สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
ซ้อมเยอะซ้อมนานกว่าเกาหลีใต้แต่สุดท้ายพลาดตั๋วไป OG 2020 เพราะ
1. โค้ชทีมเกาหลีใต้เขาศึกษารูปแบบและวิธีการเล่นของไทยมาอย่างดี และมีการทำการบ้านเพื่อรับมือกับการจู่โจมของผู้เล่นไทยแต่ละคนมาเป็นอย่างดี สังเกตเห็นไหมว่า บอลเร็วหน่องถูกจับตาย แบบเดียวกับที่จีนจับตายหน่องจนได้ 0 แต้ม บอลสูตรไทยโดยจับบล็อกอยู่สนิท เกมรุกผสมของไทยทั้งบีทับ บีแทรก ซึ่งเคยเป็นเครื่องหมายการค้าของไทยมาตลอดกลับใช้กับทีมเกาหลีใต้ไม่ได้ผล แต่ไทยจะได้แต้มจากการหยอด ตีวาง เคาะข้ามแทน
** อันนี้คือสิ่งที่กองเชียร์เขาพูดกันว่า โค้ชด่วนใช้ประสบการณ์การเป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติมาเป็นโค้ช ทำให้ไม่สามารถแก้เกมทีมคู่แข่งได้ ส่วนรูปแบบการเล่นก็ไม่เคยสร้างหรือคิดหารูปแบบวิธีการเล่นใหม่ ๆ ให้หลากหลายเพื่อยกระดับความสามารถของทีมให้ดีขึ้น (อย่าพูดเลยว่าเน้นสปีดบอลให้เร็วขึ้น 5G 6G อะไรนั้นพูดไปก็อายเขาเปล่า ๆ) ใช้แต่ของเดิม ๆ ที่โค้ชอ๊อดเหลือทิ้งไว้เอามาใช้ต่อ พอถึงวันหนึ่งคู่แข่งทุกประเทศเขาจับทางเราได้ก็ไปต่อไม่เป็น ไทยก็ถึงทางตันในที่สุด (ยังมีกองเชียร์ไทยอีกจำนวนมากยังหลงไหลติดใจอยู่กับบอลสูตร บอลรุกผสม ที่ยังใช้ได้ผลเฉพาะกับทีมอันดับโลกต่ำกว่าไทย) **
2. แต่ในทางกลับกัน ไทยไม่ได้ทำการบ้านหรือมีการวางแผนการฝึกซ้อมเพื่อรับมือกับผู้เล่นทีมเกาหลีใต้โดยเฉพาะแต่อย่างใด การฝึกซ้อมก็เป็นการฝึกซ้อมแบบทั่วไป ไม่ได้เน้นฝึกซ้อมเพื่อใช้รับมือกับทีมใดทีมหนึ่งโดยเฉพาะ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ทุกคนรวมทั้งโค้ชด่วนเองต่างรู้ว่า ทีมเกาหลีใต้มีลูกเสิร์ฟที่อันตรายสามารถหวังผลเปลี่ยนเกมได้ แล้วทีมไทยได้มีการฝึกซ้อมเตรียมการรับมือกับลูกเสิร์ฟของเกาหลีใต้ไว้ล่วงหน้าหรือไม่ ตอนเก็บตัวโค้ชได้มอบหมายหน้าที่การรับบอลแรกให้ไว้กับนักกีฬาคนไหนเป็นการเฉพาะหรือไม่ เพราะถ้าได้มีการเตรียมการรับมือเอาไว้แล้ว พอถึงวันแข่งจริงโค้ชก็จะต้องจัดตัวนักกีฬาคนนั้นลงไลน์อัพตั้งแต่เซตแรก (เสมือนการ fixed ตัวผู้เล่น 6 คนแรกกลาย ๆ ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ตอนเก็บตัวแล้ว) เพราะยังไงไทยก็ต้องได้เจอลูกเสิร์ฟโหดจากเกาหลีใต้แน่ ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น
3. สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในวันแข่ง การจัดตัวไลน์อัพ 6 คนแรกของไทย กลับเป็นรุ่นพี่ 5 เซียนถึง 4 คน (นุศ อร ปู หน่อง) + แนน + บีม ซึ่งไลน์อัพนี้ หน้าตาไม่ได้แตกต่างอะไรกับไลน์อัพตอนคัด OG 2016 ซึ่งตอนนั้นก็เป็นรุ่นพี่ 5 เซียน + เพียว หรือ รุ่นพี่ 4 เซียน + แนน และ เพียว ขนาดปี 16 สภาพร่างกายรุ่นพี่และฝีมือดีกว่าปัจจุบันมากยังคัด OG 2016 ไม่ผ่าน แล้วตอนนี้ไปเอารุ่นพี่ที่มีสภาพร่างกายปี 20 มาลงไลน์อัพถึง 4 คนเจอกับทีมเกาหลีใต้ คิดว่าจะคัดผ่านไหม แค่จัดตัวผู้เล่นไลน์อัพก็รู้ว่าแพ้ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าชุดนี้ตอนปี 2020 ดีพอที่จะเอาชนะเกาหลีใต้ได้ งั้นทีมไทยชุดคัด OG 2016 ที่ฝีมือและสภาพร่างกายดีกว่าตอนนี้ก็ควรจะคัด OG 2016 ผ่านได้ตั๋วไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แค่เปรียบเทียบตัวเองระหว่าง 4 ปีก่อนกับปัจจุบันก็น่าจะได้คำตอบแล้ว ไม่รู้ว่าเอาอะไรคิด ถึงจัดไลน์อัพแบบนี้ แต่ไม่เป็นไร โค้ชอาจจะอยากให้โอกาสรุ่นพี่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายเลยจัดตัวให้รุ่นพี่ได้ลงเล่นเพื่อพิสูจน์ฝีมือตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้
(อันนี้แหละที่กองเชียร์เขาพูดกันว่า ไทยเลือกใช้แต่คนเดิม ๆ วิธีการเล่นเดิม ๆ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ได้แบบเดิม คือ คัดไม่ผ่าน OG 2020)
4. ฟังบทสัมภาษณ์โค้ชด่วนหลังแมทช์ชนะคาซักในรอบรอง 3-1 เซต โค้ชด่วนตอบนักข่าวถึงความพร้อมในการเจอทีมเกาหลีใต้วันพรุ่งนี้ว่า "ถ้าดูจากสภาพทีมเกาหลีใต้ในวันนี้ คิดว่าเราพอสู้ไหว" จากคำตอบนี้ สะท้อนให้เห็นว่า โค้ชด่วนไม่ได้รู้เขารู้เราอะไรเกี่ยวกับคู่แข่งเลย บางอย่างรู้แต่ก็ไม่พยายามหาวิธีแก้ไขป้องกันล่วงหน้า เช่น ลูกเสิร์ฟที่อันตราย เป็นต้น เกาหลีใต้เที่ยวนี้เขาอุบไต๋เก็บท่าไม้ตายทีเด็ดเอาไว้ใช้ปราบไทยชนิดโป้งเดียวจอดโดยเฉพาะ แต่โค้ชด่วนกลับประเมินเกาหลีใต้จากหน้างานแมทช์ต่อแมทช์
(อันนี้คือข้อแตกต่างระหว่างโค้ชมือสมัครเล่น มือไม่ถึง กับโค้ชมืออาชีพระดับโลก)
5. ฟังบทสัมภาษณ์ของมาดามต่อจากโค้ชด่วนที่ตอบนักข่าวว่า ไทยไม่ได้สนใจว่าคิมจะลงเล่นได้หรือไม่ได้ในวันพรุ่งนี้ แต่การฝึกซ้อมของไทย คือ จะพยายามเอาชนะทีมเกาหลีใต้ชุดที่ดีที่สุดให้ได้ คำตอบนี้ ฟังผิวเผินก็ดูเหมือนเข้าท่าดี แต่ความเป็นจริงคือ ไทยไม่ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาคู่แข่งอย่างทีมเกาหลีใต้มากเท่าใดนัก อาจเป็นเพราะทั้งสองทีมเจอกันบ่อย ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ขึ้นอยู่กับวันนั้นเป็นวันของใคร พอเป็นแบบนี้ไทยจึงไม่มีการเตรียมการรับมือกับแผนการเล่นของทีมเกาหลีใต้ไว้ล่วงหน้าเป็นพิเศษ ทุกอย่างรอเจอของจริงแล้วค่อยไปแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าเอาตอนนั้น โดยอาศัยความสามารถของตัวนักกีฬาเป็นหลัก ประกอบกับไทยไม่รู้ว่า เที่ยวนี้โค้ชทีมเกาหลีใต้เขามีวิธีการจับตายเกมรุกของไทยแบบอยู่หมัดทั้งหมดแล้ว ทั้งบอลเร็ว รุกผสม บีทับ บีแทรก พอทีมเกาหลีใต้เอามาใช้ในสนามแข่งจริง ไทยก็ถึงกับใบ้รับประทาน ไปต่อไม่เป็น ยอมจำนน รับสภาพความพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ครบ 3 เซตด้วยซ้ำ ซึ่งกองเชียร์ในสนามและหน้าจอทีวีก็คงรู้สึกแบบเดียวกันว่า ไทยลุ้นไม่ขึ้นเลย ไทยสู้เขาไม่ได้จริง ๆ
(อันนี้เขาเรียกว่า เขารู้เราทะลุปรุโปร่ง แต่เราไม่รู้อะไรเขาเลยแม้แต่น้อย)
1. โค้ชทีมเกาหลีใต้เขาศึกษารูปแบบและวิธีการเล่นของไทยมาอย่างดี และมีการทำการบ้านเพื่อรับมือกับการจู่โจมของผู้เล่นไทยแต่ละคนมาเป็นอย่างดี สังเกตเห็นไหมว่า บอลเร็วหน่องถูกจับตาย แบบเดียวกับที่จีนจับตายหน่องจนได้ 0 แต้ม บอลสูตรไทยโดยจับบล็อกอยู่สนิท เกมรุกผสมของไทยทั้งบีทับ บีแทรก ซึ่งเคยเป็นเครื่องหมายการค้าของไทยมาตลอดกลับใช้กับทีมเกาหลีใต้ไม่ได้ผล แต่ไทยจะได้แต้มจากการหยอด ตีวาง เคาะข้ามแทน
** อันนี้คือสิ่งที่กองเชียร์เขาพูดกันว่า โค้ชด่วนใช้ประสบการณ์การเป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติมาเป็นโค้ช ทำให้ไม่สามารถแก้เกมทีมคู่แข่งได้ ส่วนรูปแบบการเล่นก็ไม่เคยสร้างหรือคิดหารูปแบบวิธีการเล่นใหม่ ๆ ให้หลากหลายเพื่อยกระดับความสามารถของทีมให้ดีขึ้น (อย่าพูดเลยว่าเน้นสปีดบอลให้เร็วขึ้น 5G 6G อะไรนั้นพูดไปก็อายเขาเปล่า ๆ) ใช้แต่ของเดิม ๆ ที่โค้ชอ๊อดเหลือทิ้งไว้เอามาใช้ต่อ พอถึงวันหนึ่งคู่แข่งทุกประเทศเขาจับทางเราได้ก็ไปต่อไม่เป็น ไทยก็ถึงทางตันในที่สุด (ยังมีกองเชียร์ไทยอีกจำนวนมากยังหลงไหลติดใจอยู่กับบอลสูตร บอลรุกผสม ที่ยังใช้ได้ผลเฉพาะกับทีมอันดับโลกต่ำกว่าไทย) **
2. แต่ในทางกลับกัน ไทยไม่ได้ทำการบ้านหรือมีการวางแผนการฝึกซ้อมเพื่อรับมือกับผู้เล่นทีมเกาหลีใต้โดยเฉพาะแต่อย่างใด การฝึกซ้อมก็เป็นการฝึกซ้อมแบบทั่วไป ไม่ได้เน้นฝึกซ้อมเพื่อใช้รับมือกับทีมใดทีมหนึ่งโดยเฉพาะ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ทุกคนรวมทั้งโค้ชด่วนเองต่างรู้ว่า ทีมเกาหลีใต้มีลูกเสิร์ฟที่อันตรายสามารถหวังผลเปลี่ยนเกมได้ แล้วทีมไทยได้มีการฝึกซ้อมเตรียมการรับมือกับลูกเสิร์ฟของเกาหลีใต้ไว้ล่วงหน้าหรือไม่ ตอนเก็บตัวโค้ชได้มอบหมายหน้าที่การรับบอลแรกให้ไว้กับนักกีฬาคนไหนเป็นการเฉพาะหรือไม่ เพราะถ้าได้มีการเตรียมการรับมือเอาไว้แล้ว พอถึงวันแข่งจริงโค้ชก็จะต้องจัดตัวนักกีฬาคนนั้นลงไลน์อัพตั้งแต่เซตแรก (เสมือนการ fixed ตัวผู้เล่น 6 คนแรกกลาย ๆ ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ตอนเก็บตัวแล้ว) เพราะยังไงไทยก็ต้องได้เจอลูกเสิร์ฟโหดจากเกาหลีใต้แน่ ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น
3. สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในวันแข่ง การจัดตัวไลน์อัพ 6 คนแรกของไทย กลับเป็นรุ่นพี่ 5 เซียนถึง 4 คน (นุศ อร ปู หน่อง) + แนน + บีม ซึ่งไลน์อัพนี้ หน้าตาไม่ได้แตกต่างอะไรกับไลน์อัพตอนคัด OG 2016 ซึ่งตอนนั้นก็เป็นรุ่นพี่ 5 เซียน + เพียว หรือ รุ่นพี่ 4 เซียน + แนน และ เพียว ขนาดปี 16 สภาพร่างกายรุ่นพี่และฝีมือดีกว่าปัจจุบันมากยังคัด OG 2016 ไม่ผ่าน แล้วตอนนี้ไปเอารุ่นพี่ที่มีสภาพร่างกายปี 20 มาลงไลน์อัพถึง 4 คนเจอกับทีมเกาหลีใต้ คิดว่าจะคัดผ่านไหม แค่จัดตัวผู้เล่นไลน์อัพก็รู้ว่าแพ้ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าชุดนี้ตอนปี 2020 ดีพอที่จะเอาชนะเกาหลีใต้ได้ งั้นทีมไทยชุดคัด OG 2016 ที่ฝีมือและสภาพร่างกายดีกว่าตอนนี้ก็ควรจะคัด OG 2016 ผ่านได้ตั๋วไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แค่เปรียบเทียบตัวเองระหว่าง 4 ปีก่อนกับปัจจุบันก็น่าจะได้คำตอบแล้ว ไม่รู้ว่าเอาอะไรคิด ถึงจัดไลน์อัพแบบนี้ แต่ไม่เป็นไร โค้ชอาจจะอยากให้โอกาสรุ่นพี่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายเลยจัดตัวให้รุ่นพี่ได้ลงเล่นเพื่อพิสูจน์ฝีมือตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้
(อันนี้แหละที่กองเชียร์เขาพูดกันว่า ไทยเลือกใช้แต่คนเดิม ๆ วิธีการเล่นเดิม ๆ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ได้แบบเดิม คือ คัดไม่ผ่าน OG 2020)
4. ฟังบทสัมภาษณ์โค้ชด่วนหลังแมทช์ชนะคาซักในรอบรอง 3-1 เซต โค้ชด่วนตอบนักข่าวถึงความพร้อมในการเจอทีมเกาหลีใต้วันพรุ่งนี้ว่า "ถ้าดูจากสภาพทีมเกาหลีใต้ในวันนี้ คิดว่าเราพอสู้ไหว" จากคำตอบนี้ สะท้อนให้เห็นว่า โค้ชด่วนไม่ได้รู้เขารู้เราอะไรเกี่ยวกับคู่แข่งเลย บางอย่างรู้แต่ก็ไม่พยายามหาวิธีแก้ไขป้องกันล่วงหน้า เช่น ลูกเสิร์ฟที่อันตราย เป็นต้น เกาหลีใต้เที่ยวนี้เขาอุบไต๋เก็บท่าไม้ตายทีเด็ดเอาไว้ใช้ปราบไทยชนิดโป้งเดียวจอดโดยเฉพาะ แต่โค้ชด่วนกลับประเมินเกาหลีใต้จากหน้างานแมทช์ต่อแมทช์
(อันนี้คือข้อแตกต่างระหว่างโค้ชมือสมัครเล่น มือไม่ถึง กับโค้ชมืออาชีพระดับโลก)
5. ฟังบทสัมภาษณ์ของมาดามต่อจากโค้ชด่วนที่ตอบนักข่าวว่า ไทยไม่ได้สนใจว่าคิมจะลงเล่นได้หรือไม่ได้ในวันพรุ่งนี้ แต่การฝึกซ้อมของไทย คือ จะพยายามเอาชนะทีมเกาหลีใต้ชุดที่ดีที่สุดให้ได้ คำตอบนี้ ฟังผิวเผินก็ดูเหมือนเข้าท่าดี แต่ความเป็นจริงคือ ไทยไม่ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาคู่แข่งอย่างทีมเกาหลีใต้มากเท่าใดนัก อาจเป็นเพราะทั้งสองทีมเจอกันบ่อย ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ขึ้นอยู่กับวันนั้นเป็นวันของใคร พอเป็นแบบนี้ไทยจึงไม่มีการเตรียมการรับมือกับแผนการเล่นของทีมเกาหลีใต้ไว้ล่วงหน้าเป็นพิเศษ ทุกอย่างรอเจอของจริงแล้วค่อยไปแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าเอาตอนนั้น โดยอาศัยความสามารถของตัวนักกีฬาเป็นหลัก ประกอบกับไทยไม่รู้ว่า เที่ยวนี้โค้ชทีมเกาหลีใต้เขามีวิธีการจับตายเกมรุกของไทยแบบอยู่หมัดทั้งหมดแล้ว ทั้งบอลเร็ว รุกผสม บีทับ บีแทรก พอทีมเกาหลีใต้เอามาใช้ในสนามแข่งจริง ไทยก็ถึงกับใบ้รับประทาน ไปต่อไม่เป็น ยอมจำนน รับสภาพความพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ครบ 3 เซตด้วยซ้ำ ซึ่งกองเชียร์ในสนามและหน้าจอทีวีก็คงรู้สึกแบบเดียวกันว่า ไทยลุ้นไม่ขึ้นเลย ไทยสู้เขาไม่ได้จริง ๆ
(อันนี้เขาเรียกว่า เขารู้เราทะลุปรุโปร่ง แต่เราไม่รู้อะไรเขาเลยแม้แต่น้อย)
แสดงความคิดเห็น
ไทยซ้อมเยอะซ้อมนานกว่าเกาหลีแต่ทำไมถึงพลาดไปโอลิมปิกครับ