การที่เลิกติดต่อทางบ้าน ถือว่าบาปมั้ยคะ(แต่เรายังโอนเงินให้ทุกเดือน)

ขอเขียนท้าวความยาวๆ นะคะ

เราเป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ ลูกคนโต มีน้องชาย 1 คน
เข้ามาเรียนใน กทม. จนตอนนี้อายุใกล้เลข 3
สมัยยังเด็ก ที่บ้านมีปัญหาครอบครัวมาเรื่อยๆ ค่ะ 
พ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยๆ เพราะปัญหาหนี้สินรุงรัง ทำงานหาเงินน้อยกว่าสร้างหนี้
และปัญหาการมีเมียน้อยของพ่อค่ะ มีถึง 3 ครั้ง (เรารับรู้มาตลอด ตอนเราอยู่ ป.6/ม.5/ปี1)
ที่บ้านให้เรากู้เงิน กยศ. ตั้งแต่ ม.4 ค่ะ เราก็กู้เรียนมาเรื่อยๆ 
เมื่อกู้เงิน กยศ. จะต้องทำบัตรเอทีเอ็ม ซึ่งบัตรนั้น พ่อกับแม่เราเป็นคนเก็บไว้ค่ะ 
คือเมื่อเงินรายเดือนเข้า ทางพ่อกับแม่จะกดออกมาใช้ค่ะ
เราเรียนดีมาตลอดค่ะ จนเข้าช่วงมัธยมเกรดเริ่มแย่
เพราะโดนบังคับให้เรียน วิทย์-คณิต ซึ่งไม่ใช่ทางที่ถนัด
เราเริ่มเฟดตัวเองออกจากครอบครัวค่ะ 
เพราะโดนนำไปเปรียบเทียบกับลูกของครอบครัวอื่นบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิทที่ไปหาเราที่บ้านก็ตาม

พอเข้าปี 1 เราไม่ได้คุยกับพ่อเลยค่ะ เพราะเหตุผลที่ว่าพ่อมีเมียน้อย
และได้ไปอยู่กับทางนั้น ส่วนแม่อยู่กับน้องชายค่ะ แม่ทำงานรายเดือน ได้ไม่เกิน 6 พันค่ะ
พ่อทำงานรายวัน จะเป็นเงินที่ได้มาเลี้ยงครอบครัวค่ะ แต่พ่อไปและก็ทิ้งแม่ไว้กับน้องเลยค่ะ
ส่วนเราเข้าปี 1 ด้วยเงินของยายทั้งหมดค่ะ ยายเป็นคนช่วยเหลือเรื่องเรียนมาโดยตลอดค่ะ (เพราะเงิน กยศ. จะได้ทีหลัง)
ยายออกให้ก่อนทั้งหมดค่ะ รวมถึงเงินค่ากิน ค่าใช้จ่าย ค่าหอ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นยายที่ช่วยจ่ายค่ะ
และเงินที่ได้รายเดือนจากการกู้ กยศ. บัตรจะอยู่กับแม่ค่ะ ได้เดือนละ 2200 
เราจะได้เงินจาก กยศ. ประมาน 1000 ค่ะ ที่แม่แบ่งให้
พอเงินแม่ออกแม่ก็ส่งให้นะคะ ไม่ใช่ว่าไม่ให้เลย แต่ให้น้อยกว่าที่จำเป้นต้องใช้ (อาทิตย์ละ 300)
ปี 1 เป็นปีที่เรียนเต็มเวลาเลยไม่ได้หางานอะไรทำ 
แต่พอปี 2 เราเริ่มทำงานพาร์ทไทม์ค่ะ มีเงินพอใช้ในแต่ละเดือนแบบประหยัด และจ่ายค่าอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ค่ะ
พอขึ้นปี 3 ที่บ้านเริ่มมีปัญหาเรื่องการผ่อนรถ และหนี้สินต่างๆ ที่เราไม่ได้รับรู้ค่ะ รู้ตอนอยู่ปี 3 เทอม 2
ว่าพ่อกลับมาอยู่กับแม่ค่ะ และพ่อเริ่มป่วย เป้นโรควิตกกังวล ซึ่งเราไม่ได้รู้อาการของพ่ออย่างแน่ชัดค่ะ
ขึ้นปี 4 เราต้องดรอปเรียนค่ะ เพื่อส่งเงินให้ที่บ้านส่วนนึง จ่ายค่างวดรถให้ที่บ้านอีกส่วนนึง
ส่วนน้องชายก็ทำงานและหาเงินใช้ของมันเองค่ะ ไม่ได้เดือดร้อนเรา แต่ก็ไม่ได้ให้พ่อกับแม่
พอเราดรอปเรียน เราก็จบช้ากว่าเพื่อนๆ หรือคนแถวบ้านที่พ่อแม่เรารู้จัก เนื่องจากหลักสูตรของเราต้องเรียน 5 ปี เท่ากับว่าเราช้าไปอีก 2ปี
นั่นเลยกลายเป้นปัญหาที่ ที่บ้านไม่เข้าใจ (ไม่ยอมเข้าใจ)

พอตัดมาที่ปัจจุบัน เราเรียนจบแล้วค่ะ แต่เราไม่ได้ทำเรื่องรับปริญญา
และผลบุญจากการขยันทำงาน เราทำงานมานาน ทางหัวหน้าเหมือนใจดีให้โอกาสได้มาทำออฟฟิศ
เงินเดือนพอโอเคที่ใช้จ่าย ค่าหอ -ค่ากิน ต่างๆ
พ่อกับแม่ตอนนี้ยังอยู่ด้วยกันค่ะ พ่อป่วยหนักเป็นโรคซึมเศร้าวิตกกังวล
เราทะเลาะกับพ่อหลายครั้ง เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่า เราให้เงินเขา เท่าไหร่ก็ไม่พอค่ะ
ถูกประชดประชันด้วยคำพูดเสมอ ว่า นิสัยเสีย เงินแค่นี้ใครๆ ก็หาได้ 
เราให้เงินที่บ้านเดือนละ 5 พันค่ะ พ่อพูดว่า เงินแค่นี้เด็กก็ให้ได้ (ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเด็กที่ไหน เป็น งง)
พ่อและแม่เป็นคนหน้าใหญ่ใจกว้างเสมอค่ะ แต่ไม่ได้นึกถึงเรา
พ่อ ส่งลูกพี่ลูกน้องของเรา (เป็นหลานพ่อ) ซึ่งไม่ได้สนิทกับเรา ไม่เจอกันมาเกือบ 10 ปี ส่งมาอยู่กับเราค่ะ
เราต้องหางาน และที่อยู่ให้ และคอยเลี้ยงข้าวเวลาน้องเงินไม่พอ (คือเราก็ทิ้งไม่ได้ค่ะ น้องก็ดีค่ะ คอยช่วยเหลือเวลาเราทำของขาย เรามีขายของออนไลน์ด้วยค่ะ)
ส่วนแม่ ให้เราไปออกรถให้ น้า ที่เป็นน้องชายแม่ค่ะ ยอดรถ 8 แสน ตอนนี้ผ่อนมาได้ประมาน 6 เดือน จ่ายช้าทุกเดือนค่ะ
แต่ตอนมาขอร้อง บอกเราว่าจะชำระให้ตรงทุกเดือนค่ะ

และล่าสุดมากๆ ค่ะ พ่อเราขอสิ่งของที่เขาต้องการ แบบเด็กๆ ค่ะ อ้อนขอร้องเหมือนเด็กๆ
คือถ้าไม่ให้ เขาก็จะจำอะไรไม่ได้ค่ะ จำใครไม่ได้ มีเราคนเดียวที่ไม่เชื่อ แต่ทุกคนที่บ้านเชื่อหมดเลยค่ะ
น้องชายก็จะโทรมาให้เราโทรหาพ่อค่ะ เราเลยบอกให้น้องชายพาไปหาหมอ
พอไปถึง รพ. พ่อก็จำทุกคนได้ทันทีค่ะ (เราคงบาปมากที่ไม่เชื่อ)
และของที่พ่ออยากได้ราคาไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่พอไม่ให้ พ่อจะดราม่าพิมพ์ข้อความมาบอกเราทุกครั้ง ว่าอย่างนู้นอย่างนี้ แบบน้อยใจอ่ะค่ะ
ซึ่งเราควรน้อยใจกว่า เพราะเงินที่ให้เขาไปซื้อของที่อยากได้ ส่วนใหญ่ก็คือเงินกินของเราทั้งเดือน
เราไม่มีเงินเก็บค่ะ เพราะค่าใช้จ่ายเราเยอะกว่ารายรับ แต่มีเงินใช้เพราะขายของออนไลน์ได้บ้าง
ตอนนี้เงินเดือนเรา 2 หมื่นค่ะ (หักประกันสังคม 750)
ให้พ่อกับแม่ 5000
ค่าประกันชีวิตพ่อ 900 
ค่าหอ 3500
ให้ยาย 2500
ค่าโทรศัพท์ 500
ค่าบัตรเครดิต 2500
ส่วนเงินที่เหลือ 4350 จะใช้กิน และคอยซัพพอร์ต เวลาที่พ่อไม่สบายฉุกเฉิน ไม่ได้ทำงาน และเวลาที่เขาขอเพิ่มค่ะ
ส่วนเราถ้าเงินไม่พอเราก็รอวัดดวงว่าจะมีลูกค้ามาซื้อของมั้ย ประมานนั้นค่ะ
หรืออาจขอยืมแฟนใช้บ้างค่ะ

และตอนนี้ พ่อกับแม่เริ่มสร้างหนี้ โดยการขาย....ค่ะ (เป็นสิ่งที่คนไทยซื้อกันเดือนละ 2 ครั้ง) 
แต่ละครั้งเวลาขาย ก็จะต้องหาเงินมาให้คนที่ถูกค่ะ ขายแบบเงินเซ็นค่ะ
มีคนมาเซ็น ก็ให้เขาเซ็น และเก็บเงินอีกที คือวันที่ 5 และ 20 
สมมุติว่าขายครั้งนึง มีคนได้ เราต้องจ่ายเขา 5 พัน ก็จะโทรมาขอยืมเราค่ะ และบอกว่าจะคืนให้วันที่ 5
เป็นแบบนี้ทุกครั้งค่ะ และไม่เคยคืนตรง และไม่เคยได้ครบ ถ้าเราไม่ให้ พ่อกับแม่ก็จะไปกู้เงินดอกมาให้แทนเขาค่ะ
เราเลยรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นที่ต้องขาย จนเรายื่นคำขาดว่าถ้าไม่เลิกขาย คือเราไม่ช่วยเหลืออีกแล้วค่ะ เราให้เดือนละ 5 พัน คือจบ
ทุกวันนี้เราเลยไม่ได้ติดต่อไปเลยค่ะ แต่พอเงินออกเราก็จะโอนเงินให้ทุกเดือนค่ะ

เราไม่รู้ว่าการไม่ติดต่อไป คือบาปมั้ย
แต่เราเหนื่อยกับการพูดกับแม่และพ่อมากๆ ค่ะ 
ทำไมต้องสร้างหนี้ ทั้งๆ ที่อยู่เฉยๆ ก็ได้ค่ะ
ทุกวันนี้ติดต่อแค่กับน้องชายคนเดียวค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่