ในสถานะที่ผมมีอิสรภาพทางการเงินนะครับ
แต่ประสบการณ์ที่ดีุ่ดในชีวิตของผมก็คือตอนที่ได้ทำงานประจำครับ
อาจจะเพราะงานเป็นฝ่าย R&D มั้งมันเลยไม่น่าเบื่อ ไม่สิ ต้องบอกว่าถูกจริตมากกว่า
เพราะตั้งแต่ออกจากงานมาผมก็นั่งหน้าจอวิจัยไปวันๆเหมือนทำงานประจำอยู่ดี ( เหมือนออกจากงานแล้วไม่ได้ออกจริงๆ )
ซึ่งจริงๆ มันทำให้ผมยุ่งไม่เข้าเรื่องด้วยนะ จริงๆถือหุ้น AOT ไว้ตั้งแต่ตอนน้ำท่วม 2012 ตามแผนก็หมดเรื่อง แต่เพราะความสนใจในโภคภัณท์หลายชนิด เลยทำให้ตัวเองคัทๆซื้อๆ จนตอนนี้ก็ไม่มั่นใจว่าเหลือกำไรเท่าไหร่55 ( แต่อย่างน้อยก็กำไรแน่นอนเพราะออกจากงานมาตั้งแต่ Set ไม่ถึง 1000 จุด )
ประเด็นของผมอยู่ตรงนี้ครับ
ตอนนี้ผมลองมาใช้ชีวิตแบบปิดจอหุ้นบ้างครับ ลองมาได้ซัก 6 เดือน คือ ก่อนหน้านี้ 10 ปีเปิดจอทุกวัน
ผลคือ ชีวิตน่าเบื่อมากครับ.
ตื่นเช้าทำอาหารเช้า ดูถ่ายทอดสดกีฬา พอแดดออกเดินออกไปเจอผุ้คนเดินเล่นหาอาหารกลางวันกิน บ่ายถีบจักรยานไปรับลูก เล่นกับลูกสามชั่วโมง ถีบจักรยานออกไปซื้อกับข้าวเย็นไม่ก้ทำอาหารเย็นให้ลูกกิน ( ผลัดกับเมีย ) วันไหนมีหนังดีๆเข้าก็ชวนเพื่อนบ้านไปดูกินชาบู สองทุ่มอ่านหนังสือสี่ทุ่มนอน
วนๆเวียนๆจะครบปีแล้วครับ...ทำให้คิดถึงตอนทำงานประจำ
มีเพื่อนร่วมงานที่ดีออกไปกินข้าวเที่ยงกันลองร้านใหม่ๆ เจ้านายกดดันตามประสา เหล่สาวต่างแผนก ( ห้ามเหล่แผนกเดียวกันนะเคยลองแล้วผลไม่สวยเท่าไหร่ ) แอบเล่นหุ้นบริษัทตัวเองขำๆ มีสังคม
พอออกจากงานมาเป็นมนุษย์พ่อเต็มรูปแบบ แรกๆก็เหมือนฉากจบของหนังรักโรแมนติก แต่นานๆเข้าเริ่มเฉาละครับ
คิดว่าลูกโตออกจากบ้านไปคงทนไม่ไหวกลับไปหางานประจำทำแน่ ( อาจเป็นลุงแก่ๆทำงานเป็นแคชเชียร์ซักที่ )
คือ ผมอยากบอกว่า..
อิสรภาพทางการเงินไม่ใช่คำตอบเสมอไปครับ ถ้าเวลาที่มันมีไม่รู้จะทำอะไรกับมันเหมือนผม 555
สุขสันต์วันพ่อครับ
แด่มนุษย์พ่อทุกคน
งานประจำมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอมีแต่คนอยากออก ?
แต่ประสบการณ์ที่ดีุ่ดในชีวิตของผมก็คือตอนที่ได้ทำงานประจำครับ
อาจจะเพราะงานเป็นฝ่าย R&D มั้งมันเลยไม่น่าเบื่อ ไม่สิ ต้องบอกว่าถูกจริตมากกว่า
เพราะตั้งแต่ออกจากงานมาผมก็นั่งหน้าจอวิจัยไปวันๆเหมือนทำงานประจำอยู่ดี ( เหมือนออกจากงานแล้วไม่ได้ออกจริงๆ )
ซึ่งจริงๆ มันทำให้ผมยุ่งไม่เข้าเรื่องด้วยนะ จริงๆถือหุ้น AOT ไว้ตั้งแต่ตอนน้ำท่วม 2012 ตามแผนก็หมดเรื่อง แต่เพราะความสนใจในโภคภัณท์หลายชนิด เลยทำให้ตัวเองคัทๆซื้อๆ จนตอนนี้ก็ไม่มั่นใจว่าเหลือกำไรเท่าไหร่55 ( แต่อย่างน้อยก็กำไรแน่นอนเพราะออกจากงานมาตั้งแต่ Set ไม่ถึง 1000 จุด )
ประเด็นของผมอยู่ตรงนี้ครับ
ตอนนี้ผมลองมาใช้ชีวิตแบบปิดจอหุ้นบ้างครับ ลองมาได้ซัก 6 เดือน คือ ก่อนหน้านี้ 10 ปีเปิดจอทุกวัน
ผลคือ ชีวิตน่าเบื่อมากครับ.
ตื่นเช้าทำอาหารเช้า ดูถ่ายทอดสดกีฬา พอแดดออกเดินออกไปเจอผุ้คนเดินเล่นหาอาหารกลางวันกิน บ่ายถีบจักรยานไปรับลูก เล่นกับลูกสามชั่วโมง ถีบจักรยานออกไปซื้อกับข้าวเย็นไม่ก้ทำอาหารเย็นให้ลูกกิน ( ผลัดกับเมีย ) วันไหนมีหนังดีๆเข้าก็ชวนเพื่อนบ้านไปดูกินชาบู สองทุ่มอ่านหนังสือสี่ทุ่มนอน
วนๆเวียนๆจะครบปีแล้วครับ...ทำให้คิดถึงตอนทำงานประจำ
มีเพื่อนร่วมงานที่ดีออกไปกินข้าวเที่ยงกันลองร้านใหม่ๆ เจ้านายกดดันตามประสา เหล่สาวต่างแผนก ( ห้ามเหล่แผนกเดียวกันนะเคยลองแล้วผลไม่สวยเท่าไหร่ ) แอบเล่นหุ้นบริษัทตัวเองขำๆ มีสังคม
พอออกจากงานมาเป็นมนุษย์พ่อเต็มรูปแบบ แรกๆก็เหมือนฉากจบของหนังรักโรแมนติก แต่นานๆเข้าเริ่มเฉาละครับ
คิดว่าลูกโตออกจากบ้านไปคงทนไม่ไหวกลับไปหางานประจำทำแน่ ( อาจเป็นลุงแก่ๆทำงานเป็นแคชเชียร์ซักที่ )
คือ ผมอยากบอกว่า..
อิสรภาพทางการเงินไม่ใช่คำตอบเสมอไปครับ ถ้าเวลาที่มันมีไม่รู้จะทำอะไรกับมันเหมือนผม 555
สุขสันต์วันพ่อครับ
แด่มนุษย์พ่อทุกคน