บำบัดตัวเอง หนีจากความเครียต เครียตจนเกือบเพี้ยนไป (เอาแค่เพี้ยนพอไม่ถึงบ้า)
กระทู้เก่าผม
https://pantip.com/topic/39526927
ถ้ายาวไปมาอ่านของใหม่ครับ ผมอายุ 40 เมื่อเดือนก่อนช่วงต้นธันวา ไปตามข่าวหนึ่ง ดูข่าวแล้วคิดตาม ตามเป็นสัปดาห์ คุยๆๆข่าวไม่หยุด
แล้วเครียต เครียตๆๆๆๆ จนเกือบบ้า เพราะหัวคิดแต่เรื่องนั้นไม่หยุด แล้วหยุดคิดไม่ได้ ประมาณคอมที่ค้าง ปิดไม่ลง ถึงขั้นนอนไม่หลับ จนสมองลามปามเลยเถิด คิดถึงปีศาจ หนังภาพยนต์ ซีรีย์ๆ
คิดบ้าบอคอแตก เห็นผีเห็นเงาหลังบ้าน คิดเรื่องศพความตายต่างๆ ทุกข์ใจสั่นกลัวๆๆไปเป็นเดือน คิดให้ทำร้ายตัวเอง แบบนี้ต้องทำร้ายตัวเอง
เครียตคิดเองให้อาละวาดทำลายข้าวของ (ความฟุ้งซ่านมาเป็นพักๆ ในแต่ละวัน) ทำงานจู่ๆไปห้องน้ำ แล้วแวปคิดๆๆๆ (ยังพอทำงานได้อยู่)
ขับรถกลับบ้าน จู่ๆก็แวปคิด แล้วก็ใจสั่นกลัวตัวเองขึ้นมา ตกใจง่าย โกรษๆๆง่าย หงุดหงิด(เป็นๆหายๆทั้งเดือน) เกือบต้องไปหาหมอ ช่วงสิ้นปี
ผมมี3ทางให้เลือก
1.หาหมอ (ไม่ได้ไป หาข้อมูลมาเพราะไม่ได้หูแว่ว เห็นภาพหลอนเป็นจริงจัง ทำงานได้ ขับรถได้ แต่ชอบคิด คิดเรื่องทุกข์ๆ)
2.ออกบวช (โอ่อ่าไป ที่บ้านงงๆ เกิดอะไรขึ้น)
3.ไปเที่ยว
ผมไปเที่ยวครับ บวกกับตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมบำบัดตัวเอง โดยการฟัง ธรรมคำสอน ทางศานา เอาแบบฟังง่ายเข้าใจ ไม่ใช่บทสวดยากๆธรรม ภาษาพระขั้นสูง (เราไม่เข้าใจ) แล้วได้ข้อคิดดีๆเยอะและเข้าใจอะไรมากขึ้น ผม 40 แล้วก็จริงผ่านอะไรมาก็เยอะแต่ จิตนั้นยังอ่อน
ต้องขอบคุณ เรื่องราวเหล่านี้ ที่ทำให้ผมตาสว่าง และรู้ว่าทำไมสังคมเราถึง ร้อนระอุ เราเป็นเมืองพุทธจริง แต่มีกี่คนที่สนธรรมะ และเข้าใจ

ผมเองก็เป็นคนนึง ที่ทำงานด้านสอน (เงินไม่ได้ขาดเหลือเก็บเยอะอยู่) เข้าใจผู้เรียนถ้าฟังยาก ละก็จะไม่หยากฟัง ไม่หยากเรียน เรียนไม่รู้เรื่อง
เดือนกว่ามานี้ผมดีขึ้นครับ ภาพประหลาด จิตหลอนๆ การปรุงแต่ของจิต น้อยลง ยิ่งไม่ได้สนให้ความสำคัญ ก็ลืมไปแล้ว ว่ามีเรื่องทุกข์แวปเข้ามา
ทำให้เบาบางลง แต่ยังมีความเครียต หลงเหลือ และกรุ่นอยู่บ้าง
ทีนี้มามองตัวเอง ผมทุกข์อะไร ผมเครียตคนที่ทำงาน ผมเคยโกรษเกลีต เพื่อนบางคนในหลายๆเรื่อง จนนอนไม่หลับมาก่อนหน้านี้แล้ว
ผมแค้นมัน ผมโกรษผมเกลียต ต้องด่ามันคืนว่ามันคืน ถึงจะหายแค้น สิ่งเหล่านี้คืออาหารที่หล่อเลี้ยง อกุศลจิต ทำให้มีพลังและทำร้ายผมเอง
ผมถึงเข้าใจ แต่ยังเครียตบ้าง ตามเหตุการที่เจอ คนเอาเรื่องเครียตมาคุย มาพูด น่ารำคาญไม่น่าฟังต้องบาย กลัวตัวเองจะดำดิ่งอีก
ทีนี้เรามาฟังทางแก้กันครับ ที่ทำงานผมมีหลักการหนึ่งสอนเขาเท่ากับสอนตัวเอง
1.หนีจากความเครียตซะบ้าง คนที่ทำให้เครียต เพื่อนเครียตๆก็งดฟัง เรื่องเครียตๆก็ต้องห่าง
บางคนช่างคุย เหมือนขำ เหมือนสนุกตลก แต่แฝงไว้ด้วยความเครียต และอกุศลจิตต้องห่างๆ
2.ภาพยนต์ ที่ตึงเกินไป คิดมากๆ(ก็รู้นั่นเรื่องแต่งทั้งนั้น) ต้องขอบคุณหนังไทยตลกๆ ที่ทำให้ผมย้อนเอามาดู หาสาระไม่ได้ แต่หายเครียตดีครับ
3.สถานที่ที่เครียต ลองหาที่ไปใหม่ๆ หรือไม่ได้ไปมานานแล้ว ออกกำลังกายบ้าง มูมตัวออกมาจากตรงนั้น และไปเปิดประสพการณ์ ดีๆในที่ใหม่ๆเก่าๆ(นานแล้ว)ซะบ้าง ก็จะดีขึ้นลองไปเที่ยว ตจว.แล้วไม่เปิดมือถือเลย ลองดูสิครับ
4.วันนี้คุณอยู๋กับมือถือทุกวัน โลกโซเชี่ยล ที่พยายามจะยัดเยียดความรุนแรงโหดร้ายก้าวร้าว ต้องห่างต้องหนี เรื่องราวผู้คนข่าว ต่างๆไม่รู้เป็นดี
5.สุดท้าย ผู้คนวันนี้ออกกำลังกาย แต่ไม่ออกกำลังใจ กำลังจิต ควรออกกำลังจิตกันบ้าง สมาธิและธรรมะ
6.อ้ออีกข้อครับ ครอบครัวมีอะไรก็พูดๆบอกๆไปบ้าง อย่างน้อยจะได้ความเห็น จะดีไม่ดี ก็บอกๆกันไปเลย
บำบัดตัวเอง ให้หนีจากความเครียต(เกือบบ้า)
กระทู้เก่าผม https://pantip.com/topic/39526927
ถ้ายาวไปมาอ่านของใหม่ครับ ผมอายุ 40 เมื่อเดือนก่อนช่วงต้นธันวา ไปตามข่าวหนึ่ง ดูข่าวแล้วคิดตาม ตามเป็นสัปดาห์ คุยๆๆข่าวไม่หยุด
แล้วเครียต เครียตๆๆๆๆ จนเกือบบ้า เพราะหัวคิดแต่เรื่องนั้นไม่หยุด แล้วหยุดคิดไม่ได้ ประมาณคอมที่ค้าง ปิดไม่ลง ถึงขั้นนอนไม่หลับ จนสมองลามปามเลยเถิด คิดถึงปีศาจ หนังภาพยนต์ ซีรีย์ๆ
คิดบ้าบอคอแตก เห็นผีเห็นเงาหลังบ้าน คิดเรื่องศพความตายต่างๆ ทุกข์ใจสั่นกลัวๆๆไปเป็นเดือน คิดให้ทำร้ายตัวเอง แบบนี้ต้องทำร้ายตัวเอง
เครียตคิดเองให้อาละวาดทำลายข้าวของ (ความฟุ้งซ่านมาเป็นพักๆ ในแต่ละวัน) ทำงานจู่ๆไปห้องน้ำ แล้วแวปคิดๆๆๆ (ยังพอทำงานได้อยู่)
ขับรถกลับบ้าน จู่ๆก็แวปคิด แล้วก็ใจสั่นกลัวตัวเองขึ้นมา ตกใจง่าย โกรษๆๆง่าย หงุดหงิด(เป็นๆหายๆทั้งเดือน) เกือบต้องไปหาหมอ ช่วงสิ้นปี
ผมมี3ทางให้เลือก
1.หาหมอ (ไม่ได้ไป หาข้อมูลมาเพราะไม่ได้หูแว่ว เห็นภาพหลอนเป็นจริงจัง ทำงานได้ ขับรถได้ แต่ชอบคิด คิดเรื่องทุกข์ๆ)
2.ออกบวช (โอ่อ่าไป ที่บ้านงงๆ เกิดอะไรขึ้น)
3.ไปเที่ยว
ผมไปเที่ยวครับ บวกกับตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมบำบัดตัวเอง โดยการฟัง ธรรมคำสอน ทางศานา เอาแบบฟังง่ายเข้าใจ ไม่ใช่บทสวดยากๆธรรม ภาษาพระขั้นสูง (เราไม่เข้าใจ) แล้วได้ข้อคิดดีๆเยอะและเข้าใจอะไรมากขึ้น ผม 40 แล้วก็จริงผ่านอะไรมาก็เยอะแต่ จิตนั้นยังอ่อน
ต้องขอบคุณ เรื่องราวเหล่านี้ ที่ทำให้ผมตาสว่าง และรู้ว่าทำไมสังคมเราถึง ร้อนระอุ เราเป็นเมืองพุทธจริง แต่มีกี่คนที่สนธรรมะ และเข้าใจ
ผมเองก็เป็นคนนึง ที่ทำงานด้านสอน (เงินไม่ได้ขาดเหลือเก็บเยอะอยู่) เข้าใจผู้เรียนถ้าฟังยาก ละก็จะไม่หยากฟัง ไม่หยากเรียน เรียนไม่รู้เรื่อง
เดือนกว่ามานี้ผมดีขึ้นครับ ภาพประหลาด จิตหลอนๆ การปรุงแต่ของจิต น้อยลง ยิ่งไม่ได้สนให้ความสำคัญ ก็ลืมไปแล้ว ว่ามีเรื่องทุกข์แวปเข้ามา
ทำให้เบาบางลง แต่ยังมีความเครียต หลงเหลือ และกรุ่นอยู่บ้าง
ทีนี้มามองตัวเอง ผมทุกข์อะไร ผมเครียตคนที่ทำงาน ผมเคยโกรษเกลีต เพื่อนบางคนในหลายๆเรื่อง จนนอนไม่หลับมาก่อนหน้านี้แล้ว
ผมแค้นมัน ผมโกรษผมเกลียต ต้องด่ามันคืนว่ามันคืน ถึงจะหายแค้น สิ่งเหล่านี้คืออาหารที่หล่อเลี้ยง อกุศลจิต ทำให้มีพลังและทำร้ายผมเอง
ผมถึงเข้าใจ แต่ยังเครียตบ้าง ตามเหตุการที่เจอ คนเอาเรื่องเครียตมาคุย มาพูด น่ารำคาญไม่น่าฟังต้องบาย กลัวตัวเองจะดำดิ่งอีก
ทีนี้เรามาฟังทางแก้กันครับ ที่ทำงานผมมีหลักการหนึ่งสอนเขาเท่ากับสอนตัวเอง
1.หนีจากความเครียตซะบ้าง คนที่ทำให้เครียต เพื่อนเครียตๆก็งดฟัง เรื่องเครียตๆก็ต้องห่าง
บางคนช่างคุย เหมือนขำ เหมือนสนุกตลก แต่แฝงไว้ด้วยความเครียต และอกุศลจิตต้องห่างๆ
2.ภาพยนต์ ที่ตึงเกินไป คิดมากๆ(ก็รู้นั่นเรื่องแต่งทั้งนั้น) ต้องขอบคุณหนังไทยตลกๆ ที่ทำให้ผมย้อนเอามาดู หาสาระไม่ได้ แต่หายเครียตดีครับ
3.สถานที่ที่เครียต ลองหาที่ไปใหม่ๆ หรือไม่ได้ไปมานานแล้ว ออกกำลังกายบ้าง มูมตัวออกมาจากตรงนั้น และไปเปิดประสพการณ์ ดีๆในที่ใหม่ๆเก่าๆ(นานแล้ว)ซะบ้าง ก็จะดีขึ้นลองไปเที่ยว ตจว.แล้วไม่เปิดมือถือเลย ลองดูสิครับ
4.วันนี้คุณอยู๋กับมือถือทุกวัน โลกโซเชี่ยล ที่พยายามจะยัดเยียดความรุนแรงโหดร้ายก้าวร้าว ต้องห่างต้องหนี เรื่องราวผู้คนข่าว ต่างๆไม่รู้เป็นดี
5.สุดท้าย ผู้คนวันนี้ออกกำลังกาย แต่ไม่ออกกำลังใจ กำลังจิต ควรออกกำลังจิตกันบ้าง สมาธิและธรรมะ
6.อ้ออีกข้อครับ ครอบครัวมีอะไรก็พูดๆบอกๆไปบ้าง อย่างน้อยจะได้ความเห็น จะดีไม่ดี ก็บอกๆกันไปเลย