการแสดงบนเวทีสู่วงการจอเงิน...นั่นทำให้เกลนน์ถูกแมวมองจับตาและเริ่มต้องเตรียมปรับตัวสู่หนังสือหน้าใหม่ในชีวิต



ขอบคุณเครดิต : https://www.vogue.co.th/fashion/article/yymtbbfashion

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่