เราไปเที่ยวเมือง “เซมโบกุ (Semboku)” จังหวัดอาคิตะมาค่ะ ใครจะไปคิดว่าเมืองที่ชื่อไม่คุ้นหูแบบนี้จะมีทั้งออนเซ็นในตำนาน ทะเลสาบน้ำสีสวย อาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อ วัฒนธรรมอันน่าประทับใจ ฟาร์มสเตย์ในชนบท รถไฟโลคอลหวานเย็นสุดคิวท์ และที่สำคัญมีธรรมชาติให้ได้สัมผัสแบบจัดเต็ม 2 คืน 3 วันในเมืองเซมโบกุของเราดีมาก จนอยากมาแชร์ให้ทุกคนอ่านกัน

เราซื้อบัตรโดยสาร JR East Pass Tohoku Area เพราะมีแพลนจะเที่ยวในรูทโทโฮคุค่ะ จากโตเกียวให้จอง Akita Shinkansen มาลงที่สถานี Kakunodate หรือจะลงที่สถานี Tazawako ก็ได้ เพราะทั้งสองสถานีอยู่ในเขตเมืองเซมโบกุค่ะ (แล้วแต่แพลนว่าจะเที่ยวโซนไหนก่อน) ถ้ามีบัตร JR East Pass ก็ใช้จองที่นั่งได้ฟรีด้วยนะ

เราเลือกลงที่คาคุโนะดาเตะก่อนค่ะ การเดินทางในเมืองเซมโบกุส่วนตัวเราคิดว่าเช่ารถขับจะประหยัดกว่า ใช้บริการแท็กซี่ก็สะดวกแต่แพง หรือถ้าไม่ได้รีบร้อนอะไรจะใช้บริการรถบัสสาธารณะก็ไม่ได้ยากนะคะ เพียงแต่มันมีรอบการเดินรถค่อนข้างน้อยมาก ประมาณชั่วโมงละครั้งเองค่ะ อีกทั้งแต่ละสถานที่อยู่ไกลกัน เราจึงเลือกเช่ารถค่ะ คิดว่าต้องขับคุ้มเงินแน่ๆ อิอิ 

ปักหมุดลิสต์กิจกรรมและสถานที่ที่เราไป
โซนสถานี Kakunodate
1. ใส่ยูกาตะ นั่งรถลาก เล่นกับอาคิตะอินุที่หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Samurai District) 
2. นั่งรถไฟโลคอลสายอาคิตะไนริคุ (Akita Nairiku Line)
3. เวิร์คช็อปทำกระดาษญี่ปุ่นที่คาตาคุริเซ็นเตอร์ (Katakuri Center)
4. ชมการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านที่หมู่บ้านศิลปะอาคิตะ (Akita Art Village) 
5. ชมธรรมชาติที่หุบเขาดาคิกาเอริ (Dakigaeri Gorge)
โซนสถานี Tazawako
6. ทำคิริทัมโปะ ที่ฟาร์มสเตย์คามาโดะ (Kamado Farmstay)
7. กินอินานิวะอุด้ง ขอพรที่ศาลเจ้า ล่องเรือ ชมรูปปั้นทัตสึโกะ ที่ทะเลสาบทาซาวะ (Lake Tazawa)    
8. แช่ออนเซ็นสีน้ำนมและพักเรียวกังโบราณที่นิวโตออนเซ็น (Nyuto Onsen)   
9. ขอพรเจ้าแม่กวนอิมยักษ์ (Tazawako Konjiki Daikannon) 
10. แวะซื้อของฝากที่ร้านน้ำผึ้งฮาจิมิทสึ (Yama no Hachimitsuya)

เริ่มต้นที่โซนสถานีคาคุโนะดาเตะ,
ก่อนอื่นเราพุ่งตัวเอาของไปเก็บที่โรงแรม Tamachi Bukeyashiki Hotel ที่จองไว้ก่อน ข้อดีของโรงแรมนี้คือมีรถรับ-ส่งระหว่างสถานีกับโรงแรม และมีแพ็คเกจอาหารเช้า-เย็นรวมในค่าโรงแรม ยืนยันว่าอาหารอร่อยมาก แต่แอบเสียใจที่โรงแรมไม่มีลิฟท์
1. หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Samurai District)

เดินจากโรงแรมมาไม่ไกลจะพบกับถนน Bukeyashiki ซึ่งเป็นย่านหมู่บ้านซามูไร ในอดีตตรงนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าซามูไรนั่นเองค่ะ ปัจจุบันมีการอนุรักษ์บ้านโบราณอายุหลายร้อยปีเอาไว้ บางหลังก็เปิดให้เข้าเยี่ยมชม เราก็เข้าไปชมมาหลังหนึ่งค่ะชื่อว่า Ishiguro ความพิเศษคือเป็นหลังที่เก่าแก่ที่สุดในหมู่บ้าน ซึ่งต้องเสียค่าเข้า 300 เยน ภายในมีทั้งโซนอยู่อาศัย พิพิธภัณฑ์ คาเฟ่ และสวนญี่ปุ่น

เราตั้งใจเอาไว้ว่าอยากใส่ยูกาตะนั่งรถลาก จึงไปเช่ายูกาตะที่ร้าน Tatetsuya ทางร้านจะให้เราเลือกลายผ้า กระเป๋า และเกี๊ยะที่ชอบ แล้วจะมีคนมาแต่งตัวทำผมให้ในราคา 4,000 เยนค่ะ ความดีงามคือเช่าแล้วสามารถใส่ได้ทั้งวันเลย จากนั้นเราเดินไปเช่ารถลากที่ด้านหน้า Denshokan Museum รถลากของที่นี่จะให้เราเลือก 15, 30, 45 นาที เราเลือกแค่ 15 นาที 3,000 เยน เราชอบบรรยากาศสองข้างถนนที่มีต้นไม่เยอะๆ อันที่จริงเราไปช่วงฤดูใบไม้ร่วงนะคะ แต่เสียดายที่ยังไม่ค่อยแดง ระหว่างทางก็มีคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านขายของฝากให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ด้วยค่ะ เดินเล่นได้ทั้งวันเลย

อีกสถานที่ที่เราอยากเล่ามากคือ Enishi จริงๆ เป็นเกสต์เฮาส์แต่ก็เปิดให้เข้าไปเล่นกับอาคิตะอินุที่เจ้าของเลี้ยงไว้ได้ แต่จำเป็นต้องซื้อโปสการ์ดน้องหมา 100 เยน น้องน่ารักมาก (กกก) ชื่อสุจังกับฟุจิโกะ

2. รถไฟสายอาคิตะไนริคุ (Akita Nairiku Line) 

เราชอบนั่งรถไฟ เลยหาเวลามานั่งรถไฟโลคอลหวานเย็นของจังหวัดอาคิตะ อาคิตะไนริคุเป็นรถไฟขบวนสั้นๆ วิ่งช้าๆ ระหว่างสถานี Kakunodate และ Takanosu แล่นผ่านนาข้าว ภูเขา บ้างเป็นบ้านเรือน 

เป็นที่รู้จักจากศิลปะบนนาข้าวที่บริเวณสถานี Ogata แต่จริงๆ แล้วรถไฟสายนี้ยังมีสถานที่น่าสนใจให้แวะตลอดเส้นทาง และเราไม่จำเป็นต้องนั่งยาวๆ ก็ได้ อีกอย่างมีตั๋วแยกและพาสราคาประหยัด ส่วนตัวเราซื้อตั๋วแยกเพราะมีจุดหมายในใจคือที่สถานี Yatsu ค่ะ 

3. คาตาคุริเซ็นเตอร์ (Katakuri Center)

ที่สถานี Yatsu มี Katakuri Center ที่ภายในเปิดเป็นเวิร์คช็อปสอนทำกระดาษญี่ปุ่นและเป็นจุดจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น เราลงทะเบียนชอบทำเวิร์คช็อปทำกระดาษญี่ปุ่นล่วงหน้าเอาไว้ ใช้เวลาราว 20 นาทีก็ทำเวิร์คช็อปเสร็จ แถมได้กระดาษกลับบ้านด้วยนะคะ ดีมากเลย แต่เวิร์คช็อปนี้ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้นและเปิดเมื่อมี 5 คนขึ้นไปค่ะ

4. หมู่บ้านศิลปะอาคิตะ (Akita Art Village) 

ชื่อว่าหมู่บ้านศิลปะแต่ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์นะคะ เราแอบจองมาดูโชว์วัฒนธรรมการหมักของอาคิตะที่ทำต่อๆ กันมายาวนานที่โรงละครวาราบิ แต่ถ้าไม่สนใจ ก็ยังอยากให้มาแถวนี้อยู่นะคะ เพราะมี Tazawako Beer Restaurant ร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่นที่เสิร์ฟเมนูจากวัตถุดิบท้องถิ่น เราสั่งเมนูเนื้อวัวอาคิตะหมักด้วยเบียร์ทาซาวาโกะ อร่อยแบบน้ำตาจะไหล เนื้อนุ่มมาก กินคู่กับข้าวสวยอาคิตะยิ่งเข้ากัน แนะนำเลยค่ะร้านนี้!

5. หุบเขาดาคิกาเอริ (Dakigaeri Gorge)

สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของเมืองเซมโบกุ คนนิยมมากันในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้เปลี่ยนสีค่ะ จุดสังเกตคือสะพาน Kami no Iwahashi สีแดงสด ว่ากันว่าแม่น้ำ Tama ที่ไหลผ่านช่องเขาจะเป็นสีฟ้าสด ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงสีของน้ำกับต้นไม้จะตัดกันสวยมาก จริงๆ ตรงนี้มีศาลเจ้าและน้ำตก Mikaeri no Taki อยู่ด้วย แต่ตอนนี้น้ำตกปิดให้บริการเนื่องจากภัยพิบัติเมื่อเดือนต.ค. จะเปิดให้บริการอีกครั้งในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 2020 นู่นแน่ะ 

เดี๋ยวมาต่อโซนสถานีทาซาวาโกะที่คอมเมนต์นะคะ :ー)