‘ศิษย์วัดชนะฯ’ ออกโรงป้อง ‘พระธรรมวชิรมงคล’ ติง ‘อ.จตุรงค์’ ใช้ถ้อยคำแรงเรียก ‘ไอ้เจ้าอาวาส’
‘ศิษย์วัดชนะฯ’ ออกโรงป้อง ‘พระธรรมวชิรมงคล’ ติง ‘อ.จตุรงค์’ ใช้ถ้อยคำแรงเรียก ‘ไอ้เจ้าอาวาส’ ชี้เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันคือ "พระธรรมวชิรมงคล" เข้ารับการรักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลมาตั้งแต่ปี 2566 ส่วนพระสงฆ์ที่ อ.จตุรงค์ เอ่ยถึง เป็น ผู้ช่วยเจ้าอาวาส แนะขอโทษอย่างเป็นทางการ ทั้งมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม ต่อ "พระธรรมวชิรมงคล"...
‘ศิษย์วัดชนะฯ’ ออกโรงป้อง ‘พระธรรมวชิรมงคล’ ติง ‘อ.จตุรงค์’ ใช้ถ้อยคำแรงเรียก ‘ไอ้เจ้าอาวาส’
ชี้เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันคือ "พระธรรมวชิรมงคล" เข้ารับการรักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลมาตั้งแต่ปี 2566 ส่วนพระสงฆ์ที่ อ.จตุรงค์ เอ่ยถึง เป็น ผู้ช่วยเจ้าอาวาส แนะขอโทษอย่างเป็นทางการ ทั้งมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม ต่อ "พระธรรมวชิรมงคล"
กรณี
อ.จตุรงค์ จงอาษา ให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแสเกี่ยวกับพระมหาอุเทน ปญฺญาปริทตฺโต วัดชนะสงคราม ที่มีการกล่าวพาดพิงถึงฆราวาส ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ไม่เหมาะสม เหยียบย่ำความเป็นมนุษย์ของฆราวาส ต่อแพรรี่ ไพรวัลย์ อ.เบียร์ รวมถึงตัวอ.จาตุรงค์ด้วยนั้น โดยมีช่วงหนึ่ง อ.จตุรงค์ กล่าวถึง เจ้าอาวาส โดยใช้คำว่า “ไอ้เจ้าอาวาส” ที่ปล่อยให้พระลูกวัดชนะสงคราม มีพฤติกรรมดังกล่าวนั้น
พระเมธีวัชรบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณหรรษา” เจ้าอาวาสวัดใหม่ยายแป้น ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ไอ้เจ้าอาวาสที่คุณจตุรงค์ถามหา กำลังพักรักษาอยู่ ณ โรงพยาบาล พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมวชิรมงคล เจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร ปัจจุบันอายุ 95 ปี เข้าใจว่าเป็นพระมหาเถระเชื้อสายมอญที่อาวุโสที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งเป็นพระมหาเถระที่เพียบพร้อมด้วยวิชชา และจรณะ และมักจะนำพระสงฆ์มอญเข้าไปเจริญพุทธมนต์ด้วยภาษามอญในพระราชพิธีสำคัญอยู่เสมอ
ส่วนตัวนั้น ตลอดเวลาที่เคยจำพรรษาเกือบ 5 ปี และอุปสมบท ณ วัดชนะสงคราม โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์นั้น ได้รับรู้มาโดยตลอดว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อ หรือที่พวกเราเรียกคุ้นหูในขณะนั้นว่า เจ้าคณะ 3 เป็นมหาเถระที่พูดน้อย อัธยาศัยดี วัตรปฏิบัติงดงาม ใส่ใจกิจวัตร บิณฑบาต ทำวัตร สวดมนต์ และเจริญพระกรรมฐานโดยตลอด เข้าทำวัตรในโบสถ์ก่อนพระรูปอื่นๆ รวมถึงใส่ใจพระหนุ่มเณรน้อยที่ตั้งใจศึกษาบาลีตามนโยบายหลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์
ในปัจฉิมวัย พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ เข้าพักรักษาตัวอยู่ ณ โรงพยาบาลธนบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2566 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระมหากรุณาทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. 2566 โดยมีพระภิกษุสามเณร แม่ชี และอุบาสกอุบาสิกาอุปัฏฐากรับใช้ใกล้ชิดด้วยดีเสมอมาจวบจนปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม
วัดชนะสงคราม หรือวัดตองปุ ที่บูรณะและตั้งชื่อใหม่โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทกลับเลื่องชื่อขึ้นตามสื่อมวลชนอีกครั้ง เมื่อพระภิกษุภายในได้วิพากษ์วิจารณ์พาดพิงเรื่องเพศสภาพของพิธีกร และผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักวิชาการทางศาสนา ทั้งคุณแพรรี่ หรือคุณไพรวัลย์ วรรณบุตร อาจารย์จตุรงค์ จงอาษา และ อาจารย์เบียร์ จนเป็นเหตุให้ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ ได้ทำหนังสือเตือนสติจนดูประหนึ่งว่า เรื่องราวต่างๆ จะดูเงียบสงบลง ถึงกระนั้น สิ่งที่ดูเหมือนว่า เริ่มบานปลาย และกินขอบเขตขยายวงออกไปก็คือ การวิพากษ์วิจารณ์พาดถึงไปถึงเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามในทางที่ผิดพลาด จนหลายคนพากันตั้งข้อสังเกตด้วยความห่วงใยว่า เป็นการใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมโดยประเมินจากโทนของคำพูด เช่น ไอ้เจ้าอาวาสวัดบ้าง ขาดข้อมูลเชิงลึกจนทำให้เข้าใจผิด และเรียกชื่อเจ้าอาวาสผิดรูปบ้าง สื่อสารขาดวาจาสุภาษิตบ้าง
จึงอยากจะฝากไปถึงอาจารย์จตุรงค์ จงอาษา ว่า 1.พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรมงคล คือเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม 2.พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ กำลังเข้ารับการรักษาอยู่ ณ โรงพยาบาลธนบุรี และเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ตั้งแต่ ปี 2566 และ 3.พระภิกษุที่คุณจตุรงค์อ้างถึงเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ
คุณจตุรงค์ จงอาษา นับเป็น Commentator ที่ทำหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์ประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาได้อย่างน่าสนใจ เพราะนำเสนอด้วยข้อมูลเชิงลึก ตรงไปตรงมา คอยชี้ผิดชี้ถูกแก่สังคม สมกับการเป็นอุบาสกในพระพุทธศาสนาทำหน้าที่อุปถัมภ์ค้ำชูพระรัตนตรัยให้ยังคงเป็นที่พึ่งที่ระลึกของประชาคมโลก ในความเป็นอุบาสกนั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสย้ำเตือนให้ข้อธรรมเตือนสติว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม 7 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่อุบาสก 7 ประการเป็นไฉน คือ 1. อุบาสกไม่ขาดการเยี่ยมเยียนภิกษุ 2.ไม่ละเลยการฟังธรรม 3.ศึกษาในอธิศีล 4.มากด้วยความเลื่อมใสในภิกษุทั้งที่เป็นเถระ ทั้งเป็นผู้ใหม่ ทั้งปานกลาง 5. ไม่ตั้งจิตติเตียน ไม่คอยเพ่งโทษฟังธรรม 6. ไม่แสวงหาเขตบุญภายนอก 7.กระทำสักการะก่อนในเขตบุญในศาสนานี้
หนึ่งในธรรมะของอุบาสกทั้ง 7 ข้อ คือ เป็นผู้มากด้วยความเลื่อมใสในภิกษุที่เป็นเถระ รวมทั้งนวกะ และมัชฌิมะ แม้คุณจตุรงค์อาจจะไม่เลื่อมใสพระภิกษุบางรูปที่เป็นคู่กรณี ก็นับว่าชอบตามมุมมองและการตัดสินของคุณจตุรงค์ (หรืออาจจะรวมถึงมุมมองสังคมภาพกว้างในประเด็นเพศสภาพ) แต่สิ่งที่คุณจตุรงค์ควรให้ความใส่ใจ และเลื่อมใส คือวัตรปฏิบัติในความเป็นพระมหาเถระที่เพียบพร้อมด้วยวิชชาและจรณะของพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรมงคล พระมหาเถระผู้ที่รัก เคารพ และศรัทธาเป็นที่ยิ่งของชาวพุทธไทย และพุทธเชื้อสายมอญ
จึงยังไม่สายเกินไปนักที่คุณจตุรงค์ จะประพฤติตนเยี่ยงบัณฑิตชน ผู้เป็นอุบาสกชั้นนำจะออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ ทั้งมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม ต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และถ้ามีเวลาก็ขอได้โปรดถือพานไปขอขมากรรมหน้าเตียงผู้ป่วย ณ โรงพยาบาลธนบุรี เพื่อความบริสุทธิ์ทางกาย วาจา และใจ และมุ่งมั่นตั้งใจบำเพ็ญตนเป็นอุบาสกชั้นนำรักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป
‘ศิษย์วัดชนะฯ’ ออกโรงป้อง ‘พระธรรมวชิรมงคล’ (อายุ 95 ปี+อาพาธ) ติง ‘อ.จตุรงค์’ ใช้ถ้อยคำแรงเรียก ‘ไอ้เจ้าอาวาส’
‘ศิษย์วัดชนะฯ’ ออกโรงป้อง ‘พระธรรมวชิรมงคล’ ติง ‘อ.จตุรงค์’ ใช้ถ้อยคำแรงเรียก ‘ไอ้เจ้าอาวาส’ ชี้เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันคือ "พระธรรมวชิรมงคล" เข้ารับการรักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลมาตั้งแต่ปี 2566 ส่วนพระสงฆ์ที่ อ.จตุรงค์ เอ่ยถึง เป็น ผู้ช่วยเจ้าอาวาส แนะขอโทษอย่างเป็นทางการ ทั้งมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม ต่อ "พระธรรมวชิรมงคล"...
‘ศิษย์วัดชนะฯ’ ออกโรงป้อง ‘พระธรรมวชิรมงคล’ ติง ‘อ.จตุรงค์’ ใช้ถ้อยคำแรงเรียก ‘ไอ้เจ้าอาวาส’
ชี้เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันคือ "พระธรรมวชิรมงคล" เข้ารับการรักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลมาตั้งแต่ปี 2566 ส่วนพระสงฆ์ที่ อ.จตุรงค์ เอ่ยถึง เป็น ผู้ช่วยเจ้าอาวาส แนะขอโทษอย่างเป็นทางการ ทั้งมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม ต่อ "พระธรรมวชิรมงคล"
กรณี อ.จตุรงค์ จงอาษา ให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแสเกี่ยวกับพระมหาอุเทน ปญฺญาปริทตฺโต วัดชนะสงคราม ที่มีการกล่าวพาดพิงถึงฆราวาส ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ไม่เหมาะสม เหยียบย่ำความเป็นมนุษย์ของฆราวาส ต่อแพรรี่ ไพรวัลย์ อ.เบียร์ รวมถึงตัวอ.จาตุรงค์ด้วยนั้น โดยมีช่วงหนึ่ง อ.จตุรงค์ กล่าวถึง เจ้าอาวาส โดยใช้คำว่า “ไอ้เจ้าอาวาส” ที่ปล่อยให้พระลูกวัดชนะสงคราม มีพฤติกรรมดังกล่าวนั้น
พระเมธีวัชรบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณหรรษา” เจ้าอาวาสวัดใหม่ยายแป้น ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ไอ้เจ้าอาวาสที่คุณจตุรงค์ถามหา กำลังพักรักษาอยู่ ณ โรงพยาบาล พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมวชิรมงคล เจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร ปัจจุบันอายุ 95 ปี เข้าใจว่าเป็นพระมหาเถระเชื้อสายมอญที่อาวุโสที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งเป็นพระมหาเถระที่เพียบพร้อมด้วยวิชชา และจรณะ และมักจะนำพระสงฆ์มอญเข้าไปเจริญพุทธมนต์ด้วยภาษามอญในพระราชพิธีสำคัญอยู่เสมอ
ส่วนตัวนั้น ตลอดเวลาที่เคยจำพรรษาเกือบ 5 ปี และอุปสมบท ณ วัดชนะสงคราม โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์นั้น ได้รับรู้มาโดยตลอดว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อ หรือที่พวกเราเรียกคุ้นหูในขณะนั้นว่า เจ้าคณะ 3 เป็นมหาเถระที่พูดน้อย อัธยาศัยดี วัตรปฏิบัติงดงาม ใส่ใจกิจวัตร บิณฑบาต ทำวัตร สวดมนต์ และเจริญพระกรรมฐานโดยตลอด เข้าทำวัตรในโบสถ์ก่อนพระรูปอื่นๆ รวมถึงใส่ใจพระหนุ่มเณรน้อยที่ตั้งใจศึกษาบาลีตามนโยบายหลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ในปัจฉิมวัย พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ เข้าพักรักษาตัวอยู่ ณ โรงพยาบาลธนบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2566 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระมหากรุณาทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. 2566 โดยมีพระภิกษุสามเณร แม่ชี และอุบาสกอุบาสิกาอุปัฏฐากรับใช้ใกล้ชิดด้วยดีเสมอมาจวบจนปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม วัดชนะสงคราม หรือวัดตองปุ ที่บูรณะและตั้งชื่อใหม่โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทกลับเลื่องชื่อขึ้นตามสื่อมวลชนอีกครั้ง เมื่อพระภิกษุภายในได้วิพากษ์วิจารณ์พาดพิงเรื่องเพศสภาพของพิธีกร และผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักวิชาการทางศาสนา ทั้งคุณแพรรี่ หรือคุณไพรวัลย์ วรรณบุตร อาจารย์จตุรงค์ จงอาษา และ อาจารย์เบียร์ จนเป็นเหตุให้ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ ได้ทำหนังสือเตือนสติจนดูประหนึ่งว่า เรื่องราวต่างๆ จะดูเงียบสงบลง ถึงกระนั้น สิ่งที่ดูเหมือนว่า เริ่มบานปลาย และกินขอบเขตขยายวงออกไปก็คือ การวิพากษ์วิจารณ์พาดถึงไปถึงเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามในทางที่ผิดพลาด จนหลายคนพากันตั้งข้อสังเกตด้วยความห่วงใยว่า เป็นการใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมโดยประเมินจากโทนของคำพูด เช่น ไอ้เจ้าอาวาสวัดบ้าง ขาดข้อมูลเชิงลึกจนทำให้เข้าใจผิด และเรียกชื่อเจ้าอาวาสผิดรูปบ้าง สื่อสารขาดวาจาสุภาษิตบ้าง จึงอยากจะฝากไปถึงอาจารย์จตุรงค์ จงอาษา ว่า 1.พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรมงคล คือเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม 2.พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ กำลังเข้ารับการรักษาอยู่ ณ โรงพยาบาลธนบุรี และเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ตั้งแต่ ปี 2566 และ 3.พระภิกษุที่คุณจตุรงค์อ้างถึงเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ
คุณจตุรงค์ จงอาษา นับเป็น Commentator ที่ทำหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์ประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาได้อย่างน่าสนใจ เพราะนำเสนอด้วยข้อมูลเชิงลึก ตรงไปตรงมา คอยชี้ผิดชี้ถูกแก่สังคม สมกับการเป็นอุบาสกในพระพุทธศาสนาทำหน้าที่อุปถัมภ์ค้ำชูพระรัตนตรัยให้ยังคงเป็นที่พึ่งที่ระลึกของประชาคมโลก ในความเป็นอุบาสกนั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสย้ำเตือนให้ข้อธรรมเตือนสติว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม 7 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่อุบาสก 7 ประการเป็นไฉน คือ 1. อุบาสกไม่ขาดการเยี่ยมเยียนภิกษุ 2.ไม่ละเลยการฟังธรรม 3.ศึกษาในอธิศีล 4.มากด้วยความเลื่อมใสในภิกษุทั้งที่เป็นเถระ ทั้งเป็นผู้ใหม่ ทั้งปานกลาง 5. ไม่ตั้งจิตติเตียน ไม่คอยเพ่งโทษฟังธรรม 6. ไม่แสวงหาเขตบุญภายนอก 7.กระทำสักการะก่อนในเขตบุญในศาสนานี้
หนึ่งในธรรมะของอุบาสกทั้ง 7 ข้อ คือ เป็นผู้มากด้วยความเลื่อมใสในภิกษุที่เป็นเถระ รวมทั้งนวกะ และมัชฌิมะ แม้คุณจตุรงค์อาจจะไม่เลื่อมใสพระภิกษุบางรูปที่เป็นคู่กรณี ก็นับว่าชอบตามมุมมองและการตัดสินของคุณจตุรงค์ (หรืออาจจะรวมถึงมุมมองสังคมภาพกว้างในประเด็นเพศสภาพ) แต่สิ่งที่คุณจตุรงค์ควรให้ความใส่ใจ และเลื่อมใส คือวัตรปฏิบัติในความเป็นพระมหาเถระที่เพียบพร้อมด้วยวิชชาและจรณะของพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรมงคล พระมหาเถระผู้ที่รัก เคารพ และศรัทธาเป็นที่ยิ่งของชาวพุทธไทย และพุทธเชื้อสายมอญ
จึงยังไม่สายเกินไปนักที่คุณจตุรงค์ จะประพฤติตนเยี่ยงบัณฑิตชน ผู้เป็นอุบาสกชั้นนำจะออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ ทั้งมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม ต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และถ้ามีเวลาก็ขอได้โปรดถือพานไปขอขมากรรมหน้าเตียงผู้ป่วย ณ โรงพยาบาลธนบุรี เพื่อความบริสุทธิ์ทางกาย วาจา และใจ และมุ่งมั่นตั้งใจบำเพ็ญตนเป็นอุบาสกชั้นนำรักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป