ผมมีเชื้อ HIV คบกับแฟนมาเกือบปีแล้ว แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน อีก3เดือนจะแต่งงานจะบอกแฟนยังไงตอนนี้กลุ้มใจมาก

สวัสดีครับ ตามหัวข้อเลยนะครับ คือผมกับแฟนกำลังจะแต่งงานกัน แต่ผมมีเชื้อ HIV มาได้4ปีแล้ว แฟนไม่รู้ อยากจะบอกเหมือนกันยังไม่กล้า กลัวเสียแฟนไป อยากถามว่ากลัวเขารับไม่ได้ กลัวเขาไปพูดให้พ่อให้แม่ให้ญาติๆของเขาฟัง กลัวอายผมกลัวได้ออกจากงาน เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยมีความลับอะไรเลย ตอนนี้กลุ้มใจมากครับ
1. จะบอกแฟนยังไงดี?
2.นัดแฟนไปบอกต่อหน้าหมอดีไม?
3. มีเชื้อ hiv ขั้นตอนการมีลูกยากไมครับ?

แล้วถ้าบอกไปกลัวเลิกกัน
[code]ผมตัดสินใจบอกเขาเมื่อคืนวันที่13 มกราคม ผ่านมานี้เองครับ ซึ่งเขารับได้ วันนี้เขาก็ยัง OK กับผมอยู่ เมื่อวันพุธที่ผ่านมาผมพาเขาไปเจาะเลือดแล้ว ผลออกมาปกติครับ แต่หมอนัดอีก6เดือนมาตรวจซ้ำอีกรอบก็ได้ เรื้องบอกให้พ่อแม่รู้นั้นเขาว่าจะไม่บอก ถึงยังไงเราก็แยกออกมาอยู่กันสองคนอยู่แล้ว เรื้องลูกยังไม่ได้คุยกันครับ แฟนผมมีลูกติดอยู่แล้ว2คนๆเล็ก5ขวบแล้วละ แต่ทัง2คนยายเขาไม่ให้ยุ้งอยู่แล้ว เขารักหลาน2คนมาก 
[/code]
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ขอด่าได้มั้ยครับ

คุณมันเห็นแก่ตัวครับ กลัวเสียเค้าไป แต่ไม่สนใจว่าชีวิตเค้าหลังจากนี้จะเป็นยังไง จนจะแต่งงานอยู่แล้ว
ความคิดเห็นที่ 41
ดิชั้นเป็นพ่อแม่แฟนคุณ ดิชั้นก็ไม่ให้ลูกแต่งค่ะ
ไม่ใช่เพราะคุณมี hiv แต่เพราะคุณปิดบัง หลอกลวงลูกสาวมาตลอด เพราะกลัวเสียเค้าไปแต่กลับไม่กลัวว่าอนาคตลูกสาวจะเป็นยังไง จะมีความสุขไหม ถุงยางไม่ได้ป้องกัน hiv ได้ 100% แต่คุณก็ยังจะทำโดยไม่บอกเค้า จากที่คุณบรรยายมา คือคุณคิดแต่เรื่องของตัวเอง นี่คือเหตุผลเดียวที่ลูกสาวที่เป็นหัวแก้วหัวแหวนของพ่อแม่ ควรจะเจอผู้ชายดีๆ คนที่คิดถึงลูกสาวก่อน แทนที่จะคิดถึงแต่ตัวเอง มันบ่งบอกสันดานคนมาก

ถ้ากลับกัน คุณบอกเค้าก่อน แล้วเค้ายังรับคุณได้ แต่พ่อแม่ไม่อนุญาต เราจะด่าฝั่งพ่อแม่กลับแทนให้เลย เพราะเคส hiv เทคโนโลยีมันไปไกลมากแล้ว มีเงินก็แก้ปัญหาได้ ต่างประเทศนี่แทบจะเรื่องปกติ

เคสนี้อยากให้เลิกเพื่อฝั่งผู้หญิงเลยล่ะ สงสารผู้หญิงมาเจอผู้ชายเห็นแก่ตัว
ความคิดเห็นที่ 21
ในฐานะ ที่เป็นที่ปรึกษา  Serodiscordant (คู่ผลต่าง)​แนะนำให้ เพิ่มความรู้ ในเรื่อง Undetectable​ Viral load ก่อน ถ้าเค้ามีความรู้ จะทำให้คุยง่ายขึ้นครับ  

การOn PrEP ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เค้ามั่นใจได้ขึ้นครับ

การมีลูก ถ้าเอาแบบไม่ซีเรียส  ใช้วิธีล้างสเปริ์ม ขั้นตอนไม่ยุ่งยากครับ

สุดท้ายขอให้สมหวังครับ  ในต่างประเทศเป็นเรื่องธรรมดา มากละครับ เพราะถ้ารักษาแล้วความเสี่ยงในการใช้ชีวิตคู่ก็ไม่มี แต่ที่สำคัญวินัยในการทานยา และรักเดียวใจเดียวเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าได้โอกาสโปรดใช้มันให้ดี

คนที่เป็นจะมาเป็นคู่ของผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ สำคัญที่ความรักและความรู้

ผมอวยพรให้นะครับ คู่ที่ผมให้คำปรึกษา หลายคู่มีลูกโตละ หลายคู่ใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ

ตอนนี้ในไทยหลายที่ก็รณรงค์​ ในคู่ผลต่างครับ สิทธิ์ ในการป้องกันโรคในลูกที้เกิดจาก แม่ที่ติดเชื้อ ก็มีครบแล้ว
ความคิดเห็นที่ 86
ประเทศไทยตอนนี้น่าจะกลายเป็นประเทศ free sex ไปแล้ว ยิ่งกว่าเมืองนอก ยิ่งกว่าฝรั่งอีก
สำหรับผม มันน่าเศร้าตรงที่ว่า วัฒนธรรมแบบนี้ มันนำมาซึ่งปัญหาหลายๆอย่าง ทั้งโรคติดต่อทางเพศ,โอกาสที่จะไปแพร่เชื้อให้คนอื่น,ถ้าเลิกกันโอกาสที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเสียใจสูง ก็มีมาก,การนอกใจ บลาๆๆ

ในมุมมองของผมแล้ว วัฒนธรรม free sex ทำให้สถาบันครอบครัวไม่แข็งแรงเหมือนที่เคยเป็นมาเลย  และ คนรุ่นใหม่ๆเดี่ยวนี้ ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะมีเพศสัมพันธ์หลังแต่งงานแล้ว สมัยก่อน สอนว่า ให้มีอะไรกันแค่คู่ของตนหลังแต่งงาน และก่อนแต่งก็ให้จูงมือกันไปตรวจเลือดตรวจร่างกาย
สมัยนี้คงไม่มีแล้วนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่