เรียบร้อยโรงเรียนนายบอริช หรือชื่อเต็มๆ ว่า อเล็กซานเดอร์ บอริช เดอ ไฟเฟิช จอห์นซั่น ไปแล้วนะครับสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ของอังกฤษที่ผ่านมา เลือกตั้งคราวที่แล้วผมมีเวลา "รีวิว" บรรยากาศก่อนการเลือกตั้งเป็นการบ้านส่งให้ กกต.ของไทย (เพื่อที่ท่านจะได้ไม่ต้องเสียเงินภาษีชาวบ้านบินข้ามน้ำข้ามข้ามทะเลไปถ่ายเซลฟี เอ้ย..ไปดูงาน) แต่คราวนี้ไม่มีเวลา เลยมาตั้งเป็น "ควันหลง" หลังการเลือกตั้งแทน
บรรยากาศโดยทั่วไปยังเหมียนเดิมครับ....ทันทีที่รัฐบาลอังกฤษประกาศว่าจะมีการเลือกตั้ง (ยังไม่ประกาศวันที่แน่นอน) คณะกกต. ก็เดินหน้าเตรียมการเลือกตั้งสนองตอบคำประกาศของรัฐบาลเต็มลูกสูบทันที งานนี้ไม่มีการ ผลัก\ เลื่อน \ ดีเลย์ การเลือกตั้งออกไปข้ามปีข้ามชาติ ( เหมือนใครก็ไม่รู้นะ) เหมือนแกล้งลืม ประมาณว่าถ้าไม่มีการทวงถามก็จะไม่มีการเลือกตั้งเสียให้ได้ การเลือกตั้งเป็นเรื่องใหญ่ะระดับชาตินะขอรับ พณ ท่านจะมาพูดเล่นๆ เหมือนเด็กเล่นขายของ วันนี้พูดอย่างแล้ววันพรุ่งพูดอีกอย่างไม่ได้!! (แต่เอ๊ะ!...ท่านก็ได้พูดไปแล้วนี่ หลายครั้งด้วย 555)
บรรยากาศก่อนและหลังการเลือกตั้งที่อังกฤษนั้น ถ้าคอการเมืองจากเมืองไทยมาสัมผัสก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าน่าเบื่อ จืดชืด เมืองใหญ่ๆ ทั้งเมืองแทบจะหาแผ่นป้ายหรือแม้กระทั่วใบปลิวสักแผ่นแทบจะไม่เห็น ป่วยการที่จะพูดถึงบรรยากาศชนบทๆ เมืองที่ผมอยู่ก็จัดว่าเป็น city มีทีมฟุตบอลอยู่ในพรีเมียลีกส์มาก็หลายปี ผมเห็นป้ายโฆษณาอยู่สามป้าย!! สามป้ายจริงๆ !! นั่นเป็นเพราะว่าคนอังกฤษส่วนใหญ่รู้แล้วว่าจะเลือกใคร ตัวผู้สมัคร/คุณสมบัติรวมไปถึงนามสกุลของผู้สมัครด้วยไม่ใช่เรื่องใหญ่ ความสำคัญหลักอยู่ที่ "นโยบาย" ของพรรค ผู้สมัครของแต่ละพรรคมีหน้าที่เคาะประตูบ้านแล้วอธิบายนโยบายหลักๆ เท่านั้น ปล่อยเรื่องปราศัย ดีเบท และยุทธการให้กับคณะทำงานของพรรค
ค่าใช้จ่ายต่างๆ ของแต่ละพรรคที่ให้กับผู้สมัครเรียกได้ว่ามีน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเอาเสียเลย พรรคการเมืองจึงดำรงอยู่ด้วยเงินบริจาคและเป็นเอกเทศอย่างจาก "พ่อค้า" และ "นายทุน" แต่กว่าอังกฤษจะมาถึงจุดนี้ได้....จุดที่เรียกว่าการเลือกตั้งโปร่งใสที่สุดและมีปัญหาน้อยที่สุด เขาก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาครั้งนับไม่ถ้วน นับตั้งแต่มีการจัดให้มีการเลือกตั้งครั้งแรกมาถึงปัจจุบันเวลาก็ล่วงเลยมาถึง 311 ปีแล้ว!! ถ้าใครนึกไม่ออกว่ายาวนานแค่ไหน ก็หลับว่าตรงกับปลายรัชสมัยของพระเจ้าเสือและต้นรัชสมัยพระเจ้าท้ายสระของอยุธยาเรา
ส่วนบรรยากาศหลังการเลือกตั้ง ทันทีที่ทราบคะแนนดิบ นายบอริชหัวหน้าพรรคคอนเซเวิถีฟก็ประกาศชัยชนะได้ ส่วนผู้พ่ายก็ยอมรับผลโดยไม่อิดออด งานนี้ไม่มี "บัตรเขย่ง" เปิดช่องให้บางคนได้เป็นผู้แทนปัดเศษ ไม่มีบัตรเสียที่ถูกส่งมาล่าช้าสถานทูตอังกฤษในนิวซีแลนด์หรือประเทศอื่นๆ ทั่วโลก การใช้สิทธิ์ในการไปโหวตก็ใช้ระบบเดิม กกต.ของแต่ละท้องถิ่นจะส่ง Poll Card ไปถึงทุกคนที่มีสิทธิ์โหวต (ตามรูปข้างล่าง) เวลาไปโหวตถือแค่บัตร Poll Card ใบเดียวไป ไม่ต้องถือบัตรประชาชนหรือ ID อะไรไปด้วย ยื่นให้เจ้าหน้าที่เสร็จ เขาขานชื่อว่าตรงไหมก็เสร็จ ในบัตรจะบอกเสร็จสรรพว่าหน่วยเลือกตั้งอยู่ตรงไหน...และเจ้าหน้าที่จะคอยบริการตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงสี่ทุ่ม!!! เรียกได้ว่าสะดวกตอนไหนก็ไปตอนนั้น ไม่มีคนมาคอยขย้ำคอไม่ให้ไปกากกบาท และกกต. ไม่ทิ้งกล่องเลือกตั้งให้ว่างเปล่าเหมือนการเลือกตั้งคราวหนึ่ง....
.เอ๊ะ!! พูดอย่างนี้ผมมันเข้าข่ายเป็นพวกชังชาตินี่หว่า!! 5555
...ควันหลง...
บรรยากาศโดยทั่วไปยังเหมียนเดิมครับ....ทันทีที่รัฐบาลอังกฤษประกาศว่าจะมีการเลือกตั้ง (ยังไม่ประกาศวันที่แน่นอน) คณะกกต. ก็เดินหน้าเตรียมการเลือกตั้งสนองตอบคำประกาศของรัฐบาลเต็มลูกสูบทันที งานนี้ไม่มีการ ผลัก\ เลื่อน \ ดีเลย์ การเลือกตั้งออกไปข้ามปีข้ามชาติ ( เหมือนใครก็ไม่รู้นะ) เหมือนแกล้งลืม ประมาณว่าถ้าไม่มีการทวงถามก็จะไม่มีการเลือกตั้งเสียให้ได้ การเลือกตั้งเป็นเรื่องใหญ่ะระดับชาตินะขอรับ พณ ท่านจะมาพูดเล่นๆ เหมือนเด็กเล่นขายของ วันนี้พูดอย่างแล้ววันพรุ่งพูดอีกอย่างไม่ได้!! (แต่เอ๊ะ!...ท่านก็ได้พูดไปแล้วนี่ หลายครั้งด้วย 555)
บรรยากาศก่อนและหลังการเลือกตั้งที่อังกฤษนั้น ถ้าคอการเมืองจากเมืองไทยมาสัมผัสก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าน่าเบื่อ จืดชืด เมืองใหญ่ๆ ทั้งเมืองแทบจะหาแผ่นป้ายหรือแม้กระทั่วใบปลิวสักแผ่นแทบจะไม่เห็น ป่วยการที่จะพูดถึงบรรยากาศชนบทๆ เมืองที่ผมอยู่ก็จัดว่าเป็น city มีทีมฟุตบอลอยู่ในพรีเมียลีกส์มาก็หลายปี ผมเห็นป้ายโฆษณาอยู่สามป้าย!! สามป้ายจริงๆ !! นั่นเป็นเพราะว่าคนอังกฤษส่วนใหญ่รู้แล้วว่าจะเลือกใคร ตัวผู้สมัคร/คุณสมบัติรวมไปถึงนามสกุลของผู้สมัครด้วยไม่ใช่เรื่องใหญ่ ความสำคัญหลักอยู่ที่ "นโยบาย" ของพรรค ผู้สมัครของแต่ละพรรคมีหน้าที่เคาะประตูบ้านแล้วอธิบายนโยบายหลักๆ เท่านั้น ปล่อยเรื่องปราศัย ดีเบท และยุทธการให้กับคณะทำงานของพรรค
ค่าใช้จ่ายต่างๆ ของแต่ละพรรคที่ให้กับผู้สมัครเรียกได้ว่ามีน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเอาเสียเลย พรรคการเมืองจึงดำรงอยู่ด้วยเงินบริจาคและเป็นเอกเทศอย่างจาก "พ่อค้า" และ "นายทุน" แต่กว่าอังกฤษจะมาถึงจุดนี้ได้....จุดที่เรียกว่าการเลือกตั้งโปร่งใสที่สุดและมีปัญหาน้อยที่สุด เขาก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาครั้งนับไม่ถ้วน นับตั้งแต่มีการจัดให้มีการเลือกตั้งครั้งแรกมาถึงปัจจุบันเวลาก็ล่วงเลยมาถึง 311 ปีแล้ว!! ถ้าใครนึกไม่ออกว่ายาวนานแค่ไหน ก็หลับว่าตรงกับปลายรัชสมัยของพระเจ้าเสือและต้นรัชสมัยพระเจ้าท้ายสระของอยุธยาเรา
ส่วนบรรยากาศหลังการเลือกตั้ง ทันทีที่ทราบคะแนนดิบ นายบอริชหัวหน้าพรรคคอนเซเวิถีฟก็ประกาศชัยชนะได้ ส่วนผู้พ่ายก็ยอมรับผลโดยไม่อิดออด งานนี้ไม่มี "บัตรเขย่ง" เปิดช่องให้บางคนได้เป็นผู้แทนปัดเศษ ไม่มีบัตรเสียที่ถูกส่งมาล่าช้าสถานทูตอังกฤษในนิวซีแลนด์หรือประเทศอื่นๆ ทั่วโลก การใช้สิทธิ์ในการไปโหวตก็ใช้ระบบเดิม กกต.ของแต่ละท้องถิ่นจะส่ง Poll Card ไปถึงทุกคนที่มีสิทธิ์โหวต (ตามรูปข้างล่าง) เวลาไปโหวตถือแค่บัตร Poll Card ใบเดียวไป ไม่ต้องถือบัตรประชาชนหรือ ID อะไรไปด้วย ยื่นให้เจ้าหน้าที่เสร็จ เขาขานชื่อว่าตรงไหมก็เสร็จ ในบัตรจะบอกเสร็จสรรพว่าหน่วยเลือกตั้งอยู่ตรงไหน...และเจ้าหน้าที่จะคอยบริการตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงสี่ทุ่ม!!! เรียกได้ว่าสะดวกตอนไหนก็ไปตอนนั้น ไม่มีคนมาคอยขย้ำคอไม่ให้ไปกากกบาท และกกต. ไม่ทิ้งกล่องเลือกตั้งให้ว่างเปล่าเหมือนการเลือกตั้งคราวหนึ่ง.....เอ๊ะ!! พูดอย่างนี้ผมมันเข้าข่ายเป็นพวกชังชาตินี่หว่า!! 5555