สวัสดีค่ะ เราชื่อแอนนะคะ เรื่องที่แอนมาพิมพ์เล่าให้อ่าน หลายคนอาจจะอ่านแล้วรังเกียจแอนไปเลย แอนไม่โต้แย้งค่ะ เพราะการกระทำที่เป็นอยู่ปัจจุบันมันไม่สามารถยอมรับได้จริง แต่แอนแค่อยากมาเล่าในมุมมองที่เราเป็นผู้ถูกกระทำมามาก มากจนหมดศรัทธาในรัก หมดศรัทธาในความซื่อสัตย์ เลยหันหน้าตามใจตัวเองแทน แอนแค่ต้องการแชร์ และไม่อยากให้ใครเป็นเหมือนแอนเท่านั้นเอง รวมถึงตอกย้ำตัวแอนเองด้วย ว่ามันผิด
ถ้าถามว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นจากอะไร บอกเลยค่ะ ว่าเกิดขึ้นเพราะแฟนของแอนไปมีผู้หญิงคนใหม่ ต้นเหตุเกิดจากเค้า แอนโทษเค้าแอนไม่โทษใครเลย
คือแอนกับแฟนเราเป็นคู่รักที่คบกันมาประมา4-5ปีแล้วค่ะ รักกันดีตามปกติ แล้วก็อยู่กินด้วยกันตั้งแต่เริ่มคบกันเลย เพราะทำงานอยู่ที่เดียวกัน เลิกงานก็กลับบ้านกินข้าวเข้านอนพร้อมกัน ทุกอย่างพร้อมกัน เจอกันแทบจะ24ชั่วโมง แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่แฟนแอนย้ายที่ทำงานใหม่ แล้วแอนก็เริ่มเรียนต่อปริญญาโทพอดี ก็เลยทำให้ช่วงเสาร์-อาทิตย์ ที่เป็นช่วงที่เราสองคนจะได้ใช้เวลาด้วยกัน หายไปทั้งหมด
เนื่องจากตอนเรียนแอนต้องกลับไปนอนที่บ้านในกทม. (คือแอนทำงานแถบเขตปริมณฑล ไม่ไกลกทม. ขับรถไปกลับได้) เย็นวันศุกร์พี่บิ๊กแฟนแอนก็เข้ามาส่งแอนที่บ้าน แล้วก็มารับแอนกลับเย็นวันอาทิตย์หลังเรียนเสร็จ
ช่วงปีแรกๆที่แอนเรียนก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ยังรัก ไม่รับไปส่งกันดี จนมาช่วงที่แอนเริ่มทำวิทยานิพนธ์ใกล้จบค่ะ พี่บิ๊กย้ายงานอีกครั้ง สักประมาณสองสามเดือนเค้าก็เปลี่ยนๆไป เริ่มไม่ว่าง และดูแลสนใจแอนจนแทบหน้ามือเป็นหลังมือ แรกๆแอนก็ถามนะคะ แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็คืองานที่ใหม่ยุ่ง ที่เค้าต้องกลับดึกและไปทำงานแทบทุกวันเพราะต้องการผ่านโปรเร็วๆ โอเค...แอนก็เชื่อค่ะ แต่อยู่มาวันหนึ่งแอนเห็นไลน์ผู้หญิงทักมา คราวนี้เซ้นส์มันบอกว่ามันไม่ใช่เพื่อนร่วมงานธรรมดาแล้ว แอนเลยคอยสังเกต จนสุดท้ายก็จริงค่ะ เค้าแอบคบกับคนที่ทำงานใหม่มาประมาณเดือนหนึ่งแล้ว บอกก่อนว่าแฟนแอนค่อนข้างเจ้าชู้ แต่ก็จะแค่เอาเล่นๆไม่จริงจัง แอนทำได้แค่ปล่อยเค้า และบอกเตือนเค้า ได้แค่ว่า ต้องป้องกัน และอย่าให้แอนรู้เห็นเรื่องพวกนี้ก็พอ
แต่เคสนี้ไม่ใช่ค่ะ เค้าคบซ้อน และผู้หญิงคนนั้นต้องการอยากจะมีตัวตนมาก
ที่รู้เพราะแอนแอบเข้าไปอ่านไลน์ของแฟนค่ะ ถึงรู้ว่าแบบ โอ้โห...เราว่าแฟนเรามันร้ายแล้ว ผู้หญิง

ทั้งร้ายทั้งร่าnเลยค่ะ ต้องการเปิดเผยตัวตนมาก เสนอมาก ออกตัวว่าจีบแฟนแอนก่อน แถมยังเสนอตัวมาหาถึงที่ด้วย
แอนเฝ้าอ่านมาเป็นอาทิตย์ค่ะ เจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว จากวันแรกๆที่อ่านไปร้องไห้ไป ก็เริ่มเจ็บจนตัวช้ำตัวชาไปหมด จนถึงจุดที่ไม่ทนอ่านแล้ว เลยแคปเอาไปให้แฟนดู ตอนแรกแฟนแอนตกใจมาก ที่แอนจับได้ และเค้าก็เลือกแอน บอกว่าจะไปจบกับผู้หญิงคนนั้นให้แอน เค้ารักแอนมากนะ เค้าบอกแอนอย่างนี้
แต่สุดท้ายก็ไม่ ยังคบกัน ไปมาหาสู่กันมีอะไรกัน จนแอนเริ่มหลอนเรื่องโรคติดต่อ เพราะตั้งแต่เกิดเป็นผู้หญิงมา แอนมีพี่บิ๊กเป็นแฟนคนแรก มีอะไรกับเค้าคนแรก และก็เป็นคนเดียวเสมอมา ถ้าเค้าไปติดโรคจากผู้หญิงคนใหม่ของเค้า และมาติดแอน แอนคงตายทั้งเป็นอ่ะ
บอกเลยค่ะว่าช่วงนั้นแอนทั้งเครียด ทั้งโทรม เครียดเรื่องแฟนไปมีผู้หญิงใหม่ เครียดเรื่องเรียน เครียดเรื่องทำเล่มวิทยานิพนธ์อีก แล้วช่วงนั้นงานก็หนักหนาสาหัสมาก บางคืนแอนนอนไม่หลับก็พึ่งยาแก้เมารถให้ช่วยหลับง่ายๆบ้าง ดื่มเหล้าเบียร์บ้าง จะได้หลับๆไป ลืมๆไป ทรมานมากเหมือมรสุมลูกใหญ่มากเลย ภายนอกแอนก็ต้องคีพลุคสดใสร่าเริงเป็นรอยยิ้มเป็นดอกทานตะวันให้ทุกคน แต่ใครรู้ไหมว่าข้างในแอนช้ำแทบตาย
เพื่อนอกหักแอนก็ไปปลอบ ทั้งที่แอนโดนหนักกว่ามันอีก รถที่ช่วยกันผ่อนเค้าก็เอาไปใช้เที่ยวใช้กินกับผู้หญิงคนใหม่ ให้แอนโหนรถเมล์ บัตรเครดิตก็เอาไปรูดใช้เที่ยวกัน สิ้นเดือนแอนก็ต้องผ่อน ถามว่าทำไมไม่เลิกล่ะ
รักค่ะ
รักคำเดียวเลย
แล้วอีกอย่างถึงภายนอกแอนจะเป็นผู้หญิงเฮฮาปาตี้ รักสนุกชอบเที่ยวชอบดื่ม แต่แอนมีแนวคิดว่า แอนอยากมีสามีแค่คนเดียวค่ะ อยากมีอะไรกับผู้ชายแค่คนเดียว และคนนั้นคือคนที่จะแต่งงานกับเรา คือพ่อของลูก เมื่อมีความคิดนี้ แอนก็คีพลุคนั้นมาตลอด #ชอบสนุกแต่ไม่ง่าย
หลังจากที่เค้ามีคนใหม่ และแอนก็ต้องทุกข์ทนอยู่ในสภาพเราสองสามคนมาเป็นปีๆ
แฟนจากเป็นคนดีๆนุ่มนวล ก็กลายเป็นใครก็ไม่รู้ รุนแรง ก้าวร้าว ทำร้ายแอนตั้งแต่คำพูดยันร่างกาย จนแอนเป็นโรคซึมเศร้า แอนรู้จักโรคนี้ดีค่ะ แอนไม่ได้ปล่อยตัวเอง แต่แอนรีบรักษา แอนไม่อยากขึ้นชื่อว่ามาตายเพราะผู้ชายคนเดียว อายเค้า แล้วก็กลัวพ่อแม่เสียใจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนนี้แอนก็ยังไม่หายขาดนะคะ แต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิมถมเถแล้วค่ะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องปรับฮอร์โมนแล้ว
แอนก็ใช้ชีวิตแบบสามวันดีสี่วันไข้มาร่วมปีค่ะ
จนเราเจ็บมากพอแล้วอ่ะ เจ็บจนไม่มีอะไรมาทำให้เจ็บไปมากกว่านี้แล้ว อุดมการณ์ที่จะมีสามีแค่คนเดียวมันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะเค้าไม่รักเราแล้ว เค้าจ้องแต่จะเลิก จ้องแต่จะทำร้ายเรา มาช่วงเดือนท้ายๆของปี แอนก็เริ่มคิดว่ามันผ่านมานานมากแล้วนะ กับการทุกข์ทน ถ้าเค้าจะกลับมาเค้ากลับมานานแล้วล่ะ ไม่ปล่อยให้เราเป็นถึงขนาดนี้หรอก กลับมารักตัวเองเถอะ เราทำดีที่สุดแล้วเว้ย กลับมารักตัวเองแล้วเลือกสิ่งที่ดีให้ตัวเองเถอะ พ่อแม่เลี้ยงมาดีขนาดนี้ ทำไมต้องมาทนเจ็บกับผู้ชายคนเดียว
พอคิดได้แบบนี้แอนก็เลยเริ่มวางค่ะ
เริ่มปล่อยเค้า
จากที่เมื่อก่อนโทรตามจนเป็นบ้าเป็นคลั่ง นั่งรอเค้ากลับบ้านตีสองตีสาม เดินตามหา ขับรถตามหา ตอนนี้เราก็ไปใช้ชีวิตตามที่เราอยากใช้ค่ะ พี่ที่ทำงาน เพื่อนที่ป.ตรี +ป.โท พร้อมปลอบเราอยู่แล้ว คิดได้อย่างนั้นแอนดีดตัวเลยค่ะ จำได้ว่าตอนนั้นประมาณเดือนพฤศจิกายน ที่แอนเริ่มห่างจากเค้า ไม่ตามเค้า และกลับไปเที่ยวกับสังคมของแอนบ้าง(เมื่อก่อนเราทิ้งสังคมเราเพื่อมาอยู่กับเค้า)
เรายังไม่บอกเลิกกันนะคะ แต่ก็ไม่สนใจกันเท่าไร ถ้าเค้าจะเลิก แอนก็คงไม่เจ็บเต็มร้อยเหมือนตอนแรกแล้ว แอนตั้งทามไลน์ไว้กับตัวเองว่า จะให้โอกาสแฟนถึงปีใหม่ ถ้าเค้ายังจะไป แอนจะปล่อยเอง
อ่ะ...คราวนี้จะเริ่มเข้าเรื่องแล้ว 555 ที่ผ่านมาแค่เกริ่นนำ ให้รู้ว่าทำไมแอนถึงเป็นคนแบบนี้
ช่วงเดือนธันวาค่ะ เพื่อแอนชวนไปเที่ยวข้าวสาร โอเคแอนก็ไป ซึ่งปกติแอนก็ไปอยู่แล้ว ที่เห็นบ่อยๆจะไปกับเพื่อนสองคนค่ะ แอนรู้สึกว่าคล่องตัวดี คืนนั้นอยู่ดีๆก็มีผช.ต่างชาติมาคุยด้วย ตอนแรกแอนก็คุยดีค่ะ พอหมดรอบแรกแอนก็ขอตัวเดินไปซื้อเครื่องดื่มที่หน้าเค้าเตอร์ แล้วจู่ๆก็มีผช.อีกคนหนึ่งยิ้มให้แอนค่ะ เป็นคนไทย โอเค...เค้ายิ้มให้แอนก็ยิ้มตอบ แล้วก็เดินไปหาเพื่อนหน้าเวที เต้นๆต่อ
คราวนี้พี่ต่างชาติเริ่มเยอะขึ้นๆ แอนก็เริ่มไม่ชอบละ เลยรีบชวนเพื่อนเดินออกไป หวังว่ากลับมาจะไม่เจอ ตอนเดินผ่านหน้าเค้าเตอร์ ผช.ที่อยู่หน้าเค้าเตอร์คนเดิมก็ยิ้มให้แอนอีก แอนก็ยิ้มกลับอีก แล้วแอนก็เดินออกไปเข้าห้องน้ำ แต่ปรากฏว่าพี่ต่างชาติตามไปค่ะ แล้วห้องน้ำก็เข้า-ออกทางเดียว ผู้ชายต่างชาติคนนั้นก็ยืนรอไม่ไปไหน ประจวบตอนที่คนมาเข้าห้องน้ำเยอะๆแอนก็จูงมือเพื่อนวิ่งออกไป เค้าก็ตามค่ะ ตอนนั้นแอนจำได้เลยว่าจูงมือเพื่อนวิ่งหลบมุมนั้นมุมนี้ ล่างบันได หลังโต๊ะ หลบเป็นโจรขโมยข้าวสารเลยค่ะ จนแบบเฮ้ย...นี้เรามาเที่ยวสนุกนะไม่ใช่มาหนี
จังหวะซิทคอมหันไปเจอผช.ที่ยิ้มให้แอนตรงหน้าเค้าท์เตอร์พอดี ตอนนั้นไม่รู้จะทำไงแล้วค่ะ เลยเดินไปขอให้เค้าช่วย บอกเค้าว่า ช่วยเราหน่อย เราโดนผู้ชายตาม กันเค้าออกไปให้ที กันยังไงก็ได้ เรากลัว ถามว่าตอนนั้นเมาไหม มึนค่ะแต่ก็พอมีสติอยู่
พอพูดจบ แอนก็วิ่งมาอยู่ข้างหลังเค้า แล้วเค้ากับกลุ่มเพื่อนของเค้าก็ช่วยแอนตามที่ขอค่ะ ผช.ต่างชาติก็พยายามจะเข้ามาดึงแอน แต่เค้าก็กันให้จนได้ ตอนนั้นแอนขอบคุณเค้ามากอ่ะ เหมือนเค้าช่วยเหลือเรา ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ก็ตามประสาค่ะมีแลกไลน์กับเบอร์กันไว้
รุ่งขึ้นแอนตื่นมาในห้องเพื่อนตอนเกือบเที่ยงละ มีผช.ใครก็ไม่รู้ทักไลน์มาหาแอน ตอนแรกแอนก็งงว่าใคร สุดท้ายถึงรู้ว่าคนที่ช่วยเรานั้นเอง เค้าชื่อบอลค่ะ
นั้นล่ะค่ะ จุดเริ่มต้นที่แอนเริ่มได้คุยกับบอล
และหลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่อยมา และเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องงานที่ทำกันบ้าง ระบายความเครียดที่ทำงานกันบ้าง คุยกันเรื่องของกินบ้าง คือคุยนู้นนี่นั้นจนเริ่มสนิทกัน เหมือนแอนได้เพื่อนเพิ่มมาอีกหนึ่งคนเลยค่ะ ซึ่งตอนนั้นแอนก็ยังอยู่กับพี่บิ๊กแฟนแอนอยู่นะคะ อย่างที่บอกค่ะก็สามวันดีสี่วันไข้ เค้าไม่ได้สนใจอะไรแอนด้วยซ้ำ เหมือนอยู่ด้วยกันไปงั้นๆ
แล้วอยู่ๆวันหนึ่งแฟนแอนก็บอกว่าเลิกคุยกับผู้หญิงคนนั้นแล้วนะ แอนก็เชื่อ และก็ดีใจมากเลยค่ะ พี่บิ๊กก็กลับมาเป็นพี่บิ๊กของแอนคนเดิม เอาจริงๆตอนนั้นแอนตั้งใจว่าจะเลิกคุยกับบอลล่ะ เพราะว่าแฟนเรากลับมาดีกันแล้วนะ
แต่แล้วเหตุการณ์มันก็พลิก และมันก็ยิ่งตอกย้ำฝังแอนลงไปจนลึก
เพราะมีช่วงที่แอนไปเที่ยวต่างประเทศ พอกลับมาไม่รู้นึกยังไงแอนไปเปิดมือถือแฟนดู แน่นอนว่าในไลน์พี่บิ๊กแทบจะลบข้อความทิ้งเกือบหมด แอนเลยไปเปิดจีพีเอส และก็พบว่าประวัติการค้นหาล่าสุด คือหัวหิน และวันนั้นคือวันที่แอนยังอยู่ต่างประเทศ
แอนเก็บไว้สักพัก เพื่อรอดูพฤติกรรมแฟน แต่เค้ายังทำตัวแนบเนียนค่ะ เนียนจนแอนเป็นคนโง่ไปเลย สุดท้ายทนไม่ไหวแอนเลยถาม เค้าก็ยังโกหกจนวินาทีสุดท้าย แต่ด้วยความที่ครั้งนี้แอนไม่ยอมเออออตามเค้าเหมือนที่ผ่านมา แฟนแอนเลยยอมรับว่า ไปจริง
หมดค่ะ ใจที่คิดว่าถ้าให้อภัยแล้วมันจะดีขึ้น เราจะกลับมารักกันได้เหมือนเดิมไม่มีอีกแล้วค่ะ แอนไม่สามารถรักและทุ่มเทให้เค้าได้อย่างเดิมอีกต่อไปแล้ว เค้าคือทางที่โรยไปด้วยหนาม ไม่ว่าจะเดินยังไงก็เจ็บ แต่ก็ไม่รู้อะไรทำให้แอนไม่บอกเลิกเค้า และเค้าก็ไม่บอกเลิกแอน แถมยังทนดันทุรังแบบรุ่งริ่ง อยู่อย่างนี้ต่อไป แบบฝืนๆฝืดๆ เหมือนอยู่กันเพื่อให้ห้องดูไม่โล่งเท่านั้นล่ะมั้งเราสองคน
แอนก็เลยกลับไปคุยกับบอลถี่เหมือนเมื่อก่อน คุยกันแทบจะทั้งวัน อ้อนกันบ้างทะเลาะกันบ้าง แต่ทั้งหมดมันก็แค่ในไลน์นะ จนวันหนึ่งบอลบอกว่าอยากเจอกันอีกครั้ง คือที่บอกว่าคุยกันคือคุยผ่านไลน์ทั้งหมด ผ่านตัวหนังสือ เอาจริงๆแอนจำหน้าเค้าไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำ 555 เจอในที่มืดสลัวๆ
แต่ที่แอนจำได้แม่นคือรอยยิ้มของเค้า ถ้าคืนนั้นเค้าไม่ยิ้มให้แอน แอนก็คงไม่นึกถึงเค้า แอนก็คงไม่ขอให้เค้าช่วย เราก็คงไม่รู้จักกัน
อ่ะ...ก็เลยนัดเจอกันหลังจากที่คุยกันในไลน์สักพักใหญ่ ตอนแรกแอนตั้งใจจะเลี้ยงข้าวเค้า เพราะตั้งแต่เค้าช่วยแอน แอนก็ไม่ได้ตอบแทนอะไรเค้าเลยจนเวลาผ่านมาขนาดนี้ แต่สุดท้ายเค้าก็เลี้ยงแอน แอนเลยบอกว่าถ้าเจอครั้งหน้าแอนขอเลี้ยงเค้านะ ซึ่งเค้าก็โอเค
เค้าก็เป็นผู้ชายน่ารักค่ะ ถึงหน้าตาเค้าจะดูโหดๆ เถื่อนๆ แต่น้ำเสียง คำพูดคำจา การแสดงออกเค้าดีค่ะ วางตัวดีพูดจานุ่มนวล ค่อนข้างคอนทราสกับหน้าตาที่โหดๆ ดุๆ จำได้ว่าก่อนแอนจะขึ้นบีทีเอสกลับ เค้าบอกว่า ขอเวลาอีก1ขบวนได้ไหม อย่างเพิ่งขึ้น อยากใช้เวลาอยู่กับเรานานๆกว่านี้ สักหน่อยก็ดี
รู้ไหมว่าใจแอนที่มันเฉามันแห้งแล้งมานานเหมือนได้น้ำฝนก้อนใหญ่โปรยลงมาจนชุ่มไปหมด ต้นไม้ที่แห้งกรอบลมพัดก็เปราะก็ปลิวกำลังจะตายอยู่แล้วอ่ะ ได้ฝนฉ่ำขนาดนี้ มันชื่นใจไปหมด เท้าแอนที่เจ็บปวดเพราะเดินบนทางที่เต็มไปด้วยหนามกับแฟนอย่างทุลักทุเลมานับแรมปี เค้าเหมือนคนที่เดินเอารองเท้ามาให้แอนใส่ช่วยบรรเทาความเจ็บ อธิบายไม่ถูกเลยค่ะ รู้แค่ว่าฟีลกู๊ดมากๆ
ตัวอักษรจะหมดแล้ว แอนขออนุญาตพักไว้เท่านี้ก่อนนะคะ พรุ่งนี้ถ้ามีเวลาแอนจะมาต่อให้ แอนอาจจะเล่ายืดไปหน่อย แต่เรื่องที่แอนเล่ามันคือเรื่องจริงทั้งหมดค่ะ
คนรักก็เลิกไม่ได้ คนใหม่ก็ทิ้งไม่ลง
ถ้าถามว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นจากอะไร บอกเลยค่ะ ว่าเกิดขึ้นเพราะแฟนของแอนไปมีผู้หญิงคนใหม่ ต้นเหตุเกิดจากเค้า แอนโทษเค้าแอนไม่โทษใครเลย
คือแอนกับแฟนเราเป็นคู่รักที่คบกันมาประมา4-5ปีแล้วค่ะ รักกันดีตามปกติ แล้วก็อยู่กินด้วยกันตั้งแต่เริ่มคบกันเลย เพราะทำงานอยู่ที่เดียวกัน เลิกงานก็กลับบ้านกินข้าวเข้านอนพร้อมกัน ทุกอย่างพร้อมกัน เจอกันแทบจะ24ชั่วโมง แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่แฟนแอนย้ายที่ทำงานใหม่ แล้วแอนก็เริ่มเรียนต่อปริญญาโทพอดี ก็เลยทำให้ช่วงเสาร์-อาทิตย์ ที่เป็นช่วงที่เราสองคนจะได้ใช้เวลาด้วยกัน หายไปทั้งหมด
เนื่องจากตอนเรียนแอนต้องกลับไปนอนที่บ้านในกทม. (คือแอนทำงานแถบเขตปริมณฑล ไม่ไกลกทม. ขับรถไปกลับได้) เย็นวันศุกร์พี่บิ๊กแฟนแอนก็เข้ามาส่งแอนที่บ้าน แล้วก็มารับแอนกลับเย็นวันอาทิตย์หลังเรียนเสร็จ
ช่วงปีแรกๆที่แอนเรียนก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ยังรัก ไม่รับไปส่งกันดี จนมาช่วงที่แอนเริ่มทำวิทยานิพนธ์ใกล้จบค่ะ พี่บิ๊กย้ายงานอีกครั้ง สักประมาณสองสามเดือนเค้าก็เปลี่ยนๆไป เริ่มไม่ว่าง และดูแลสนใจแอนจนแทบหน้ามือเป็นหลังมือ แรกๆแอนก็ถามนะคะ แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็คืองานที่ใหม่ยุ่ง ที่เค้าต้องกลับดึกและไปทำงานแทบทุกวันเพราะต้องการผ่านโปรเร็วๆ โอเค...แอนก็เชื่อค่ะ แต่อยู่มาวันหนึ่งแอนเห็นไลน์ผู้หญิงทักมา คราวนี้เซ้นส์มันบอกว่ามันไม่ใช่เพื่อนร่วมงานธรรมดาแล้ว แอนเลยคอยสังเกต จนสุดท้ายก็จริงค่ะ เค้าแอบคบกับคนที่ทำงานใหม่มาประมาณเดือนหนึ่งแล้ว บอกก่อนว่าแฟนแอนค่อนข้างเจ้าชู้ แต่ก็จะแค่เอาเล่นๆไม่จริงจัง แอนทำได้แค่ปล่อยเค้า และบอกเตือนเค้า ได้แค่ว่า ต้องป้องกัน และอย่าให้แอนรู้เห็นเรื่องพวกนี้ก็พอ
แต่เคสนี้ไม่ใช่ค่ะ เค้าคบซ้อน และผู้หญิงคนนั้นต้องการอยากจะมีตัวตนมาก
ที่รู้เพราะแอนแอบเข้าไปอ่านไลน์ของแฟนค่ะ ถึงรู้ว่าแบบ โอ้โห...เราว่าแฟนเรามันร้ายแล้ว ผู้หญิง
แอนเฝ้าอ่านมาเป็นอาทิตย์ค่ะ เจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว จากวันแรกๆที่อ่านไปร้องไห้ไป ก็เริ่มเจ็บจนตัวช้ำตัวชาไปหมด จนถึงจุดที่ไม่ทนอ่านแล้ว เลยแคปเอาไปให้แฟนดู ตอนแรกแฟนแอนตกใจมาก ที่แอนจับได้ และเค้าก็เลือกแอน บอกว่าจะไปจบกับผู้หญิงคนนั้นให้แอน เค้ารักแอนมากนะ เค้าบอกแอนอย่างนี้
แต่สุดท้ายก็ไม่ ยังคบกัน ไปมาหาสู่กันมีอะไรกัน จนแอนเริ่มหลอนเรื่องโรคติดต่อ เพราะตั้งแต่เกิดเป็นผู้หญิงมา แอนมีพี่บิ๊กเป็นแฟนคนแรก มีอะไรกับเค้าคนแรก และก็เป็นคนเดียวเสมอมา ถ้าเค้าไปติดโรคจากผู้หญิงคนใหม่ของเค้า และมาติดแอน แอนคงตายทั้งเป็นอ่ะ
บอกเลยค่ะว่าช่วงนั้นแอนทั้งเครียด ทั้งโทรม เครียดเรื่องแฟนไปมีผู้หญิงใหม่ เครียดเรื่องเรียน เครียดเรื่องทำเล่มวิทยานิพนธ์อีก แล้วช่วงนั้นงานก็หนักหนาสาหัสมาก บางคืนแอนนอนไม่หลับก็พึ่งยาแก้เมารถให้ช่วยหลับง่ายๆบ้าง ดื่มเหล้าเบียร์บ้าง จะได้หลับๆไป ลืมๆไป ทรมานมากเหมือมรสุมลูกใหญ่มากเลย ภายนอกแอนก็ต้องคีพลุคสดใสร่าเริงเป็นรอยยิ้มเป็นดอกทานตะวันให้ทุกคน แต่ใครรู้ไหมว่าข้างในแอนช้ำแทบตาย
เพื่อนอกหักแอนก็ไปปลอบ ทั้งที่แอนโดนหนักกว่ามันอีก รถที่ช่วยกันผ่อนเค้าก็เอาไปใช้เที่ยวใช้กินกับผู้หญิงคนใหม่ ให้แอนโหนรถเมล์ บัตรเครดิตก็เอาไปรูดใช้เที่ยวกัน สิ้นเดือนแอนก็ต้องผ่อน ถามว่าทำไมไม่เลิกล่ะ
รักค่ะ
รักคำเดียวเลย
แล้วอีกอย่างถึงภายนอกแอนจะเป็นผู้หญิงเฮฮาปาตี้ รักสนุกชอบเที่ยวชอบดื่ม แต่แอนมีแนวคิดว่า แอนอยากมีสามีแค่คนเดียวค่ะ อยากมีอะไรกับผู้ชายแค่คนเดียว และคนนั้นคือคนที่จะแต่งงานกับเรา คือพ่อของลูก เมื่อมีความคิดนี้ แอนก็คีพลุคนั้นมาตลอด #ชอบสนุกแต่ไม่ง่าย
หลังจากที่เค้ามีคนใหม่ และแอนก็ต้องทุกข์ทนอยู่ในสภาพเราสองสามคนมาเป็นปีๆ
แฟนจากเป็นคนดีๆนุ่มนวล ก็กลายเป็นใครก็ไม่รู้ รุนแรง ก้าวร้าว ทำร้ายแอนตั้งแต่คำพูดยันร่างกาย จนแอนเป็นโรคซึมเศร้า แอนรู้จักโรคนี้ดีค่ะ แอนไม่ได้ปล่อยตัวเอง แต่แอนรีบรักษา แอนไม่อยากขึ้นชื่อว่ามาตายเพราะผู้ชายคนเดียว อายเค้า แล้วก็กลัวพ่อแม่เสียใจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แอนก็ใช้ชีวิตแบบสามวันดีสี่วันไข้มาร่วมปีค่ะ
จนเราเจ็บมากพอแล้วอ่ะ เจ็บจนไม่มีอะไรมาทำให้เจ็บไปมากกว่านี้แล้ว อุดมการณ์ที่จะมีสามีแค่คนเดียวมันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะเค้าไม่รักเราแล้ว เค้าจ้องแต่จะเลิก จ้องแต่จะทำร้ายเรา มาช่วงเดือนท้ายๆของปี แอนก็เริ่มคิดว่ามันผ่านมานานมากแล้วนะ กับการทุกข์ทน ถ้าเค้าจะกลับมาเค้ากลับมานานแล้วล่ะ ไม่ปล่อยให้เราเป็นถึงขนาดนี้หรอก กลับมารักตัวเองเถอะ เราทำดีที่สุดแล้วเว้ย กลับมารักตัวเองแล้วเลือกสิ่งที่ดีให้ตัวเองเถอะ พ่อแม่เลี้ยงมาดีขนาดนี้ ทำไมต้องมาทนเจ็บกับผู้ชายคนเดียว
พอคิดได้แบบนี้แอนก็เลยเริ่มวางค่ะ
เริ่มปล่อยเค้า
จากที่เมื่อก่อนโทรตามจนเป็นบ้าเป็นคลั่ง นั่งรอเค้ากลับบ้านตีสองตีสาม เดินตามหา ขับรถตามหา ตอนนี้เราก็ไปใช้ชีวิตตามที่เราอยากใช้ค่ะ พี่ที่ทำงาน เพื่อนที่ป.ตรี +ป.โท พร้อมปลอบเราอยู่แล้ว คิดได้อย่างนั้นแอนดีดตัวเลยค่ะ จำได้ว่าตอนนั้นประมาณเดือนพฤศจิกายน ที่แอนเริ่มห่างจากเค้า ไม่ตามเค้า และกลับไปเที่ยวกับสังคมของแอนบ้าง(เมื่อก่อนเราทิ้งสังคมเราเพื่อมาอยู่กับเค้า)
เรายังไม่บอกเลิกกันนะคะ แต่ก็ไม่สนใจกันเท่าไร ถ้าเค้าจะเลิก แอนก็คงไม่เจ็บเต็มร้อยเหมือนตอนแรกแล้ว แอนตั้งทามไลน์ไว้กับตัวเองว่า จะให้โอกาสแฟนถึงปีใหม่ ถ้าเค้ายังจะไป แอนจะปล่อยเอง
อ่ะ...คราวนี้จะเริ่มเข้าเรื่องแล้ว 555 ที่ผ่านมาแค่เกริ่นนำ ให้รู้ว่าทำไมแอนถึงเป็นคนแบบนี้
ช่วงเดือนธันวาค่ะ เพื่อแอนชวนไปเที่ยวข้าวสาร โอเคแอนก็ไป ซึ่งปกติแอนก็ไปอยู่แล้ว ที่เห็นบ่อยๆจะไปกับเพื่อนสองคนค่ะ แอนรู้สึกว่าคล่องตัวดี คืนนั้นอยู่ดีๆก็มีผช.ต่างชาติมาคุยด้วย ตอนแรกแอนก็คุยดีค่ะ พอหมดรอบแรกแอนก็ขอตัวเดินไปซื้อเครื่องดื่มที่หน้าเค้าเตอร์ แล้วจู่ๆก็มีผช.อีกคนหนึ่งยิ้มให้แอนค่ะ เป็นคนไทย โอเค...เค้ายิ้มให้แอนก็ยิ้มตอบ แล้วก็เดินไปหาเพื่อนหน้าเวที เต้นๆต่อ
คราวนี้พี่ต่างชาติเริ่มเยอะขึ้นๆ แอนก็เริ่มไม่ชอบละ เลยรีบชวนเพื่อนเดินออกไป หวังว่ากลับมาจะไม่เจอ ตอนเดินผ่านหน้าเค้าเตอร์ ผช.ที่อยู่หน้าเค้าเตอร์คนเดิมก็ยิ้มให้แอนอีก แอนก็ยิ้มกลับอีก แล้วแอนก็เดินออกไปเข้าห้องน้ำ แต่ปรากฏว่าพี่ต่างชาติตามไปค่ะ แล้วห้องน้ำก็เข้า-ออกทางเดียว ผู้ชายต่างชาติคนนั้นก็ยืนรอไม่ไปไหน ประจวบตอนที่คนมาเข้าห้องน้ำเยอะๆแอนก็จูงมือเพื่อนวิ่งออกไป เค้าก็ตามค่ะ ตอนนั้นแอนจำได้เลยว่าจูงมือเพื่อนวิ่งหลบมุมนั้นมุมนี้ ล่างบันได หลังโต๊ะ หลบเป็นโจรขโมยข้าวสารเลยค่ะ จนแบบเฮ้ย...นี้เรามาเที่ยวสนุกนะไม่ใช่มาหนี
จังหวะซิทคอมหันไปเจอผช.ที่ยิ้มให้แอนตรงหน้าเค้าท์เตอร์พอดี ตอนนั้นไม่รู้จะทำไงแล้วค่ะ เลยเดินไปขอให้เค้าช่วย บอกเค้าว่า ช่วยเราหน่อย เราโดนผู้ชายตาม กันเค้าออกไปให้ที กันยังไงก็ได้ เรากลัว ถามว่าตอนนั้นเมาไหม มึนค่ะแต่ก็พอมีสติอยู่
พอพูดจบ แอนก็วิ่งมาอยู่ข้างหลังเค้า แล้วเค้ากับกลุ่มเพื่อนของเค้าก็ช่วยแอนตามที่ขอค่ะ ผช.ต่างชาติก็พยายามจะเข้ามาดึงแอน แต่เค้าก็กันให้จนได้ ตอนนั้นแอนขอบคุณเค้ามากอ่ะ เหมือนเค้าช่วยเหลือเรา ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ก็ตามประสาค่ะมีแลกไลน์กับเบอร์กันไว้
รุ่งขึ้นแอนตื่นมาในห้องเพื่อนตอนเกือบเที่ยงละ มีผช.ใครก็ไม่รู้ทักไลน์มาหาแอน ตอนแรกแอนก็งงว่าใคร สุดท้ายถึงรู้ว่าคนที่ช่วยเรานั้นเอง เค้าชื่อบอลค่ะ
นั้นล่ะค่ะ จุดเริ่มต้นที่แอนเริ่มได้คุยกับบอล
และหลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่อยมา และเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องงานที่ทำกันบ้าง ระบายความเครียดที่ทำงานกันบ้าง คุยกันเรื่องของกินบ้าง คือคุยนู้นนี่นั้นจนเริ่มสนิทกัน เหมือนแอนได้เพื่อนเพิ่มมาอีกหนึ่งคนเลยค่ะ ซึ่งตอนนั้นแอนก็ยังอยู่กับพี่บิ๊กแฟนแอนอยู่นะคะ อย่างที่บอกค่ะก็สามวันดีสี่วันไข้ เค้าไม่ได้สนใจอะไรแอนด้วยซ้ำ เหมือนอยู่ด้วยกันไปงั้นๆ
แล้วอยู่ๆวันหนึ่งแฟนแอนก็บอกว่าเลิกคุยกับผู้หญิงคนนั้นแล้วนะ แอนก็เชื่อ และก็ดีใจมากเลยค่ะ พี่บิ๊กก็กลับมาเป็นพี่บิ๊กของแอนคนเดิม เอาจริงๆตอนนั้นแอนตั้งใจว่าจะเลิกคุยกับบอลล่ะ เพราะว่าแฟนเรากลับมาดีกันแล้วนะ
แต่แล้วเหตุการณ์มันก็พลิก และมันก็ยิ่งตอกย้ำฝังแอนลงไปจนลึก
เพราะมีช่วงที่แอนไปเที่ยวต่างประเทศ พอกลับมาไม่รู้นึกยังไงแอนไปเปิดมือถือแฟนดู แน่นอนว่าในไลน์พี่บิ๊กแทบจะลบข้อความทิ้งเกือบหมด แอนเลยไปเปิดจีพีเอส และก็พบว่าประวัติการค้นหาล่าสุด คือหัวหิน และวันนั้นคือวันที่แอนยังอยู่ต่างประเทศ
แอนเก็บไว้สักพัก เพื่อรอดูพฤติกรรมแฟน แต่เค้ายังทำตัวแนบเนียนค่ะ เนียนจนแอนเป็นคนโง่ไปเลย สุดท้ายทนไม่ไหวแอนเลยถาม เค้าก็ยังโกหกจนวินาทีสุดท้าย แต่ด้วยความที่ครั้งนี้แอนไม่ยอมเออออตามเค้าเหมือนที่ผ่านมา แฟนแอนเลยยอมรับว่า ไปจริง
หมดค่ะ ใจที่คิดว่าถ้าให้อภัยแล้วมันจะดีขึ้น เราจะกลับมารักกันได้เหมือนเดิมไม่มีอีกแล้วค่ะ แอนไม่สามารถรักและทุ่มเทให้เค้าได้อย่างเดิมอีกต่อไปแล้ว เค้าคือทางที่โรยไปด้วยหนาม ไม่ว่าจะเดินยังไงก็เจ็บ แต่ก็ไม่รู้อะไรทำให้แอนไม่บอกเลิกเค้า และเค้าก็ไม่บอกเลิกแอน แถมยังทนดันทุรังแบบรุ่งริ่ง อยู่อย่างนี้ต่อไป แบบฝืนๆฝืดๆ เหมือนอยู่กันเพื่อให้ห้องดูไม่โล่งเท่านั้นล่ะมั้งเราสองคน
แอนก็เลยกลับไปคุยกับบอลถี่เหมือนเมื่อก่อน คุยกันแทบจะทั้งวัน อ้อนกันบ้างทะเลาะกันบ้าง แต่ทั้งหมดมันก็แค่ในไลน์นะ จนวันหนึ่งบอลบอกว่าอยากเจอกันอีกครั้ง คือที่บอกว่าคุยกันคือคุยผ่านไลน์ทั้งหมด ผ่านตัวหนังสือ เอาจริงๆแอนจำหน้าเค้าไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำ 555 เจอในที่มืดสลัวๆ
แต่ที่แอนจำได้แม่นคือรอยยิ้มของเค้า ถ้าคืนนั้นเค้าไม่ยิ้มให้แอน แอนก็คงไม่นึกถึงเค้า แอนก็คงไม่ขอให้เค้าช่วย เราก็คงไม่รู้จักกัน
อ่ะ...ก็เลยนัดเจอกันหลังจากที่คุยกันในไลน์สักพักใหญ่ ตอนแรกแอนตั้งใจจะเลี้ยงข้าวเค้า เพราะตั้งแต่เค้าช่วยแอน แอนก็ไม่ได้ตอบแทนอะไรเค้าเลยจนเวลาผ่านมาขนาดนี้ แต่สุดท้ายเค้าก็เลี้ยงแอน แอนเลยบอกว่าถ้าเจอครั้งหน้าแอนขอเลี้ยงเค้านะ ซึ่งเค้าก็โอเค
เค้าก็เป็นผู้ชายน่ารักค่ะ ถึงหน้าตาเค้าจะดูโหดๆ เถื่อนๆ แต่น้ำเสียง คำพูดคำจา การแสดงออกเค้าดีค่ะ วางตัวดีพูดจานุ่มนวล ค่อนข้างคอนทราสกับหน้าตาที่โหดๆ ดุๆ จำได้ว่าก่อนแอนจะขึ้นบีทีเอสกลับ เค้าบอกว่า ขอเวลาอีก1ขบวนได้ไหม อย่างเพิ่งขึ้น อยากใช้เวลาอยู่กับเรานานๆกว่านี้ สักหน่อยก็ดี
รู้ไหมว่าใจแอนที่มันเฉามันแห้งแล้งมานานเหมือนได้น้ำฝนก้อนใหญ่โปรยลงมาจนชุ่มไปหมด ต้นไม้ที่แห้งกรอบลมพัดก็เปราะก็ปลิวกำลังจะตายอยู่แล้วอ่ะ ได้ฝนฉ่ำขนาดนี้ มันชื่นใจไปหมด เท้าแอนที่เจ็บปวดเพราะเดินบนทางที่เต็มไปด้วยหนามกับแฟนอย่างทุลักทุเลมานับแรมปี เค้าเหมือนคนที่เดินเอารองเท้ามาให้แอนใส่ช่วยบรรเทาความเจ็บ อธิบายไม่ถูกเลยค่ะ รู้แค่ว่าฟีลกู๊ดมากๆ
ตัวอักษรจะหมดแล้ว แอนขออนุญาตพักไว้เท่านี้ก่อนนะคะ พรุ่งนี้ถ้ามีเวลาแอนจะมาต่อให้ แอนอาจจะเล่ายืดไปหน่อย แต่เรื่องที่แอนเล่ามันคือเรื่องจริงทั้งหมดค่ะ