ขอบอกก่อนเลยนะคะว่าบ้านเราไม่ใช่บ้านที่รวย ฐานะต่ำกว่าปานกลางล่างด้วยซ้ำ
เริ่มแรกครอบครัวเรามี3คน แม่ พี่สาว เรา ตลอดมาไม่เคยมีบ้านอยู่เลย ปากกัดตีนถีบมาก ต้องไปอยู่กับคนนั้นคนนี้ อยู่ในโรงเรียนก็เคย(เพราะแม่ไปทำงานเป็นภารโรงผ.อสงสารเลยให้อยู่) และสุดท้ายมาเช่าบ้านอยู่
สักช่วงประมาณปี2556-2557(เราอยู่ประมาณป.6)แม่ก็มีสามีใหม่คือพ่อเลี้ยงเรา อยู่มาเรื่อยเราก็มารู้ว่าพ่อเลี้ยงมีลูกอยู่แล้วอีกสองคนเป็นผู้หญิง(มีลูก1คน)และผู้ชายซึ่งอายุเยอะกว่าเราเกือบ10ปี ก็เริ่มมาหากันบ้างแต่มาหาทีก็มีปัญหาตลอด เรื่องเงินบ้าง เรื่องที่อยู่บ้าง
และตอนเราอยู่ม.3ก็เริ่มหาเงินมาใช้เองจ่ายค่ากิน ค่าขนม ถ้ามีเยอะก็แบ่งให้แม่ ทำแบบนี้มาเรื่อยๆจนตอนนี้ปวช.3(กำลังจะจบ)แม่ก็เริ่มเห็นว่าเราสามารถเงินใช้เองได้แล้วก็เลยบอกว่าอยากสร้างบ้าน อาจจะต้องหาเงินมากขึ้นเพื่อมาช่วยกันสร้างทั้งเราทั้งพี่สาวก็พยายามหาเงินมาช่วย และเริ่มคิดว่าจะเรียนต่อดีไหม(เพราะจะจบแล้ว)เพราะจะเรียนต่อต้องใช้เงินเยอะ ต้องหาเงินจ่ายค่าเรียนเอง+แม่กำลังจะสร้างบ้าน+อยากให้แม่หยุดทำงานพัก เลยตกลงบอกแม่ว่าจะไม่เรียนต่อ หยุดเรียนไว้สัก1-2ปี หาเงินสร้างบ้าน,หาทุนไว้ไปเรียนต่อ
แต่เรามารู้ว่า2-3ปีที่แล้วลูกสาวของพ่อเลี้ยงมีลูกอีก1คน (ไม่ใช่กับสามีของลูกคนแรก)ทำให้มีปัญหาเรื่องเงิน เพราะตัวเองก็ไปทำงานไม่ได้ต้องเลี้ยงลูก สามีก็หาเงินได้น้อย แม่เลยคิดจะเอาลูกมาเลี้ยงให้(เพราะเราบอกจะไม่เรียนต่อเลยไม่มีภาระเรื่องเราแล้ว) ซึ่งเรารู้สึกไม่โอเคมากเลย เพราะเราต้องการให้แม่อยู่บ้านเฉยๆ เรายอมไม่เรียนต่อเพราะเรื่องเงิน แต่แม่กลับเอาภาระมาเพิ่มให้ตัวเองซะงั้น
ปล. เราเข้าใจว่าเลี้ยงเด็กคนหนึ่งไม่ง่ายเลย ที่นอน อาหารการกิน การดูแลอีก ซึ่งอย่างที่บอกตอนแรกว่าบ้านเราไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น
ปล. และเราไม่คิดจะมีลูกด้วยซ้ำเพราะคิดว่าค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กมันเยอะมาก และถ้าจะมีลูกจริงๆต้องไม่ให้ลำบากคนอื่นๆเด็ดขาด
ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับแม่ตรงๆมีแค่ถามอ้อมๆว่าจะเอามาเลี้ยงจริงๆหรอ แต่แม่ก็บอกว่าจริงทุกครั้ง
เราต้องบอกแม่ว่ายังไงดีค่ะ หรือที่เราคิดแบบนี้มันผิด หรือจะทำยังไงดี
แม่จะเอาลูกของลูกพ่อเลี้ยงมาดูแล
เริ่มแรกครอบครัวเรามี3คน แม่ พี่สาว เรา ตลอดมาไม่เคยมีบ้านอยู่เลย ปากกัดตีนถีบมาก ต้องไปอยู่กับคนนั้นคนนี้ อยู่ในโรงเรียนก็เคย(เพราะแม่ไปทำงานเป็นภารโรงผ.อสงสารเลยให้อยู่) และสุดท้ายมาเช่าบ้านอยู่
สักช่วงประมาณปี2556-2557(เราอยู่ประมาณป.6)แม่ก็มีสามีใหม่คือพ่อเลี้ยงเรา อยู่มาเรื่อยเราก็มารู้ว่าพ่อเลี้ยงมีลูกอยู่แล้วอีกสองคนเป็นผู้หญิง(มีลูก1คน)และผู้ชายซึ่งอายุเยอะกว่าเราเกือบ10ปี ก็เริ่มมาหากันบ้างแต่มาหาทีก็มีปัญหาตลอด เรื่องเงินบ้าง เรื่องที่อยู่บ้าง
และตอนเราอยู่ม.3ก็เริ่มหาเงินมาใช้เองจ่ายค่ากิน ค่าขนม ถ้ามีเยอะก็แบ่งให้แม่ ทำแบบนี้มาเรื่อยๆจนตอนนี้ปวช.3(กำลังจะจบ)แม่ก็เริ่มเห็นว่าเราสามารถเงินใช้เองได้แล้วก็เลยบอกว่าอยากสร้างบ้าน อาจจะต้องหาเงินมากขึ้นเพื่อมาช่วยกันสร้างทั้งเราทั้งพี่สาวก็พยายามหาเงินมาช่วย และเริ่มคิดว่าจะเรียนต่อดีไหม(เพราะจะจบแล้ว)เพราะจะเรียนต่อต้องใช้เงินเยอะ ต้องหาเงินจ่ายค่าเรียนเอง+แม่กำลังจะสร้างบ้าน+อยากให้แม่หยุดทำงานพัก เลยตกลงบอกแม่ว่าจะไม่เรียนต่อ หยุดเรียนไว้สัก1-2ปี หาเงินสร้างบ้าน,หาทุนไว้ไปเรียนต่อ
แต่เรามารู้ว่า2-3ปีที่แล้วลูกสาวของพ่อเลี้ยงมีลูกอีก1คน (ไม่ใช่กับสามีของลูกคนแรก)ทำให้มีปัญหาเรื่องเงิน เพราะตัวเองก็ไปทำงานไม่ได้ต้องเลี้ยงลูก สามีก็หาเงินได้น้อย แม่เลยคิดจะเอาลูกมาเลี้ยงให้(เพราะเราบอกจะไม่เรียนต่อเลยไม่มีภาระเรื่องเราแล้ว) ซึ่งเรารู้สึกไม่โอเคมากเลย เพราะเราต้องการให้แม่อยู่บ้านเฉยๆ เรายอมไม่เรียนต่อเพราะเรื่องเงิน แต่แม่กลับเอาภาระมาเพิ่มให้ตัวเองซะงั้น
ปล. เราเข้าใจว่าเลี้ยงเด็กคนหนึ่งไม่ง่ายเลย ที่นอน อาหารการกิน การดูแลอีก ซึ่งอย่างที่บอกตอนแรกว่าบ้านเราไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น
ปล. และเราไม่คิดจะมีลูกด้วยซ้ำเพราะคิดว่าค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กมันเยอะมาก และถ้าจะมีลูกจริงๆต้องไม่ให้ลำบากคนอื่นๆเด็ดขาด
ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับแม่ตรงๆมีแค่ถามอ้อมๆว่าจะเอามาเลี้ยงจริงๆหรอ แต่แม่ก็บอกว่าจริงทุกครั้ง
เราต้องบอกแม่ว่ายังไงดีค่ะ หรือที่เราคิดแบบนี้มันผิด หรือจะทำยังไงดี