สวัสดีค่ะ เราชื่อ ตาล ค่ะ ไปทำจมูกกับคุณหมอคนหนึ่งมา ซึ่งเค้าก็มีชื่อเสียงอยู่พอสมควรเลย ใครที่เคยหาข้อมูลเรื่องทำจมูก ต้องรู้จักหมอศรัณย์แน่นอน เราตัดสินใจไปทำกับหมอศรัณย์เพราะพี่ที่รู้จักก็ทำกับหมอศรัณย์มาก่อนแล้วทรงจมูกพี่เค้าสวยจริงๆ บวกกับหาข้อมูลเพิ่มเติมเองด้วย ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่าที่นี่แหละ หมอคนนี้ต้องทำให้เราออกมาดูดีแน่นอน
ขอแปะรูปก่อนทำนิดนึง
ขอเล่าก่อนนะคะว่า เราอยากเข้าวงการ อยากเป็นนางแบบ อยากเป็นพริตตี้ อยากเข้าวงการนี้มากๆ แต่ว่าพอส่งรูปไปแคสงานที่ไหนก็ไม่ผ่าน ส่งไป 10 งานก็แคสไม่ผ่านทั้ง 10 งานเลย เราเสียใจมากคือนึกดูนะคนที่อยากทำงานนั้นมากๆแต่โดนปฏิเสธหมด เราหมดกำลังใจมาก ตอนนั้นเราร้องไห้เลย น้อยใจตัวเองมากๆ ว่าทำไมเราถึงไม่ได้ เราไม่สวยเหมือนคนอื่นเหรอ ทำไมเราแคสงานไม่ผ่าน จนมีพี่ที่รู้จักเค้าทำพริตตี้อยู่ ก็แนะนำว่าไปทำจมูกเพิ่มไหม ลองไปทำดูไหมอาจจะทำให้เราดูดีขึ้น หันมุมไหนก็สวยขึ้น เพราะตัวพี่เค้าเองก็ทำเหมือนกันเค้าก็เลยแนะนำเรา แล้วจากที่เราเห็นทรงจมูกของพี่เค้ามันก็ดูสวยจริงๆอ่า ดูเป็นธรรมชาติด้วย เราเลยใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน ก็หาข้อมูลคลินิก หาอ่านรีวิว แล้วก็ตัดสินใจไปปรึกษาคุณหมอ ที่ ศรัณย์คลินิกเลยค่ะ
อันนี้เป็นรูปก่อนที่เราทำจมูกค่ะ
หน้าแบนมาก ไม่มีมิติเลย
เพิ่งเข้าใจค่ะว่าทำไมแคสงานไม่ผ่าน
เราหาข้อมูลของหมอศรัยณ์โดยการอ่านรีวิวอย่างที่บอกไปเลยค่ะ ไปส่องเฟซบุ๊ก ส่องไอจีของคนที่รีวิว คนที่เคยทำกับหมอศรัณย์มาสอบถามคนรัจัก ว่าทำแล้วเป็นยังไงบ้าง หมอทำโอเคไหม เสียงส่วนใหญ่และพี่ที่เรารู้จักบอกว่า ที่นี่ดีจริงๆ หมอมือเบา ทรงสวยแล้วก็เป็นทรงที่เราอยากได้ แล้วเราก็ได้ไปปรึกษากับหมอ
เราคุยกับหมอศรัณย์โดยตรงเลย คุณหมอก็ถามว่า ทำไมเราถึงอยากทำจมูก เราก็ตอบตรงๆไปเลยค่ะ เราแคสงานไม่ผ่าน แคส 10 งานก็ไม่ผ่านเลยทั้ง 10 งาน อยากสวยขึ้น อยากดูดีขึ้น อยากแคสงานผ่าน แล้วคุณหมอก็ถามเรื่องประวัติเรื่องการรักษาหรือปัญหาเกี่ยวกับจมูกอะไรพวกนี้ค่ะ แต่เราก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับจมูกไม่เคยต้องผ่าหรือใช้ยาอะไรกับจมูกเลย หลังจากนั้นก็ตรวจสุขภาพค่ะ ตรวจอย่างละเอียดเลย ทั้งตรวจเลือด ดูลักษณะผิวของจมูกทั้งด้านนอกและด้านในเลยค่ะ ซึ่งตรงนี้จะทำให้หมอวางแผนการรักษาง่ายขึ้นค่ะ
แล้วต่อมาก็ถ่ายภาพจมูกของเราทุกมุมเลยแล้วก็จำลองภาพออกมาว่า หลังเราทำไปแล้วจะเป็นยังไง ซึ่งตรงนีเขาจะเอามาเปรียบเทียบให้เราดูค่ะว่าก่อนทำหลังทำเป็นยังไง แล้วหมอก็จะพูดคุยกับเรา แนวทางการทำจมูกจะเป็นไปในทางไหน แบบจมูกแบบไหนที่เราสามารถทำได้แล้วโอเคกับสภาพร่างกายของเรา ซึ่งคุณหมอ ก็แนะนำเราค่ะ เราควรทำแบบโอเพ่นด้วยกระดูกอ่อนหลังหู มันจะปลอดภัยแบบระยะยาว โอกาสที่จะเจอปัญหาจมูกเบี้ยวหรือซิลิโคนทะลุแทบไม่มีเลย อีกอย่างคือกระดูกอ่อนหลังหูของเราอ่ะ มันเป็นเนื้อเยื่อของตัวเราเอง ไม่เป็นของแปลกปลอมในร่างกาย โอกาสติดเชื้อน้อย แล้วก็อยู่ได้ตลอดชีพด้วย
หลังจากพูดคุยปรึกษาจนเสร็จเรียบร้อย เรารอคิว 1 เดือนกว่าๆค่ะ ระหว่างนั้นก็มีออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ แล้วก็รักษาสุขภาพ พยายามให้แข็งแรง เพราะก่อนจะไปทำจมูกหมอก็ให้งดใช้ยา แก้ปวด พวกเอสไพริน หรือไอบูโพรเฟน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ค่ะ แล้วที่สำคัญเลยก็คือ งดสูบบุหรี่ค่ะ โชคดีมากที่เราไม่สูบบุหรี่ ข้อหลังนี้เราเลยรอดไป
วันทำจริงเราไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย มัวแต่ตื่นเต้น 5555 พอทำเสร็จก็ยังมึนๆยาสลบด้วย เรื่องถ่ายรูปก็ลืมไปสนิทเลย แต่วันนั้นเราให้เพื่อนเราไปด้วยคนนึงค่ะ เพราะว่าของเราเป็นแบบที่ทำเสร็จแล้วสามารถกลับบ้านได้ ไม่ต้องนอนพักฟื้นเป็นวันๆ ตอนเราเข้าห้องไปก็คือ ตื่นเต้นมาก คิดอย่างเดียวว่า จะสวยแล้วนะๆ 5555 หมอก็ให้ดมยาสลบค่ะ จากนั้นก็…ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย หลังจากทำเสร็จ (เสร็จแบบ เพิ่งเย็บแปะผ้าปิดแผลเลยนะคะ) หมอก็จะดูอาการหลังผ่าตัด ถ้าไม่ผิดปกติอะไรหมอให้กลับบ้านได้เลยค่ะ เรียกแท๊กซี่แล้วหลับต่อบนรถแบบยาวๆเลย สบายๆ
ไปดูความเปลี่ยนแปลงของเรากันเลยค่ะ
หลังจากทำได้ 3 วัน
หลังทำเสร็จก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมากมายนะ ตึงๆ เฉยๆ มากกว่า
อยากที่บอกไปค่ะว่าก่อนไปทำเราออกกำลังกาย เพื่อให้ตัวเองแข็งแรงที่สุด
เพราะเราคิดว่า ถ้าสุขภาพเราแข็งแรงอ่ะ เราจะฟื้นตัวเร็ว
แล้วก็กินยาตรงเวลาทุกเม็ดเลย
***ขอดอกจันนิดนึง
ใครที่จะทำจมูก ไปตามหาหมอรองคอที่คิดว่าตัวเองนอนได้สบายที่สุดมาเลยค่ะ
ความจริงแล้วควรนอนหมอนสูงค่ะ แต่เรากลัวว่าตัวเองจะดิ้นเพราะปกติเป็นคนนอนดิ้นค่ะ
นอนดิ้นมากด้วย พลิกตัวทั้งคืน เราเลยติดสินใจใช้หมอนรองคอช่วยค่ะ ทำให้นอนสบายขึ้น
แล้วเราก็ประคบเย็นด้วยค่ะ ก็คือเจลประคบ จะเป็นเจลแบบแผ่นสีฟ้าๆ แผ่นใหญ่ๆ
หมอแนะนำให้ประคบ 2-3 วัน เราก็ประคบตามที่หมอบอกเลย 3 วันค่ะ
ไม่ใช่ว่าประคบทั้งคืนทั้งวันนะคะ
ประคบสัก 15 นาที แล้วพักสักครึ่งชั่วโมงหรือ 15 นาที แล้วก็ประคบใหม่
และก็มีการทำความสะอาดแผลค่ะ
ไม่กินของหมักดองด้วย เข้มงวดกับตัวเองสุดๆ
เชื่อฟังหมอยิ่งกว่าเชื่อฟังครูตอนเรียนอีก 555555
หลังทำได้ 7 วัน
ไปตัดไหมมาแล้ว ใช้ชีวิตได้ปกติค่ะ ไม่เจ็บเลย
พอใจกับทรงที่ได้มากๆ ส่องกระจกแล้วก็แบบ….ชอบมาก 5555
สวยแล้วเว้ยยยยยย
อีกอย่างที่เราฟื้นตัวเร็วคงเป็นเพราะเราดูแลตัวเองค่อนข้างดี
เชื่อฟังหมอ ทำตามคำแนะนำของหมอ
แล้วก็ร่างกายแข็งแรงด้วย
หลังทำได้ 1 เดือนค่ะ
จมูกเข้าที่เรียบร้อยแล้ว
ผลที่ออกมาถูกใจมากค่ะ เป็นทรงแบบที่ต้องการเลย
ดีใจมาก รู้สึกว่าเราเลือกหมอไม่ผิดจริงๆ
หมอมีการติดตามผลด้วยนะคะ ว่าเราเป็นไงบ้าง มีอาการอะไรหรือเปล่า
ดูแลดีมากๆค่ะ
หลังจากที่ได้ไปทำจมูกที่ศรัณย์คลินิกแล้ว ผลที่ได้ก็คือมั่นใจมากขึ้น เราพอใจกับผลที่ได้มากๆ มันเข้ากับหน้าเราเหมือนที่บอกไว้ตอนก่อนทำเลย แต่งหน้าได้ง่ายขึ้น หน้าดูมีมิติมากขึ้น เวลาถ่ายรูปช่างกล้องก็ชม เราเองเวลาถ่ายรูปก็มั่นใจทุกมุมเลย แบบว่าไม่ต้องหามุมเฉพาะ เพราะมุมไหนก็สวย ไรงี้ อิอิ เวลาเอารูปไปแคสงานก็ผ่านมากขึ้นค่ะ ตอนนี้งานก็เยอะขึ้นด้วย รู้สึกโชคดีมากที่เลือกหมอไม่ผิดจริงๆ ตอนทำก็คือไว้ใจหมอมากๆว่าหมอต้องทำจมูกเราแล้วออกมาดูดีแน่ๆ แล้วผลที่ออกมาก็คือถูกใจเราเลยค่ะ
ยังไงก็อยากจะเป็นอีกเสียงของ ศรัณย์คลินิกค่ะ ว่าปลอดภัย ได้ทรงจมูกแบบที่เราต้องการและเหมาะกับรูปหน้าของเราด้วย คุณหมอก็แนะนำดีค่ะ ศัพท์แพทย์อะไรพวกนี้เค้าก็อธิบายให้เราเข้าใจมากขึ้น ถ้าใครกำลังสนใจหรือว่าหาคลินิกดีๆสักที่ทำจมูกหรือศัลยกรรมอะไรก็แล้วแต่อยากให้ศึกษาข้อมูลของคลินิกดี ศึกษาว่าหมอที่ทำคือใคร มีประวัติการทำเป็นอย่างไร เพื่อความปลอดภัยแล้วก็ไม่ต้องไปเสียเวลาแก้ให้เจ็บตัวด้วย
[CR] เสริมจมูกแบบโอเพ่นกับหมอศรัณย์ ไม่เจ็บ และไม่แพงอย่างที่คิด
ขอแปะรูปก่อนทำนิดนึง
เราคุยกับหมอศรัณย์โดยตรงเลย คุณหมอก็ถามว่า ทำไมเราถึงอยากทำจมูก เราก็ตอบตรงๆไปเลยค่ะ เราแคสงานไม่ผ่าน แคส 10 งานก็ไม่ผ่านเลยทั้ง 10 งาน อยากสวยขึ้น อยากดูดีขึ้น อยากแคสงานผ่าน แล้วคุณหมอก็ถามเรื่องประวัติเรื่องการรักษาหรือปัญหาเกี่ยวกับจมูกอะไรพวกนี้ค่ะ แต่เราก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับจมูกไม่เคยต้องผ่าหรือใช้ยาอะไรกับจมูกเลย หลังจากนั้นก็ตรวจสุขภาพค่ะ ตรวจอย่างละเอียดเลย ทั้งตรวจเลือด ดูลักษณะผิวของจมูกทั้งด้านนอกและด้านในเลยค่ะ ซึ่งตรงนี้จะทำให้หมอวางแผนการรักษาง่ายขึ้นค่ะ
แล้วต่อมาก็ถ่ายภาพจมูกของเราทุกมุมเลยแล้วก็จำลองภาพออกมาว่า หลังเราทำไปแล้วจะเป็นยังไง ซึ่งตรงนีเขาจะเอามาเปรียบเทียบให้เราดูค่ะว่าก่อนทำหลังทำเป็นยังไง แล้วหมอก็จะพูดคุยกับเรา แนวทางการทำจมูกจะเป็นไปในทางไหน แบบจมูกแบบไหนที่เราสามารถทำได้แล้วโอเคกับสภาพร่างกายของเรา ซึ่งคุณหมอ ก็แนะนำเราค่ะ เราควรทำแบบโอเพ่นด้วยกระดูกอ่อนหลังหู มันจะปลอดภัยแบบระยะยาว โอกาสที่จะเจอปัญหาจมูกเบี้ยวหรือซิลิโคนทะลุแทบไม่มีเลย อีกอย่างคือกระดูกอ่อนหลังหูของเราอ่ะ มันเป็นเนื้อเยื่อของตัวเราเอง ไม่เป็นของแปลกปลอมในร่างกาย โอกาสติดเชื้อน้อย แล้วก็อยู่ได้ตลอดชีพด้วย
หลังจากพูดคุยปรึกษาจนเสร็จเรียบร้อย เรารอคิว 1 เดือนกว่าๆค่ะ ระหว่างนั้นก็มีออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ แล้วก็รักษาสุขภาพ พยายามให้แข็งแรง เพราะก่อนจะไปทำจมูกหมอก็ให้งดใช้ยา แก้ปวด พวกเอสไพริน หรือไอบูโพรเฟน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ค่ะ แล้วที่สำคัญเลยก็คือ งดสูบบุหรี่ค่ะ โชคดีมากที่เราไม่สูบบุหรี่ ข้อหลังนี้เราเลยรอดไป
วันทำจริงเราไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย มัวแต่ตื่นเต้น 5555 พอทำเสร็จก็ยังมึนๆยาสลบด้วย เรื่องถ่ายรูปก็ลืมไปสนิทเลย แต่วันนั้นเราให้เพื่อนเราไปด้วยคนนึงค่ะ เพราะว่าของเราเป็นแบบที่ทำเสร็จแล้วสามารถกลับบ้านได้ ไม่ต้องนอนพักฟื้นเป็นวันๆ ตอนเราเข้าห้องไปก็คือ ตื่นเต้นมาก คิดอย่างเดียวว่า จะสวยแล้วนะๆ 5555 หมอก็ให้ดมยาสลบค่ะ จากนั้นก็…ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย หลังจากทำเสร็จ (เสร็จแบบ เพิ่งเย็บแปะผ้าปิดแผลเลยนะคะ) หมอก็จะดูอาการหลังผ่าตัด ถ้าไม่ผิดปกติอะไรหมอให้กลับบ้านได้เลยค่ะ เรียกแท๊กซี่แล้วหลับต่อบนรถแบบยาวๆเลย สบายๆ
ไปดูความเปลี่ยนแปลงของเรากันเลยค่ะ
ยังไงก็อยากจะเป็นอีกเสียงของ ศรัณย์คลินิกค่ะ ว่าปลอดภัย ได้ทรงจมูกแบบที่เราต้องการและเหมาะกับรูปหน้าของเราด้วย คุณหมอก็แนะนำดีค่ะ ศัพท์แพทย์อะไรพวกนี้เค้าก็อธิบายให้เราเข้าใจมากขึ้น ถ้าใครกำลังสนใจหรือว่าหาคลินิกดีๆสักที่ทำจมูกหรือศัลยกรรมอะไรก็แล้วแต่อยากให้ศึกษาข้อมูลของคลินิกดี ศึกษาว่าหมอที่ทำคือใคร มีประวัติการทำเป็นอย่างไร เพื่อความปลอดภัยแล้วก็ไม่ต้องไปเสียเวลาแก้ให้เจ็บตัวด้วย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้