วัดในสมัยพญากือนา ... วัดโลกโมฬี

วัดโลกโมฬีตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองชั้นใน ด้านทิศเหนือ ของเมืองเชียงใหม่
มีเจดีย์ที่คุ้นตาในสำนักงานปศุสัตว์ รั้วสีเขียวมาตั้งแต่เด็ก จนเรียนจบ ย้ายออกจากเชียงใหม่
เมื่อได้กลับไปอีกครั้ง สร้างเป็นวัดที่สวยงามในปัจจุบัน



ปรากฎชื่อครั้งแรกในสมัยพญากือนา กษัตริย์ลำดับที่ 6 ราชวงศ์มังราย
พระองค์ทรงได้ยินกิตติคุณของพระอุทุมพรบุปผามหาสวามี พระภิกษุชาวลังกาที่จำพรรษาอยู่เมืองนครพัน (เมาะตะมะ) จึงส่งทูตไปอาราธนามาเชียงใหม่
พระอุทุมพรบุปผามหาสวามีซึ่งชราภาพแล้ว จึงส่งพระอานันทเถระหลานชาย และคณะสงฆ์ 10 รูปมาแทน
พญากือนาจึงโปรดฯ ให้คณะสงฆ์ดังกล่าวไปจำพรรษา ณ วัดโลกโมฬี

ต่อจากนี้คือ
เมื่อพระอานันทเถระมาถึง ก็ไม่สามารถอุปัชฌาย์ชาวเชียงใหม่ตามคติลังกาวงศ์ตามประสงค์พญากือนาได้ 
เพราะพระอุทุมพรบุปผามหาสวามี ได้ตั้งพระเถระผู้ใหญ่ 2 รูป ชาวสุโขทัย คือ พระสุมนเถระ และ พระอโนมทัสสีเถระ ให้เป็นอุปัธยาจารย์ในนิกายลังกาวงศ์แล้ว
พญากือนาจึงส่งฑูตลงมาทูลขอพระสุมนเถระจากพญาไสยลือไทแห่งสุโขทัย ไปเชียงใหม่ >>> วัดพระยืน - ลำพูน >>> วัดสวนดอก เชียงใหม่

พ.ศ. 2070 พญาเกศเชษฐราช กษัตริย์ลำดับที่ 12 แห่งราชวงศ์มังราย ทรงถวายที่ดินบ้านหัวเวียงให้แก่วัดโลกโมฬี 
พ.ศ. 2071 ได้ทรงให้สร้างมหาเจดีย์และพระวิหาร เป็นพระอารามหลวงประจำพระองค์ 
พ.ศ. 2088 พญาเกศเชษฐราช ถูกลอบปลงพระชนม์  พระบรมอัฐิพระองค์ได้มาบรรจุไว้ที่วัดโลกโมฬี 

พระนางจิรประภามหาเทวี พระอัครมเหสีของพญาเกษ ขึ้นครองราชสมบัติ
สมเด็จพระไชยราชาธิราช กษัตริย์อยุธยา จึงยกทัพมาตีล้านนา พระนางได้ถวายเครื่องบรรณาการขอเป็นมิตร 
พร้อมทูลเชิญสมเด็จพระไชยราชาธิราชเสด็จมาทำบุญที่กู่พญาเกศ ณ วัดโลกโมฬี

เมื่อเชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า วัดอื่น ๆ ถูกเผา แต่วัดโลกโมฬีไม่ถูกเผา เพราะเป็นวัดสำคัญในพระราชสำนัก
แต่วัดมาร้างเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้เอง
พ.ศ. 2502 ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน

พ.ศ. 2544 ได้ยกวัดโลกโมฬีขึ้นเป็นวัด เป็นที่ตื่นตาของสาวเหนือยามปิ๊กบ้านมาก

ร่องรอยที่เหลือ มีฐานวิหารซึ่งได้สร้างวิหารใหม่ลงบนฐานเดิม
วันนี้จึงนำชมส่วนของเจดีย์ที่แสนจะชินตา ... เจดีย์ทรงปราสาทยอด 



ร่องรอยเก่าของฐานเจดีย์ มีลานประทักษิณและกำแพงแก้ว ตรงกลางมีร่องรอยแท่นบูชา หรือเป็นที่ตั้งหิ้งพระเจ้า







ฐานเขียงสามชั้น เหนือขึ้นไปเป็นฐานปัทม์อกไก่
ถัดไปเป็นฐานเขียงยกเก็จสามชั้น 





ฐานบัว อกไก่ ท้องไม้มีลวดลายในกรอบสี่เหลี่ยม



เรือนธาตุ เป็นปราสาทย่อมุม ประดับเทวดา มีซุ้มแก้ว ประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสี่ด้าน 





นาคสามเศียร คล้าย ๆ กระต่ายในวงกลมที่คอนาค  หัวเสาเป็นนก  สวดลายกนกผักกูด ลายก้านขด ดอกพุดตาน และอื่น ๆ อีกมากมาย

  


มุมนี้ตรงที่สุดที่จะเห็นหลวงพ่อข้างใน แต่ก็ติดสายต่าง ๆ เพียบ



ถัดไปเป็นส่วนยอด : บัวถลา องค์ระฆัง บัลลังก์ ก้านฉัตร ปัวฝาละมี ปล้องไฉน


ปลี ฉัตร ลูกแก้ว



ปิดท้ายด้วยสะพานไม้ข้ามคูเมืองหน้าวัด เพื่อเข้าสู่ด้านในกำแพง ตรงกับวัดมณเฑียร ที่จะพาไปเที่ยวต่อไป

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่