ครั้งหนึ่งเคยมี “ห้องกรงสำหรับสตรี” ในห้องประชุมสภาอังกฤษ

สำหรับรัฐสภาสหราชอาณาจักรอันประกอบด้วย สภาขุนนาง และ สภาสามัญชน ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้วถึงห้องประชุมสภาสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบๆ สมาชิกฯ นั่งเบียดเสียดถกเถียงกัน และธรรมเนียมโบราณแปลกๆมากมายอันเป็นเอกลักษณ์
เรื่องที่ผมอยากนำมาเล่าสู่กันฟังวันนี้ เกี่ยวกับ “ระเบียงสตรี” หรือ “Ladies Gallery” ที่เคยมีอยู่ในสภาสามัญชน (House of Commons) ตั้งแต่ปี 1852-1941 ครับ

ในอดีต ครั้งสตรียังไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง ไม่มีสิทธิ์เข้าสภาในฐานะผู้แทนฯ ยังไม่มีสิทธิ์ปรากฎตัวในห้องประชุมอีกด้วย
ย้อนกลับไปก่อนเพลิงไหม้อาคารรัฐสภาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ในปี ค.ศ.1834 เผาผลาญอาคารพระราชวังโบราณวอดวายทั้งหลังจนเหลือเพียงท้องพระโรง Westminster Hall นั้น บริเวณปล่องระบายอากาศเหนือห้องประชุมสภาสามัญชน เป็นที่ซึ่งเหล่าสตรีผู้สนใจในการเมือง จะมานั่ง-นอน เอาหูแนบพื้น หรือสอดศีรษะผ่านช่องระบายอากาศเข้ามาเพื่อ”ฟัง”การถกเถียงที่เกิดขึ้นในห้องประชุมเบื้องล่าง เพราะถึงแม้ภายในห้องประชุม จะมีระเบียงชั้นลอยเหนือที่นั่งสมาชิกฯ สำหรับให้ประชาชนเข้ามานั่งฟังการประชุม (เรียกว่า ระเบียงคนนอก (Strangers Gallery)) มีไว้สำหรับ”สุภาพบุรุษ”เท่านั้น


ภาพห้องประชุมสภาสามัญชนก่อนเพลิงไหม้ใหญ่ปี 1834


ภาพปล่องระบายอากาศเหนือห้องประชุมที่สตรีจะมาเงี่ยหูฟังประชุม


ภาพการมีส่วนร่วมของสตรีในสมัยนั้น

ภายหลังเพลิงใหม้พระราชวังเวสต์มินสเตอร์จนหมดแล้ว รัฐบาลจึงมีโครงการจัดสร้าง “อาคารรัฐสภาใหม่” โดยให้จัดประกวดแบบโดยสาธารณชน จนได้แบบที่ชนะเลิศการประกวด เป็นแบบอาคารทรงนีโอ-กอธิคของ ชาลส์ แบร์รี่ (Charles Barry) และการออกแบบภายในโดย ออกุสตุส พิวกิน (Augustus Pugin) 
ซึ่งในการออกแบบในส่วนของห้องประชุมสภาสามัญชนนั้น ได้มีการออกแบบให้มีความทันสมัย(ในสมัยนั้น) และประดับประดาด้วยไม้แกะสลัก กระจกสี เพดานเขียนสีปิดทอง แต่ยังคงลักษณะรูปสี่เหลี่ยมเช่นเดิม
สิ่งที่เพิ่มขึ้นในการสร้างห้องประชุมครั้งนี้มีมากมาย สิ่งหนึ่งที่เพิ่มขึ้นเพื่อสาธารณชนนอกเหนือจากระเบียงคนนอก คือ “พื้นที่สำหรับสื่อมวลชน” หรือ ระเบียงสื่อ (Press Galery) เหนือที่นั่งประธานสภาฯและ “พื้นที่สำหรับสตรี” หรือ ระเบียงสตรี (Ladies Galery) 


ภาพห้องประชุมสภาสามัญชนเมื่อสร้างพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ใหม่หลังเพลิงไหม้
ถ่ายจากระเบียงคนนอกฝั่งหน้าตรง (ระเบียงคนนอกมี 3 ด้าน) มองเห็นที่นั่งประธานเบื้องหน้า
ขวามือประธานเป็นที่นั่งฝ่ายรัฐบาล
ซ้ายมือประธานเป็นที่นั่งฝ่ายค้าน
ระเบียงสื่ออยู่เหนือที่นั่งประธาน
หน้าต่าง 9 บานเหนือระเบียงสื่อคือ ระเบียงสตรี เมื่อมองจากในห้องประชุมจะไม่เห็นภายใน

ในยุคสมัยที่ความเท่าเทียมทางเพศยังไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมยุโรปศตวรรษที่ 19 นั้น การมีตัวตนของสตรี ในพื้นที่ของบุรุษอย่างรัฐสภา (ตามมุมมองของคนสมัยนั้น) เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ค่อนข้างยาก แต่กระแสเรียกร้องการมีส่วนร่วมของสตรีที่เพิ่มขึ้น จึงมีการจัดสร้าง พื้นที่ดังกล่าวขึ้น
แต่ด้วยค่านิยมในสมัยนั้น สตรีที่ต้องการมีส่วนร่วมฟังการประชุม จะต้องนั่งในระเบียงสตรี ที่เป็นห้องปิดเหนือผนังห้องประชุม ฝั่งที่นั่งประธานสภาฯ โดยมีลูกกรงทองเหลืองกั้นเอาไว้
และระเบียบสำหรับผู้เข้าร่วมฟังคือ “ต้องเงียบ” ในขณะมีการประชุม


ภาพวาดภายในระเบียงสตรีขณะมีการประชุม


ภาพสตรีที่มาร่วมฟังการประชุม


ภาพถ่ายภายในระเบียงสตรี


ภาพการประท้วงเรียกร้องสิทธิสตรีโดยการล่ามตัวเองกับลูกกรง

กระแสเรียกร้องสิทธิสตรีที่เพิ่มขึ้น ตลอดปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 จนสตรีผู้บรรลุนิติภาวะทุกคนในสหราชอาณาจักรได้รับสิทธิ์ในการเลือกตั้ง และสิทธิ์ที่จะลงสมัครเป็นผู้แทนในที่สุด
แต่การมีอยู่ของ ระเบียงสตรี ยังคงเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของ “การกดขี่-กีดกันสตรี” จึงทำให้มีการประท้วงมากมายเช่น การล่ามโซ่ตัวเองกับลูกกรง เป็นต้น
กระทั่งกลางดึกวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ.1941 เครื่องบินทิ้งระเบิดของนาซีเยอรมัน ได้ทิ้งระเบิดลงสู่สภาสามัญชน สภาขุนนาง และท้องพระโรงสมัยยุคกลางที่รอดมาจากเพลิงไหม้ใหญ่ ในการโจมตีลอนดอนและเมืองสำคัญอื่นๆทางอากาศที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษที่รู้จักกันในชื่อ The Blitz 

ระเบิดลูกที่ตกลงในสภาขุนนางนั้นด้าน แต่อีก 2 ลูกประทุเป็นเพลิงไหม้ขึ้น กำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงในเวลานั้น พอที่จะสามารถควบคุมเพลิงได้เพียง 1 จุดเท่านั้น จึงเลือกที่จะดับเพลิงในท้องพระโรงโบราณและปล่อยให้เพลิงไหม้สภาสามัญชนไป


ภาพความเสียหายของห้องประชุมหลังการระเบิด มองเห็นระเบียงสตรี หน้าต่าง 9 ช่องเหลือโครง 3 ช่อง

หลังจากนั้นในการบูรณะสภาสามัญชนในปี 1949 (Giles Scots) สถาปนิกผู้ได้รับเลือกให้ออกแบบก่อสร้างนั้น ได้รับโจทย์ในการออกแบบคือ
1.ออกแบบก่อสร้างห้องประชุม แบบทิวดอร์กอธิค อย่างห้องประชุมเดิม
2.ห้ามเปลี่ยนแปลงขนาดของห้อง
3.ออกแบบให้อยู่ในค่าใช้จ่าย ภายใต้งบประมาณจำกัดหลังสงคราม

แต่ความนิยมแค่ค่านิยมส่วนตัวของสถาปนิกในเวลานั้น ต้องการออกแบบสิ่งต่างๆให้เป็นแบบ โมเดิร์นและยังมีความไม่ชอบส่วนตัวในสถาปัตยกรรมแบบกอธิคอีกด้วย
แต่ถึงแม้จะพยายามเท่าใด ห้องประชุมใหม่ที่สร้างเสร็จ ก็ยังคง มีความเป็นกอธิค เหมือนเดิม แต่ความหรูหรา การประดับประดาลดลงจนเกือบหมดสิ้น กระจกสี เปลี่ยนเป็นกระจกธรรมดา เพดานระบายสีเปลี่ยนเป็นเพดานเรียบ ไม้สลักลงสีปิดทอง เปลี่ยนเป็นไม้เรียบ พื้นกระเบื้องสี เปลี่ยนเป็นกระเบื้องธรรมดา
นอกจากนั้นยังทำการขยายระเบียงสื่อให้ใหญ่โตขึ้น และไม่มีการสร้าง “ระเบียงสตรี” ขึ้นอีก
ส่วน”ระเบียงคนนอก” (Strangers Gallery) มีการเปลี่ยนชื่อเป็น ระเบียงสาธารณะ (Public Gallery) ในเวลาต่อมา


ภาพห้องประชุมในปัจจุบัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่