“เราอยากช่วยเธอนะ” …. “มีอะไรที่เราสามารถช่วยเธอได้ไหม?
หลายคนอาจจะเคยพูดประโยคแบบนี้อยู่บ่อยๆ หรือหลายคนก็อาจจะไม่เคยได้พูดประโยคอะไรแบบนี้ออกมาเลยก็ได้
(การช่วยในที่นี้ของเรานั้นหมายถึง การจะช่วยเหลือใครสักคนจากเรื่องที่ไม่ดีต่อตัวคนๆนั้น ทั้งทางกายและทางจิตใจ)
สำหรับตัวเรานั้นเป็นคนที่ชอบพูดประโยคอะไรแบบนี้บ่อยมาก มากซะจนปากพูดไปแล้วแต่สมองยังไม่ได้ทันคิดเลยด้วยซ้ำว่าเราจะ “ช่วย” เค้าได้ยังไง?
คำถาม : แล้วเราจะช่วยเค้าได้ยังไงล่ะ??
คำตอบนั้น..ง่ายนิดเดียว
ถ้าเราอยาจะช่วยใครสักคนที่เป็นคนสำคัญของเราเเล้ว หรือคนที่เราอยากจะช่วยเหลือเค้าจากใจจริงๆแล้ว เราควรช่วยตัวเองให้ดีพอก่อน ก่อนที่จะไปช่วยเหลือคนอื่น นั่นคือเรื่องแรกที่เราควรทำและเป็นกฎเหล็กข้อเดียวของการช่วยเหลือ เพราะว่าถ้าเรายังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางกายภาพ ทางจิตใจ การจัดการชีวิตของตัวเองหรือแค่เรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน ก็คงไม่มีใครอยากจะให้เราช่วยเหลือ จริงไหมคะ?
แต่ในเรื่องนี้ที่เรากำลังจะพูดถึงคือ เราจะเน้นไปทางกายภาพและทางจิตใจ เราจะยกมาเหตุการณ์นึงที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเราเองค่ะ เป็นเรื่องของเรากับคนๆนึงค่ะ เค้าเป็นคนสำคัญมากสำหรับเรา
เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นเรากับคนๆนั้นทะเลาะกัน มันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต ซึ่งอยู่ๆเค้าก็พูดถึงมันขึ้นมาอีกรอบ ตอนแรกเราก็งงนะ เพราะก่อนหน้านี้ก่อนที่จะทะเลาะกันก็ยังคุยกันดีดีอยู่เลย คุยจนเถียงกันแรงเลยค่ะ แล้วคนๆนั้นก็ซึมไปเลย ซึ่งเรื่องที่เราทะเลาะกันมันคือเรื่องที่เราไม่สามารถปกป้องเค้าจากคนอื่นได้
เรายอมรับว่าตอนนั้นเราปกป้องเค้าไม่ได้เลยจริงๆ เราได้แต่รู้สึกผิดมากจนเราเริ่ม..แย่แล้วเหมือนกัน มันเหมือนดอกไม้ที่กำลังเหี่ยวลง เหี่ยวลง ทุกคนพอจะนึกภาพออกใช่ไหมคะ คือเราทำอะไรไม่ได้เลย แล้วบวกกับสภาพร่างกายเราตอนนั้นพักผ่อนไม่ค่อยพอบวกกับเครียดด้วย เลยทำให้ใจเราไม่แข็งพอที่จะช่วยคนๆนั้น
แต่ในหัวเราคืออยากช่วยมาก อยากช่วยให้หายซึมแล้วกลับมาร่าเริงตามปกติ เราเลยพูดกับเค้าไปว่า
“มีอะไรที่เราสามารถช่วยเธอได้ไหม?”
เราถามเค้าไปทั้งที่ภายในใจเรายังไม่โอเคขึ้นมาเลย แล้วเราก็ได้ยินเค้าตอบกลับมาว่า
“เธอจะช่วยอะไรเรา แล้วจะช่วยเรายังไง”
คำตอบนี้ทำให้เราไม่สามารถตอบอะไรเค้าไปได้เลย เราได้แต่เงียบแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น ซึ่งมันทำให้เรากลับมาโฟกัสที่ตัวเองมากขึ้น มาจัดการความรู้สึกของตัวเราเองก่อนที่จะไปช่วยเค้าคนนั้นแล้วตั้งสติใหม่อีกครั้ง และสิ่งที่เราทำตอนนั้นคือ
ข้อแรก: เรายอมรับกับตัวเองก่อนว่า เรายังช่วยเค้าไม่ได้ ณ ตอนนี้ และยอมรับว่าเราผิดจริงกับการที่เราปกป้องเค้าไม่ได้
ข้อสอง: เรามองสิ่งที่เราสามารถทำได้ตอนนั้น เช่น การดูแลเรื่องกายภาพ คือคนๆนั้นเค้าสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เป็นภูมิแพ้ เวลาร้องไห้หนักๆ เค้าจะหายใจไม่ค่อยออก เราเลยต้องต้มน้ำร้อนแล้วใส่แก้ว แล้วเอาให้เค้าดมไอน้ำร้อนเพื่อที่จะได้หายใจคล่องขึ้น
ข้อสาม: ทำจิตใจเราให้สงบแล้วตั้งสติ เลิกคิดเรื่องถูกผิดไปก่อน คิดแค่ว่าสิ่งที่เราอยากทำให้เค้าคืออะไร อย่างของเรา เราอยากให้เค้ากลับมาร่าเริงเหมือนเดิม เราก็จะใช้การหาเรื่องคุยเรื่องอื่นที่เค้าชอบ หรือสนใจอยู่ตอนนั้น หลังจากนั้นค่อยมาเปิดอกคุยกัน แล้วหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยกัน
ทั้งหมดที่เราพูดถึง เราอยากจะเอามาแชร์ให้ใครหลายคนได้ฟังกัน มันอาจจะได้ผลดีกับใครหลายๆคน แต่มันอาจจะไม่ได้ผลดีเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะทางไหน คุณก็ควรจะช่วยเหลือตัวเองให้ได้ก่อนเสมอก่อนที่จะไปช่วยเหลือคนอื่น มันอาจจะฟังดูเหมือนใจร้าย แต่ว่าถ้าเราไม่ลองคิดแบบนี้ดู มันไม่ใช่แค่เราที่แย่ แต่นั้นอาจหมายถึงคนที่คุณกำลังจะช่วยนั้น อาจจะแย่มากกว่าคุณก็ได้
สวัสดีค่ะ ชื่อขิมค่ะ เพิ่งเคยเขียนบทความเป็นครั้งเเรกค่ะ ใครมีความเห็นหรือข้อเเนะนำเกี่ยวกับการเขียนบทความ เเนะนำได้เลยนะคะ ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ เเละพร้อมจะนำไปปรับปรุงเเก้ไขค่ะ

พร้อมไหม??? กับการที่คุณอยากจะช่วยเหลือคนอื่น