เรื่อง HEATER ในแอร์อัตโนมัติของรถยนต์ (จากที่ Honda ตัดทิ้งอีกแล้วใน City 1.0 ตัวล่าสุด)

กระทู้สนทนา
เมื่อเห็น City 1.0 turbo ใหม่ออกมา ด้วยรูปโฉมที่โดนใจ ทำเอาผมต้องมาเขียนถึงไว้หลายกระทู้
เมื่อได้ไปนั่งจริงก็รู้สึกชอบกว่าคู่แข่ง ชอบเบาะหนัง (มากกกก) ความโอ่โถงที่สัมผัสได้ 
แต่ก็ต้องช็อกความรู้สึกอีกครั้งเมื่อล่าสุดพบรายงานว่า รุ่นนี้แอร์ถูกตัด HEATER ทิ้งอีกแล้ว
เพราะนี่มันปี 2020 แล้ว และรถหลายรุ่นก็ยกเลิกการตัด HEATER ทิ้งเช่น Hilux Revo, Altis 
หรือ Xpander ที่เมืองไทยได้ HEATER แต่ที่อินโดไม่ได้ 

ผมอยากให้อ่านที่ผมเขียนอธิบายให้ละเอียดเผื่อจะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับเรื่องนี้
ก่อนที่จะด่วนสรุปอะไรนะครับ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเรื่องนี้เหมือนการต่อสู้ทางความเชื่อทาง
ศาสนา ทางการเมือง ยังไงยังงั้น ซึ่งส่วนหนึ่งคนก็ออกมาปกป้องรถที่ตัวเองใช้แต่ไม่มี HEATER
ไม่ก็ออกมาปกป้องแบรนด์ ไม่ก็ต้องการแสดงออกความเป็นตัวตนว่าตัวเองไม่ต้องการ HEATER

กระทู้นี้เป้าหมายก็ไม่ใช่การพุ่งเป้าที่จะทำลายชื่อเสียงรถรุ่นใดรุ่นหนึ่ง แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง
หรือจะบอกว่าใครคิดถูกใครคิดผิด แต่มีเป้าหมายเพื่อให้รับฟังความคิดเห็นอีกด้านหนึ่งและเพื่อ
ให้ค่ายรถให้สิ่งที่ดีที่สุดต่อผู้บริโภค

เวลาที่พูดถึง HEATER ในรถหรือในบ้าน ถ้าเราไม่คิดอะไรเลย เราจะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ใช้กันใน
เมืองหนาวเท่านั้น แต่บ้านเราร้อนตับแตกจะใช้ไปทำไม แอร์มันต้องเย็นให้มากที่สุดสิ ยิ่งเย็นเร็ว
สู้แดดมากเท่าไหร่ได้ยิ่งดี

ผมก็คิดแบบนี้เช่นกัน เพราะผมก็ไม่ได้มีข้อมูลในหัวมาตั้งแต่ต้น

เมื่อรีวิวรถบอกว่า รถรุ่นนี้เย็นจัดเย็นเร็ว นั่นคือคำยืนยันว่าแอร์ของรถรุ่นนั้นคือดีเยี่ยม
สามารถสู้ความร้อนของแดดเมืองไทยได้ และในหัวก็จะนึกถึงภาพของรถที่แอร์ไม่เย็นว่า
เป็นรถเก่าๆ รถสาธารณะที่เคยนั่งที่แอร์ยังไม่เคยซ่อม จึงเป็นที่มาที่ไปของการซื้อรถในช่วง
ปี 2010 เป็นรุ่น Altis 2.0 กับรุ่น Fortuner TRD2 ในสมัยนั้น

ผมตื่นเต้นกับตัวรถในด้านต่างๆ และตื่นเต้นกับแอร์ออโต้เพราะไม่เคยได้ใช้กับเขาซักที
ตอนที่เปิดแอร์กลางแดดร้อนๆ พัดลมมันปรับแรงขึ้นโดยอัตโนมัติ เห็นแล้วก็รู้สึกตื่นเต้น
มันเจ๋งมากๆ เลย ผมขับไปเที่ยวแถวภาคอีสาน ภาคเหนืออยู่เป็นประจำ ผมรู้สึกว่ามันเย็นฉ่ำ
จริงๆ อย่างที่รีวิวเลย แล้วก็ไม่คิดอะไรมากไปกว่านั้น บางทีอาจจะหนาวมาก ต้องปิดเปิดแอร์
คอยลบฝ้าบนกระจกที่ขึ้นเต็มไปหมด ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็อาจจะพกเสื้อหนาวบ้างอะไรบ้าง

แต่ญาติๆ (มีหลานชายวัยรุ่น พี่น้องผู้หญิง พ่อแม่) ของผมไม่ได้ happy เหมือนกับตัวผมที่กำลังเห่อรถที่ซื้อมา
พวกเขารู้สึกว่ารถมันหนาวไปเกือบจะทุกครั้ง แม้ว่าจะเป็นตอนกลางวัน ซึ่งมันเป็นอาการแบบเย็นไม่สบายตัว
และหนาวยะเยือกในช่วงตอนเย็น ตอนค่ำ ยิ่งตอนฝนตก กับเที่ยวต่างจังหวัด ดูแต่ละคนไม่สบายเอาซะเลย
และต้องมีผ้าห่มกับเสื้อกันหนาวติดตัวตลอด ส่วนผมเองรู้สึกว่าตัวเอง healthy แข็งแรง แกร่งอยู่คนเดียว
ไม่ได้รู้สึกว่ามันมีความผิดปกติอะไร 

พ่อนั้นมีอาการแบบภูมิแพ้น้ำมูกไหลตลอดเวลาอยู่ในรถ ต้องใช้ทิชชู่เป็นม้วนๆ
แม่กับพี่น้องผู้หญิงก็หนาวง่ายมาก ส่วนหลานชายวัยรุ่นก็รู้สึกหนาวแต่น้อยกว่าหน่อยนึง
แฟนผมก็หนาวบ่อยๆ ซึ่งทำให้ผมต้องคอยยุ่งอยู่กับการปรับปุ่มสวิชท์แอร์อยู่ตลอดเวลา
ก็วิธีเดียวกับที่หลายคนที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องมี HEATER แนะนำนี่ล่ะครับ ซึ่งก็เป็นวิธี
แก้สถานการณ์ไปตามเรื่องที่ผมคิดได้ในขณะนั้น มันไม่ใช่เคล็ดลับอะไรเลย

แต่เชื่อไหมล่ะครับว่า หลายปีผ่านไป ผมก็ยังไม่ได้คิดว่ามันมีปัญหาอะไรตรงไหน
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผมเป็นแนวคนที่รักรถของตัวเองมากก็เป็นไปได้

จนกระทั่งได้ขายรถออกไป แล้วได้มาลองใช้ eco car ในช่วงนั้น
ผมได้ลองใช้ทั้ง March ของพี่สาว Swift ของแม่ แล้วเพิ่งมาเห็นเป็นครั้งแรกว่า
แอร์ออโต้ที่แท้จริงมันเป็นยังไง

มันเป็นแอร์ที่เย็นสบายเหมือนกับแอร์ปกตินะทั้งๆที่มันมี HEATER
และมันเย็นแบบที่สบายผิว ไม่แห้งผาก ไม่ใช่ความรู้สึกแบบขนลุกๆ
และมันก็ปรับอุณหภูมิได้นิ่งมาก โดยแปรผันตามอุณหภูมิจริงภายนอก 
ถ้าข้างนอกเย็นกว่าอุณหภูมิที่เราต้องเอาไว้ ระบบจะเพิ่มความอุ่นให้ความเย็น
กลับมาเย็นได้พอดี ถ้าภายนอกร้อนจัด มันก็จะเร่งให้เย็นมากขึ้นเพื่อให้
อุณหภูมิกลับมาเย็นได้พอดีอย่างชาญฉลาด (แต่รุ่นอื่นๆ จะมีที่ไม่ฉลาดรึเปล่า อันนี้เราก็ไม่รู้)
ปัญหาเดิมต่างๆ ทั้งหมดก็หมดไป ไม่มีญาติคนไหนมีปัญหาอีก
ไม่มีใครต้องพกเสื้อกันหนาวเวลามากับผมอีกต่อไป เพราะผมเปลี่ยนมาใช้ Camry

มันทำให้ผมรู้ว่าแอร์อัตโนมัติที่ดีนั้นจะต้องมีระบบ HEATER
เพื่อช่วยเหลือในการปรับอุณหภูมิให้คงที่ ไม่ใช่การเป่าลมร้อนแต่เพียงอย่างเดียว
เมื่อผมเช็คดูอะไหล่ว่าชิ้นส่วนที่ถูกตัดไปมีมูลค่าเท่าไหร่ ก็พบว่าหลายพันบาทอยู่
ซึ่งค่ายรถ save cost ตรงนี้ไปเยอะมาก หากคูณกับจำนวนตัวเลขการผลิต
ก็นับเป็นร้อยล้านได้อยู่ ซึ่งการตัดอุปรณ์ส่วนควบนี้ออกไป ไม่ได้เป็นผลดีใดๆ กับผู้บริโภค
อีกทั้งผมพบว่าระบบแอร์ที่มี HEATER สมัยนี้ไม่ได้เปราะบางแบบสมัยก่อน
ถ้าจะเสียง่าย ก็ต้องว่ากันไปเป็นรุ่นๆ ไม่ใช่การเหมารวม

ปัจจุบันนี้ยังมีรถที่มีแอร์ออโต้แต่ระบบ HEATER ถูกตัดทิ้ง ส่วนใหญ่อยู่ในรถหลายรุ่นของ
Toyota กับ Honda ซึ่งเป็นค่ายที่มีงบการโฆษณาหลายร้อยล้าน ซึ่งงบดังกล่าว
ก็เหมือนได้เปล่าจากการหักอุปกรณ์สำคัญในแอร์ออกไปแล้ว

รถรุ่นที่ผมจำได้ก็จะมี (เฉพาะรุ่นที่มีแอร์ออโต้ แต่ระบบ HEATER ถูกตัดทิ้ง)
Toyota : Vios, Yaris, Yaris Ativ, Sienta
Honda : City, Jazz, Brio, Brio Amaze, Mobilio, BR-V, HR-V, Civic 1.8
ส่วนกระบะ ผมไม่แน่ใจกับ Mitsubishi กับ Isuzu ว่าตัวใหม่มีหรือไม่ แต่ Mu-X ไม่มี

ทุกวันนี้นั้น ผมถือว่าการเลือกรถ จะต้องนึกถึงคนในครอบครัวเป็นหลักเสมอ
ผมอาจจะทนได้ สบายๆ รู้สึกฉ่ำอยู่คนเดียว แต่ถ้าคนอื่นรู้สึกไม่สบายก็คงจะไม่ไหว
ยิ่งถ้ามีหรือกำลังจะมีลูกเล็กด้วยแล้ว แอร์ออโต้ที่ไม่สมบูรณ์จะทำให้เด็กป่วยง่ายมาก
ส่วนเรื่องลมร้อนนั้น ผมเอาไว้ใช้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ก็คือตอนก่อนที่จะซื้อรถ
เพื่อเอาไว้เช็คเฉยๆ ว่า รถรุ่นนั้นๆ มีระบบแอร์ที่สมบูรณ์หรือไม่
กับอีกไม่กี่ครั้งถ้าหากไปเที่ยวยอดดอยสูงๆ ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยได้ไป ซึ่งผมคิดว่า
เมืองร้อนอย่างบ้านเราก็คงจะไม่ได้เปิดลมร้อนกันเท่าไหร่อยู่แล้ว

 
***ซึ่งปัญหากับแอร์ออโต้ที่ไม่สมบูรณ์ไม่ได้เกิดขึ้นในเฉพาะช่วงหน้าหนาวของไทย
ที่มักกินเวลาอยู่แค่ไม่ถึงเดือน แต่เกิดขึ้นในช่วงหน้าที่มีฝนด้วย ซึ่งในบางปีหากมีมรสุม
เพิ่มเติม ก็จะทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวอาจกินเวลามากถึง 8-9 เดือน***
 
ยิ่งถ้าเป็นชีวิตของพนักงานกินเงินเดือนในกรุงเทพ ที่ต้องฝ่ารถติดต้องออกจากบ้านแต่เช้ามืด
ทุกวัน ก็จะต้องเจอกับปัญหากับแอร์ที่ไม่สมบูรณ์ทุกๆ วัน คำพูดที่ว่า ถ้ามีก็คงได้ใช้แค่ไม่กี่วัน
ในแต่ละปี จึงเป็นความเข้าใจผิด 

ผมหวังว่ากระทู้นี้จะช่วยให้ค่ายรถเลิกตัดอุปกรณ์ที่สำคัญนี้ 
และเอาใจใส่ผู้บริโภคทุกๆ คนให้มากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะกับกลุ่มเป้าหมาย
ที่เป็นคนขับที่ซื้อ ที่อาจสำรวจแล้วว่าไม่ใส่ใจว่ารถต้องมี HEATER

ทุกวันนี้ ผมดีใจที่ Toyota เริ่มขยับโดยการให้แอร์ออโต้ที่สมบูรณ์
มากับ Fortuner, Altis, Revo แล้ว และ Mitsubishi ก็ให้ HEATER มากับ
Xpander ทั้งๆ ที่ในอินโดไม่ได้ใช้ ผมหวังว่า เทรนด์ที่ทุกๆ รุ่นจะมีแอร์
ออโต้ที่ทำงานได้ปกติกำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ หากผู้บริโภคเริ่มตื่นตัวมากขึ้น

ปิดท้ายตรงนี้ ผมขอให้อย่าเพิ่งต่อต้านข้อมูลนี้ เพราะรถที่ถูกกล่าวถึงเป็นรถที่ตัวเราใช้อยู่
จึงเหมือนกับการถูกพาดพิง หรือการพูดเจาะจงชื่อแบรนด์เหมือนกับการต่อว่าซึ่งเหมือนมากระทบกับ
แบรนด์ที่เราชอบ หรือตัวเราเองไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น เพราะแข็งแรง หรืออะไรก็แล้วแต่
แต่ให้มองว่าเป็นข้อมูล เป็นการรับฟังความคิดเห็นอีกด้านที่อาจจะแตกต่างจากที่เราคิด
เหมือนกับตัวผม ที่ไม่ได้รู้สึกอะไรในตอนแรก เพราะไม่ได้สังเกตหรือรับฟังความคิดเห็น
ของคนอื่นมากพอ เมื่อรับรู้และเข้าใจ ก็เริ่มศึกษาจนได้ความรู้มากขึ้น
ผมยังคงชอบแบรนด์ Toyota / Honda เหมือนเดิม และหวังว่าเขาจะให้สิ่งที่ถูกตัด
ออกไปกลับคืนมาในอนาคต ซึ่งตัวเราควร action เพื่อการปกป้องและคุ้มครองผู้บริโภค

แต่ผมก็เข้าใจจิตใจของคนที่ชอบรถรุ่นนั้นๆ เช่น City 1.0 turbo มันดูสวยและ
ดูคุ้มค่ามาก เดิมผมเคยคิดว่า SV เป็นรุ่นที่ดูคุ้มที่สุด แต่ถ้าอยากได้จริงๆ
คงแนะนำรุ่น S ซึ่งเป็นรุ่นที่มีแอร์ธรรมดา ส่วนกระจกมองข้างไฟฟ้าค่อยไปติดตั้งเพิ่มเอา
ส่วนรุ่นอื่นๆ ก็เช่นกัน คือแนะนำรุ่นที่มีแอร์ธรรมดาแทน เพราะอย่างน้อยยังสามารถ
ควบคุมในส่วนการเพิ่มลดน้ำยาแอร์ได้บ้าง 
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่