เราเป็นคนประเภทที่ชอบความเป๊ะ ความเพอเฟค เราเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ คือถ้าเราทำอะไรผิดพลาดไปแล้วเราจะชอบเก็บมาคิดซ้ำๆ เก็บกลับบ้านมาคิดและพยายามหาเหตุผลว่าทำไมกูต้องทำผิดด้วยวะ ทำไมๆๆๆ เราเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนโต และที่คิดว่าเป็นหนักๆเลยคือช่วงตอนโตที่เจอสังคมการทำงานเมื่อเราทำงานพลาดหรือโดนติโดนว่าเราจะสมองเบลอทั้งวัน เพราะในหัวคิดแต่ว่า ทำไมกูถึงทำพลาด ทำไมกูถึงทำผิด มันต้องออกมาเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอๆ ในหัวถามตัวเองตลอดเวลาเลยค่ะ บางครั้งคิดจนปวดหัวเลยค่ะ
เราเคยพยายามใช้วิธีปล่อยวาง ตามในเน็ตบอก แต่ไม่ได้ผลเลย เราพยายามสวดมนต์พยายามทำความเข้าใจและส่วนใหญ่ถ้าเราอยู่ว่างๆเราจะชอบเก็บเรื่องเก่าที่เคยทำผิดพลาดมานั่งคิด และจะเครียดๆ เครียดร้องไห้ทั้งที่เรื่องมันผ่านไปแล้ว ทุกอย่างเรารู้ตัวหมดเลยนะคะว่าเราเป็นอะไร แต่มันเหมือนมันต้องคิดอ่ะค่ะ มันเหมือนถ้าไม่คิดก็ไม่สบายใจ ถ้าคิดก็ไม่สบายใจอีก ประมาณนี้น่ะค่ะ
จำได้ว่าสมัยเรียนมอปลาย ครูให้อ่านประโยคภาษาอังกฤษแล้วเราออกเสียงผิดคำเดียว ครูก็แค่บอกให้ออกเสียงให้ถูก ต้องออกเสียงแบบนี้ๆ แค่นั้นเอง แต่คือเราเอาเรื่องแค่นี้ไปคิดจนไม่กินข้าว จนผอมแห้ง และออกเสียงที่ถูกต้องทั้งวัน ทั้งที่มันผ่านไปแล้ว ครูให้คะแนนดีที่สุดในห้องด้วยค่ะแต่เราไม่โอเคกับแค่เรื่องที่คู่ติแค่คำๆเดียว
วันนี้เราก็เป็นอีกค่ะคือโดนหัวหน้าติเรื่องการใช้คำ เราพิมพ์งานพลาด เค้าก็ติ หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเราเก็บใส่หัว คิดๆๆๆ เหมือนเราไม่ชอบให้ใครมาทำให้เรามีความรู้สึกผิดพลาดต่อหน้าใคร และเราจัดการกับอารมณ์นี้ไม่ได้เลย
และเราเป็นประเภทวิตกกังวลเกินเหตุค่ะ แต่สำหรับเรามีข้อดีของการวิตกกังวลคือเราจะเป็นคนละเอียดค่ะ เราทำงานละเอียดพอ และพอเราพลาดแค่นิดเดียวเราจะเครียดหนักมากค่ะ เพราะเราตั้งความหวังกับตัวเองไว้สูงมาก ทุกอย่างจะต้องเป้ะ ต้องดีและต้องถูกหมด เราไตร่ตรองในหัวอย่างดี และเราจะคิดเผื่อไว้เสมอคิดไปก่อนหน้าคิดเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ยังไม่เกิด ทำให้เรามีแผน2ในหัวตลอดเวลา แต่ถึงแม้จะทำงานพลาดและกลับมาแก้จนถูกต้องแล้ว เราก็ไม่สามารถสลัดความผิดพลาดเดิมนั้นได้อีก แปลกมากค่ะ ว่าทำไมเราถึงเป็นคนแบบนี้ เราไม่มีความสุขเลยทั้งที่มันควรจะมีความสุขเพราะเรื่องแต่ละเรื่องมันผ่านไปแล้วทั้งนั้น
เราชอบคิดเยอะ คิดเล็กคิดน้อย คิดหยุมหยิมเสมอ จนคนที่ทำงานบอกว่าให้ผ่อนคลายบ้างเรื่องบางเรื่องทุกคนผ่อนคลายเค้าไม่เครียดไม่อะไร แต่เราเครียดเราจริงจังทุกอย่างจนบางทีเราเคยคิดอยากตายเพราะเราเหนื่อยที่ในหัวสมองคิดแต่สิ่งที่มันต้องเพอเฟคและอยู่ในกรอบที่เราวางไว้ แต่เราเป็นคนละเอียดแบบนี้ก็ทั้งแต่ช่วงวัยเด็กเช่นกัน คือการทำข้อสอบของเราเราจะเสร็จเป็นคนสุดท้ายของห้อง เราทำจนวินาทีสุดท้าย กะแค่คำถามง่ายๆ เรามักจะคิดเยอะเล่นใหญ่ คิดละเอียดคิดเผื่อนั่นนี่คิดแบบตีโพยตีพาย หากว่า.. แต่ว่า... ถ้า....? อะไรประมาณนี้ค่ะ ในปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ค่ะ
เราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองป่วยทางจิต เพราะเราเครียดจนปวดหัว ทุกสิ่งทุกอย่างก็แค่ชอบการเพอเฟค เพียงเพราะทุกอย่างต้องออกมาดี เรารู้ตัวหมดค่ะว่าเราเป็นอะไรแต่เราแค่หยุดมันไม่ได้เท่านั้นเองค่ะ ที่เราเขียนกระทู้นี้ก็เพื่อแค่อยากระบายบ้างเท่านั้นเองค่ะ เราไม่สามารถปล่อยวางมันได้ สิ่งที่เยียวยาเราได้ทุกวันนี้ก็แค่นอนหลับไปเพราะมันช่วยเราได้ลืมมันบ้างในชั่วขณะนึง
รู้สึกว่าตัวเองป่วยทางจิต...
เราเคยพยายามใช้วิธีปล่อยวาง ตามในเน็ตบอก แต่ไม่ได้ผลเลย เราพยายามสวดมนต์พยายามทำความเข้าใจและส่วนใหญ่ถ้าเราอยู่ว่างๆเราจะชอบเก็บเรื่องเก่าที่เคยทำผิดพลาดมานั่งคิด และจะเครียดๆ เครียดร้องไห้ทั้งที่เรื่องมันผ่านไปแล้ว ทุกอย่างเรารู้ตัวหมดเลยนะคะว่าเราเป็นอะไร แต่มันเหมือนมันต้องคิดอ่ะค่ะ มันเหมือนถ้าไม่คิดก็ไม่สบายใจ ถ้าคิดก็ไม่สบายใจอีก ประมาณนี้น่ะค่ะ
จำได้ว่าสมัยเรียนมอปลาย ครูให้อ่านประโยคภาษาอังกฤษแล้วเราออกเสียงผิดคำเดียว ครูก็แค่บอกให้ออกเสียงให้ถูก ต้องออกเสียงแบบนี้ๆ แค่นั้นเอง แต่คือเราเอาเรื่องแค่นี้ไปคิดจนไม่กินข้าว จนผอมแห้ง และออกเสียงที่ถูกต้องทั้งวัน ทั้งที่มันผ่านไปแล้ว ครูให้คะแนนดีที่สุดในห้องด้วยค่ะแต่เราไม่โอเคกับแค่เรื่องที่คู่ติแค่คำๆเดียว
วันนี้เราก็เป็นอีกค่ะคือโดนหัวหน้าติเรื่องการใช้คำ เราพิมพ์งานพลาด เค้าก็ติ หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเราเก็บใส่หัว คิดๆๆๆ เหมือนเราไม่ชอบให้ใครมาทำให้เรามีความรู้สึกผิดพลาดต่อหน้าใคร และเราจัดการกับอารมณ์นี้ไม่ได้เลย
และเราเป็นประเภทวิตกกังวลเกินเหตุค่ะ แต่สำหรับเรามีข้อดีของการวิตกกังวลคือเราจะเป็นคนละเอียดค่ะ เราทำงานละเอียดพอ และพอเราพลาดแค่นิดเดียวเราจะเครียดหนักมากค่ะ เพราะเราตั้งความหวังกับตัวเองไว้สูงมาก ทุกอย่างจะต้องเป้ะ ต้องดีและต้องถูกหมด เราไตร่ตรองในหัวอย่างดี และเราจะคิดเผื่อไว้เสมอคิดไปก่อนหน้าคิดเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ยังไม่เกิด ทำให้เรามีแผน2ในหัวตลอดเวลา แต่ถึงแม้จะทำงานพลาดและกลับมาแก้จนถูกต้องแล้ว เราก็ไม่สามารถสลัดความผิดพลาดเดิมนั้นได้อีก แปลกมากค่ะ ว่าทำไมเราถึงเป็นคนแบบนี้ เราไม่มีความสุขเลยทั้งที่มันควรจะมีความสุขเพราะเรื่องแต่ละเรื่องมันผ่านไปแล้วทั้งนั้น
เราชอบคิดเยอะ คิดเล็กคิดน้อย คิดหยุมหยิมเสมอ จนคนที่ทำงานบอกว่าให้ผ่อนคลายบ้างเรื่องบางเรื่องทุกคนผ่อนคลายเค้าไม่เครียดไม่อะไร แต่เราเครียดเราจริงจังทุกอย่างจนบางทีเราเคยคิดอยากตายเพราะเราเหนื่อยที่ในหัวสมองคิดแต่สิ่งที่มันต้องเพอเฟคและอยู่ในกรอบที่เราวางไว้ แต่เราเป็นคนละเอียดแบบนี้ก็ทั้งแต่ช่วงวัยเด็กเช่นกัน คือการทำข้อสอบของเราเราจะเสร็จเป็นคนสุดท้ายของห้อง เราทำจนวินาทีสุดท้าย กะแค่คำถามง่ายๆ เรามักจะคิดเยอะเล่นใหญ่ คิดละเอียดคิดเผื่อนั่นนี่คิดแบบตีโพยตีพาย หากว่า.. แต่ว่า... ถ้า....? อะไรประมาณนี้ค่ะ ในปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ค่ะ
เราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองป่วยทางจิต เพราะเราเครียดจนปวดหัว ทุกสิ่งทุกอย่างก็แค่ชอบการเพอเฟค เพียงเพราะทุกอย่างต้องออกมาดี เรารู้ตัวหมดค่ะว่าเราเป็นอะไรแต่เราแค่หยุดมันไม่ได้เท่านั้นเองค่ะ ที่เราเขียนกระทู้นี้ก็เพื่อแค่อยากระบายบ้างเท่านั้นเองค่ะ เราไม่สามารถปล่อยวางมันได้ สิ่งที่เยียวยาเราได้ทุกวันนี้ก็แค่นอนหลับไปเพราะมันช่วยเราได้ลืมมันบ้างในชั่วขณะนึง