ในวัย40ปีของผม ทำงานผ่านอะไรมาก็เยอะ ผมยังไม่มีครอบครัวนะครับ
ผมอยู่กับแม่ และยายแก่ๆ ชีวิตผมทำงานบริษัทเอกชน งานสบายอยู่ครับ มีช่วงงานเร่งก็กดดันบ้าง
จนมีอยู่วันนึงเมื่อเดือนที่แล้ว ผมดูข่าว ซึ่งเคยบอกที่บ้านว่าไม่ชอบดูมันเครียต คดีฆาตกรรม ที่ลูกฆ่าแม่ ข่าวเมื่อเดือนที่แล้ว แรกๆก็ไม่สนใจ
พอวันรุ่งขึ้น ผมมาฟังข่าวทางยูทูป ทำงานไปฟังๆๆๆ ฟังไปครึ่งวัน เฮ้ยยย ไม่รู้ตัวเลย ว่าดำดิ่งลงไปตั้งแต่เมื่อไรแต่เราเครียตอะ เพราะปกติจะเดินไปล้อเล่นกันกับเพื่อนๆที่ทำงาน วันนี้นั่งฟังข่าวนิ่ง เงียบเราคุยกับใครเรื่องข่าว แต่น้อยคนสนใจ
ช่วงบ่ายก็ฟังอีกช่องข่าวอีกช่องฟังๆๆ สถานีนึง ฟังวนไปอีก เฮ้ยยย ผมเครียต แล้วฟังมันทำไม
จนเลอกงาน ขับรถกลับบ้าน ชม.นึง ขับรถมาก็เครียตๆๆ คิดถึงข่าว ก็ยิ่งเครียตๆๆๆ
กลับถึงบ้าน เราก็หงุดหงิด รู้สึกรำคาญไปหมด ฉู่ๆผมก็กลายเป็นเครียต ข่าวนี้ทำให้ผมคิดมากกก
ตอนกลางคืนนั้น นอนไม่หลับ เครียตจนนอนไม่หลับ นึกถึงข่าวนี้ ว่าไม่จริงหรอก ลูกต้องไม่ทำแบบนี้กับแม่
(ไปๆมาๆเอามาเปรียบกับตัวเองซะงั้น เราไม่มีทางทำแบบนี้แน่ๆเรากับแม่กับยายรักกันมากๆ แล้ววิจารย์ข่าวที่บ้าน)
วันรุ่งขึ้น ตามข่าวอีก 2-3 วันไม่เชื่อว่าลูกจะทำแบบนี้ได้ คุยข่าวนี้กับที่บ้านด้วย
ยิ่งพูดยิ่งฟัง เราก็ยิ่งเครียตตตตตตต แล้วข่าวนี้มันเกี่ยวกับเราตรงไหน แต่เราเครียตๆๆ (ปกติก็ขี้โมโหบ้าง ไม่พอใจโยนของทิ้ง เขวี้ยงแก้วทิ้งบ้าง ปามือถือพังบ้าง ตอน 20 กว่าๆแต่มันหายไปจนหลังๆก็มีโวยวายบ้าง ทะเลาะจนเขวี้ยงจานทิ้ง )
จนต่อมา เราหลอนๆๆ คือเห็นภาพแวปๆ ภาพฆาตกรรมแวปๆ ภาพศพบ้าง มันแวปเข้ามาในหัว เรากลัวๆๆ
ตอนนอนเราเห็นเหมือนเห็นเงาๆ แวปๆ จู่ๆก็นึกถึงผี ปีศาจ เรากลัวๆๆ ยิ่งไปหาข้อมูล เขาจะว่าเป็นโรคจิต
เรายิ่งเครียต ยิ่งกลัว ตอนนี้สำนึกเลย เลยว่าใครบ้าสงสัยคงเสพยามากๆ ใครจิตอ่อน พวกงมงาย ผีเข้าเชื่อเรื่องไร้สาระ ตอนนี้สำนึกเลย สงสารเขามาทันที พอเกิดกับตัว เฮ้ยยย เราจะบ้าเหรอ
เราตกใจง่ายๆ กลัว และอารมณ์เสีย หงุดหงิด จู่ๆก็คิดๆๆ เรื่องต่างๆแล้วหงุดหงิด รถติดรำคาญ ที่บ้านบ่นๆๆ
เราก็โวยวายขึ้นมาเลย จนที่บ้านทักว่าเราหงุดหงิด บ่อยๆช่วงนี้
เราก็เลยสารภาพกับ แม่ตรงๆว่าตั้งแต่เราได้ยินข่าวนั้นเราหงุดหงิด เรากลัว และบ่อยๆเราจะนึกถึงคดีนั้นบ่อยๆ
แม่แนะว่าโทรไปกรมสุขภาพจิตได้นะ แล้วจะไปทำงานได้เหรอ เราบอกได้ทำงานได้ เพราะถ้าหงุดหงิดเราจะหนีคน
หรือจะไปหาหมอ เลยทันทีก็ได้นะ แต่เราไม่ไป เราว่าเราเป็นคนคิดมาก และจิตมันหลอก
ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เราก็ได้ฟังหลักธรรมต่างๆ พอเยียวยา จนภาพแวปๆ บ้าๆมันเบาบางลงไป
เรื่องของการฝึกจิต ว่าจิตเรานั้นฟุ้งซ่าน และการไม่มีสมาธิ การมีโทสะมากไป ใจมีความเกลียตความแค้น (กับคู่แข่งที่ทำงาน และมีความเครียตกดดันจากงานด้วย เรื่องจริง) มันทำให้จิตใจเราฟุ้งซ่าน และทำให้จิตใจปรุงแต่งไปไกล
ภาพแวปๆ ต่างๆก็มาจากจิต ปรุงแต่ ผสมผสาน ข่าวที่มากระทบใจ หนัง ซีรีย์ ภาพยนต์ ปนๆๆๆ กันเข้าไป ให้จิตเอามาหลอกตัวเอง
ตอนนี้หนังเครีตๆฆ่าๆฟันๆเราไม่กล้าดู ฉู่ๆก็ดูไม่ได้ กลัวๆ เราเคยด่าพระ ไม่ค่อยเชื่อศาสนา แต่ตอนนี้เราหันมาฟังธรรมมะ เขาเรียกอนัตตา สิ่งที่เกิดขึ้นเอง ควบคุมมันไม่ได้ บางครั้งมันมาเพื่อทดสอบเรา
เมื่อมันมาเองได้ ตั้งอยู่ได้ มันก็หายดับไปได้ เพราะมันคือ สิ่งที่ไม่เที่ยง และไม่ช้ามันก็จะมาใหม่ พอเราฟังเรื่องพวกนี้เราพอดีขึ้น
ภาพแวปๆหายไป แต่จะมีคลื่น บางอย่างในอก ที่ทำให้เครียต บ้างความซุ้งซ่าน นึกถึงเรื่องหงุดหงิดๆๆ มาๆหายๆ บอกตัวเอง ว่านี่คิดไปเองทั้งหมด
คิดเอง คิดเอง ๆๆๆๆ ก็หายๆไปบ้าง
ใครเข้ามาอ่าน ก็ต้องขอขอบคุณมากนะครับ และหยากทราบความเห็นคนอ่านด้วย
อ้อผม40แล้ว อย่ามองว่าแก่นะ เพราะถ้าคุณ 40 เมื่อไรก็จะรู้เอง เฮ้ยยยเรายังไม่แก่หรอก
ผมจิตหลอนครับ เป็นมาได้เดือนนึงแล้ว
ผมอยู่กับแม่ และยายแก่ๆ ชีวิตผมทำงานบริษัทเอกชน งานสบายอยู่ครับ มีช่วงงานเร่งก็กดดันบ้าง
จนมีอยู่วันนึงเมื่อเดือนที่แล้ว ผมดูข่าว ซึ่งเคยบอกที่บ้านว่าไม่ชอบดูมันเครียต คดีฆาตกรรม ที่ลูกฆ่าแม่ ข่าวเมื่อเดือนที่แล้ว แรกๆก็ไม่สนใจ
พอวันรุ่งขึ้น ผมมาฟังข่าวทางยูทูป ทำงานไปฟังๆๆๆ ฟังไปครึ่งวัน เฮ้ยยย ไม่รู้ตัวเลย ว่าดำดิ่งลงไปตั้งแต่เมื่อไรแต่เราเครียตอะ เพราะปกติจะเดินไปล้อเล่นกันกับเพื่อนๆที่ทำงาน วันนี้นั่งฟังข่าวนิ่ง เงียบเราคุยกับใครเรื่องข่าว แต่น้อยคนสนใจ
ช่วงบ่ายก็ฟังอีกช่องข่าวอีกช่องฟังๆๆ สถานีนึง ฟังวนไปอีก เฮ้ยยย ผมเครียต แล้วฟังมันทำไม
จนเลอกงาน ขับรถกลับบ้าน ชม.นึง ขับรถมาก็เครียตๆๆ คิดถึงข่าว ก็ยิ่งเครียตๆๆๆ
กลับถึงบ้าน เราก็หงุดหงิด รู้สึกรำคาญไปหมด ฉู่ๆผมก็กลายเป็นเครียต ข่าวนี้ทำให้ผมคิดมากกก
ตอนกลางคืนนั้น นอนไม่หลับ เครียตจนนอนไม่หลับ นึกถึงข่าวนี้ ว่าไม่จริงหรอก ลูกต้องไม่ทำแบบนี้กับแม่
(ไปๆมาๆเอามาเปรียบกับตัวเองซะงั้น เราไม่มีทางทำแบบนี้แน่ๆเรากับแม่กับยายรักกันมากๆ แล้ววิจารย์ข่าวที่บ้าน)
วันรุ่งขึ้น ตามข่าวอีก 2-3 วันไม่เชื่อว่าลูกจะทำแบบนี้ได้ คุยข่าวนี้กับที่บ้านด้วย
ยิ่งพูดยิ่งฟัง เราก็ยิ่งเครียตตตตตตต แล้วข่าวนี้มันเกี่ยวกับเราตรงไหน แต่เราเครียตๆๆ (ปกติก็ขี้โมโหบ้าง ไม่พอใจโยนของทิ้ง เขวี้ยงแก้วทิ้งบ้าง ปามือถือพังบ้าง ตอน 20 กว่าๆแต่มันหายไปจนหลังๆก็มีโวยวายบ้าง ทะเลาะจนเขวี้ยงจานทิ้ง )
จนต่อมา เราหลอนๆๆ คือเห็นภาพแวปๆ ภาพฆาตกรรมแวปๆ ภาพศพบ้าง มันแวปเข้ามาในหัว เรากลัวๆๆ
ตอนนอนเราเห็นเหมือนเห็นเงาๆ แวปๆ จู่ๆก็นึกถึงผี ปีศาจ เรากลัวๆๆ ยิ่งไปหาข้อมูล เขาจะว่าเป็นโรคจิต
เรายิ่งเครียต ยิ่งกลัว ตอนนี้สำนึกเลย เลยว่าใครบ้าสงสัยคงเสพยามากๆ ใครจิตอ่อน พวกงมงาย ผีเข้าเชื่อเรื่องไร้สาระ ตอนนี้สำนึกเลย สงสารเขามาทันที พอเกิดกับตัว เฮ้ยยย เราจะบ้าเหรอ
เราตกใจง่ายๆ กลัว และอารมณ์เสีย หงุดหงิด จู่ๆก็คิดๆๆ เรื่องต่างๆแล้วหงุดหงิด รถติดรำคาญ ที่บ้านบ่นๆๆ
เราก็โวยวายขึ้นมาเลย จนที่บ้านทักว่าเราหงุดหงิด บ่อยๆช่วงนี้
เราก็เลยสารภาพกับ แม่ตรงๆว่าตั้งแต่เราได้ยินข่าวนั้นเราหงุดหงิด เรากลัว และบ่อยๆเราจะนึกถึงคดีนั้นบ่อยๆ
แม่แนะว่าโทรไปกรมสุขภาพจิตได้นะ แล้วจะไปทำงานได้เหรอ เราบอกได้ทำงานได้ เพราะถ้าหงุดหงิดเราจะหนีคน
หรือจะไปหาหมอ เลยทันทีก็ได้นะ แต่เราไม่ไป เราว่าเราเป็นคนคิดมาก และจิตมันหลอก
ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เราก็ได้ฟังหลักธรรมต่างๆ พอเยียวยา จนภาพแวปๆ บ้าๆมันเบาบางลงไป
เรื่องของการฝึกจิต ว่าจิตเรานั้นฟุ้งซ่าน และการไม่มีสมาธิ การมีโทสะมากไป ใจมีความเกลียตความแค้น (กับคู่แข่งที่ทำงาน และมีความเครียตกดดันจากงานด้วย เรื่องจริง) มันทำให้จิตใจเราฟุ้งซ่าน และทำให้จิตใจปรุงแต่งไปไกล
ภาพแวปๆ ต่างๆก็มาจากจิต ปรุงแต่ ผสมผสาน ข่าวที่มากระทบใจ หนัง ซีรีย์ ภาพยนต์ ปนๆๆๆ กันเข้าไป ให้จิตเอามาหลอกตัวเอง
ตอนนี้หนังเครีตๆฆ่าๆฟันๆเราไม่กล้าดู ฉู่ๆก็ดูไม่ได้ กลัวๆ เราเคยด่าพระ ไม่ค่อยเชื่อศาสนา แต่ตอนนี้เราหันมาฟังธรรมมะ เขาเรียกอนัตตา สิ่งที่เกิดขึ้นเอง ควบคุมมันไม่ได้ บางครั้งมันมาเพื่อทดสอบเรา
เมื่อมันมาเองได้ ตั้งอยู่ได้ มันก็หายดับไปได้ เพราะมันคือ สิ่งที่ไม่เที่ยง และไม่ช้ามันก็จะมาใหม่ พอเราฟังเรื่องพวกนี้เราพอดีขึ้น
ภาพแวปๆหายไป แต่จะมีคลื่น บางอย่างในอก ที่ทำให้เครียต บ้างความซุ้งซ่าน นึกถึงเรื่องหงุดหงิดๆๆ มาๆหายๆ บอกตัวเอง ว่านี่คิดไปเองทั้งหมด
คิดเอง คิดเอง ๆๆๆๆ ก็หายๆไปบ้าง
ใครเข้ามาอ่าน ก็ต้องขอขอบคุณมากนะครับ และหยากทราบความเห็นคนอ่านด้วย
อ้อผม40แล้ว อย่ามองว่าแก่นะ เพราะถ้าคุณ 40 เมื่อไรก็จะรู้เอง เฮ้ยยยเรายังไม่แก่หรอก