[CR] เล่าเรื่องเมืองหลังคาโลก นมัสเตเนปาล ทริป Hiking สำหรับคนไม่ Trekking #JourNU

#EP1 หนีหนาวมาเจอหนาวกว่าที่กาฐมาณฑุ
...แรกเริ่มเดิมที เราจองตั๋ว Thai Lion Air ไวช่วงต้นธันวา 5-10 กะจะแบคแพคไปคนเดียวแหละ เนปาล เป็นหนึ่งจุดหมายที่เราอยากไปเช็คอินปักหมุดให้ได้สักครั้งก่อนตาย กะจะแบคแพคเที่ยวเตรดเตรแบบงงๆนอนโฮสเทล สาเหตุที่ต้องแพ็คคู่ ก็พอดีพี่สาว(รุ่นพี่)ที่สนิททำงานอยู่เชียงใหม่ จองตั๋วกะจะไปแทรคกิ้งกับแก๊งค์เพื่อนเมื่อตอนกลางปี62 แต่ดั๊น! เธอไม่สบายหนักเสียก่อน ดั้น! ประจวบเหมาะกับเราจะไปช่วงธันวา เธอเลยดั๊น! เลื่อนตั๋วการบินไทย มาไปพร้อมกันกับเรา ดีเหมือนกัน ทุกอย่างในทริปเลยต้องหารสอง หน้าที่ผู้นำทัวร์เลยตกเป็นของเราที่อยู่กรุงเทพไปโดยปริยาย ตั้งแต่ทำวีซ่า จองรถบัส จองโรงแรม หาข้อมูล แชทคุยกับเอเจนซ์ แพลนเที่ยวแต่ละที่ เออ...ถ้าใครจะไปเนปาลเราแนะนำให้เข้ากรุ๊ป “ยินดีต้อนรับสู่ประเทศเนปาล COME VISIT NEPAL" แอดมินเป็นคนเนปาลที่เคยอยู่เมืองไทย พูดไทยพิมพ์ไทยได้ เราก็ได้กรุ๊ปนี้แหละที่ช่วย ต้องบอกก่อนว่า ก่อนที่ถึงวันเดินทางนั้น กรมอุตุ ออกประกาศว่ากรุงเทพอุณหภูมิจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เมืองหลวงของไทยจะหนาวมาก เล่นเอาผมเซ็งไปเลย กะว่าจะหนีร้อนในหน้าหนาวไปรับไอหนาวแรกของปีสักกะหน่อย พลาดแล่ะงานนี้ แต่คิดบวก ปีนี้ผมได้เจออากาศเลขตัวเดียวแล้ว กลับมาค่อยว่ากันใหม่ 
เอาล่ะ...วาร์ปมาถึงวันเดินทางกันเลยละกัน หลังจากที่พี่สาวผมบินไฟล์ต10.30 ที่สุวรรณภูมิไปก่อนหน้านี้แล้ว ถึงตาผมต้องสยายปีกบ้าง แต่ผมขึ้นที่ดอนเมือง บินเที่ยง ไปถึง11โมงกว่าๆแล้ว555 โชคดีทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอนราบรื่น เช็คอินไม่มีดราม่า 
สนามบินตรีภูวันขนาดกระทัดรัด กำลังเร่งขยาบริเวณเพื่อรองรับนทท.ให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ Visit Nepal 2020 ด้วย หลายอย่างเลยยังไม่พร้อมใช้งาน ที่นี่ตม.ไม่เคร่งมาก เราพยายามสอดส่ายสายตามองหาพี่สาวทันที เธอโบกมือหย๋อยๆอยู่หน้ากระจก ก่อนจัดแจงแลกเงินรูปีเนปาล เราใจตรงกันว่าเราจะติดตัวกันไปคนละ 5,000 บาทหรือประมาณ 19,000 รูปีเนปาล จากนั้นหาแท็กซี่ไปส่งที่พักที่จองไว้  กาฐมาณฑุ ชื่อไม่ดุ(เหมือนที่เราชอบเล่นมุขกันนะ) จริงๆต้องออกเสียง th+u=ทุ คงเพี้ยนๆกันมาจนเสียง T หาย กลายเป็นตัว D แทน ซึ่งไม่ผิดอะไรหรอก คนเนปาลเองยังเขียน du เลย ดุ หรือ ทุ ก็ได้ อย่าว่าเลย เราเองยังดุเหมือนกันนะบางทีมันออกเสียงง่ายกว่า แต่ที่ดุจริงคือการจราจร ขับรถน้องๆอินเดียที่เราเคยไปมาเมื่อปีที่แล้วเลยจริงๆ บางช่วงไม่มีสัญญาณไปแดง เป็นตำรวจจราจรยืนอยู่ในป้อมเล็กๆกลางถนน คอยยกป้าย Stop ให้รถหยุด บางคนอาจมองว่า เฮ๊ย ทำไมดูไม่เจริญเลย แต่เราว่ามันคลาสิกดีจะตาย เป็นเอกลักษ์อย่างหนึ่งที่แฝงนัยยะว่า อิทธิพลของเทคโนโลยี ความเจริญยังไม่ครอมงำเมืองเล็กๆประเทศนี้จนทุกอย่างกลายร่างเป็นเมืองศิวิไลซ์ไปเลยซะทีเดียว ผู้คนเค้าก็เคารพกฎดี พี่ตำรวจยังมีงานทำได้ต่อไป(แต่อาจจะต้องเช็คสภาพปอดทุกๆสามเดือนนะ) เป็นเสน่ห์อย่างแรกที่ชอบนะ 
นั่งรถมองบ้านเมืองผู้คนซ้ายขวามาได้ราวๆ10นาที ก็ถึง Kathmanthu Boutique Hotel ที่เราจองไว้และเราแชทมาจองรถบัส แบบดีลักซ์สำหรับวันพรุ่งนี้ไว้แล้ว แต่ด้วยความที่มาถึงก้อบ่าย 4 โมงแล้ว วันแรกเลยได้แค่เดินเล่นรับลมหนาวและฝุ่นในซอยแคบๆ ให้ร่างกายได้ปรับตัวก่อน 
ที่พักเราอยู่ไม่ไกลจาก Kathmanthu Dubar Square เดินไปประมาณ1 กิโล หาข้าวเย็นมื้อแรกของวัน มีฟุ้ดคอร์ดใกล้ๆ Kathmanthu Dubar Square หาไม่ยากครับ เราสั่งอาหารถิ่นกินไปหลายอย่าง รสชาติดีเลย แต่เดียวจะเขียนรีวิว สตรีต ฟุ้ด เนปาล ให้อ่านกันเล่นๆอีกกระทู้ คืนแรกไม่มีไรมาก เดินเล่นรอบๆจตุรัส ก่อนกลับโรงแรม นอนเอาแรง พรุ่งนี้เริ่มต้นการเดินทางจริงๆแล้ว...