คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
• สัญญาณมือของผู้แข่งขันในกีฬาแบดมินตัน
+ การส่งสัญญาณมือ ก่อนที่จะเสิร์ฟลูก ส่วนใหญ่จะเป็นเล่นประเภทคู่และคู่ผสม เพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้กับคู่ขาของเรา
ว่าเราจะเสิร์ฟไปในทิศทางไหน หรือจะเสิร์ฟสั้น-เสิร์ฟยาว

+ สัญญาณมือ มีทั้งหมด 5 แบบด้วยกัน คือชี้นิ้ว 1, 2, 3, 4, 5 ซึ่งแต่ละสัญญาณจะมีความแตกต่างคือ " มุมในการเสิร์ฟ "
(ประเทศอื่นอาจจะมีสัญญาณมือแตกต่างไปจากนี้)
• ประโยชน์ของสัญญาณมือแต่ละแบบ
• ประโยชน์ของคู่ขาของเรา (partner)
ทำให้รู้ทิศทางของลูกแบด ที่จะถูกตีกลับมา เมื่อเราเสิร์ฟไปแล้ว และเมื่อคู่ต่อสู้รับเสิร์ฟกลับมา จะไปทิศทางไหน
จุดสังเกตคือความน่าจะเป็น หรือ โอกาสที่ลูกจะกลับมา เราจะสามารถคาดคะเนได้ในระดับนึง

• ความหมายของสัญญาณมือแต่ละแบบ
+ ชี้นิ้ว 1 คือ เสิร์ฟให้ลง ตำแหน่งที่ 1 บริเวณตัว T ของคอร์ต ไม่ว่าจะเสิร์ฟคอร์ต 1 หรือคอร์ต 2 ก็ตาม
+ ชี้นิ้ว 2 คือ เสิร์ฟให้ลงตำแหน่ง 2 คือบริเวณกลางคอร์ต
ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลาง ระหว่างแบ็คแฮนด์และโฟว์แฮนด์ ก็อาจจะทำให้รับยากนิดนึง
+ ชี้นิ้ว 3 คือ เสิร์ฟให้ลงในมุมไกล ซึ่งนักกีฬาบางคน อาจจะตีมุมนี้ได้ไม่ดี หรือลูกที่คืนกลับมา ไม่อันตรายนัก
+ ชี้นิ้ว 4 คือ เสิร์ฟหลังมุมตัว T
+ ชี้นิ้ว 5 คือ เสิร์ฟหลังมุมไกล

+ ตัวอย่างในรูป ถ้าเราเสิร์ฟเข้าที่ตำแหน่ง เลข 1 ตัว T โอกาสที่ลูกจะกลับมา คือ ตำแหน่งท้ายคอร์ตด้านซ้าย
หรือถ้าเราเสิร์ฟที่ตำแหน่ง เลข 3 ลูกที่คู่แข่งขันจะคืนกลับมา ส่วนใหญ่จะเป็นมุมซ้าย ซึ่งเป็นทิศทางที่ตีง่าย และเป็นธรรมชาติที่สุด
แต่ทิศทางดังกล่าว ก็ไม่แน่นอนเสมอไป อยู่ที่ความถนัดและรูปแบบในการเล่นของคู่แข่งขันแต่ละคน
+ การเสิร์ฟหน้าทั้งสามมุม 1,2,3 นั้น ตำแหน่งของลูกที่จะคืนกลับมา อาจจะมีทิศทางที่ต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับความถนัดของคู่แข่งขันด้วย และเราก็ต้องคอยสังเกตความถนัด ความชอบและไม่ชอบของคู่แข่งขันแต่ละคนด้วยเช่นกัน
+ ที่สำคัญ เมื่อเราต้องการจะเสิร์ฟหลัง และเราส่งสัญญาณให้คู่ขาของเราว่า 4 หรือ 5 นั้น ถ้าคู่ขาเรารู้ถึงมุมที่เราจะเสิร์ฟไป
จะได้เปรียบมาก ๆ

+ จากรูป ถ้าเราเสิร์ฟไปลงที่ตำแหน่งเลข 4 โอกาสที่คู่แข่งขัน จะตบคืนกลับมาหาคนเสิร์ฟ หรือบริเวณคอร์ตขวามือ
มีโอกาสสูงถึง 70-80 % ฉะนั้น ถ้าเราเสิร์ฟไปแล้ว ก็ตั้งไม้เตรียมรับลูกตบไว้ได้เลย

+ จากรูป ถ้าเราเสิร์ฟไปที่ตำแหน่งเลข 5 โอกาสที่คู่แข่งขัน จะตบคืนกลับมาทางคอร์ตด้านซ้าย
หรือตบคืนกลับมาหาคู่ขาเรา ก็มากเช่นกัน

• ประโยชน์จากตัวเรา
เมื่อเราทราบอยู่แล้วว่า เราจะเสิร์ฟไปทิศทางไหน ก็เป็นการทำให้เรามีสมาธิ ไม่วอกแวก หรือเปลี่ยนใจกระทันหันก่อนที่จะเสิร์ฟ
เมื่อส่งสัญญาณมือให้เพื่อนแล้ว ที่เหลือก็พยายามเสิร์ฟให้ได้ตามเป้าหมายที่เราส่งสัญญาณบอกเพื่อนไว้ และเตรียมรับมือกับ
การคืนลูกเสิร์ฟของคู่แข่งขันในช็อคต่อไป
จากที่กล่าวมา การส่งสัญญาณมือไม่ได้มีทฤษฎีตายตัว และในประเทศอื่น ๆ หรือนักกีฬาคนอื่น ๆ ก็อาจจะมีสัญญาณมือ
ที่เป็นที่รู้กันเพียงสองคนที่แตกต่างกันไป
จึงสรุปได้ว่า ประโยชน์ของการส่งสัญญาณมือคือ การบอกให้คู่ขา เตรียมพร้อมที่จะรับมือ กับลูกที่คู่แข่งขันจะโต้คืนกลับมา
อาจจะมีทิศทางหรือความน่าจะเป็น เป็นไปตามที่ซ้อม หรือที่คิดไว้ ก็อาจจะทำให้เกมการแข่งได้เปรียบไปเยอะพอสมควร
ที่มา : http://nitipongs.com/สัญญาณมือ-กับกีฬาแบดมิน/
+ การส่งสัญญาณมือ ก่อนที่จะเสิร์ฟลูก ส่วนใหญ่จะเป็นเล่นประเภทคู่และคู่ผสม เพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้กับคู่ขาของเรา
ว่าเราจะเสิร์ฟไปในทิศทางไหน หรือจะเสิร์ฟสั้น-เสิร์ฟยาว

+ สัญญาณมือ มีทั้งหมด 5 แบบด้วยกัน คือชี้นิ้ว 1, 2, 3, 4, 5 ซึ่งแต่ละสัญญาณจะมีความแตกต่างคือ " มุมในการเสิร์ฟ "
(ประเทศอื่นอาจจะมีสัญญาณมือแตกต่างไปจากนี้)
• ประโยชน์ของสัญญาณมือแต่ละแบบ
• ประโยชน์ของคู่ขาของเรา (partner)
ทำให้รู้ทิศทางของลูกแบด ที่จะถูกตีกลับมา เมื่อเราเสิร์ฟไปแล้ว และเมื่อคู่ต่อสู้รับเสิร์ฟกลับมา จะไปทิศทางไหน
จุดสังเกตคือความน่าจะเป็น หรือ โอกาสที่ลูกจะกลับมา เราจะสามารถคาดคะเนได้ในระดับนึง

• ความหมายของสัญญาณมือแต่ละแบบ
+ ชี้นิ้ว 1 คือ เสิร์ฟให้ลง ตำแหน่งที่ 1 บริเวณตัว T ของคอร์ต ไม่ว่าจะเสิร์ฟคอร์ต 1 หรือคอร์ต 2 ก็ตาม
+ ชี้นิ้ว 2 คือ เสิร์ฟให้ลงตำแหน่ง 2 คือบริเวณกลางคอร์ต
ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลาง ระหว่างแบ็คแฮนด์และโฟว์แฮนด์ ก็อาจจะทำให้รับยากนิดนึง
+ ชี้นิ้ว 3 คือ เสิร์ฟให้ลงในมุมไกล ซึ่งนักกีฬาบางคน อาจจะตีมุมนี้ได้ไม่ดี หรือลูกที่คืนกลับมา ไม่อันตรายนัก
+ ชี้นิ้ว 4 คือ เสิร์ฟหลังมุมตัว T
+ ชี้นิ้ว 5 คือ เสิร์ฟหลังมุมไกล

+ ตัวอย่างในรูป ถ้าเราเสิร์ฟเข้าที่ตำแหน่ง เลข 1 ตัว T โอกาสที่ลูกจะกลับมา คือ ตำแหน่งท้ายคอร์ตด้านซ้าย
หรือถ้าเราเสิร์ฟที่ตำแหน่ง เลข 3 ลูกที่คู่แข่งขันจะคืนกลับมา ส่วนใหญ่จะเป็นมุมซ้าย ซึ่งเป็นทิศทางที่ตีง่าย และเป็นธรรมชาติที่สุด
แต่ทิศทางดังกล่าว ก็ไม่แน่นอนเสมอไป อยู่ที่ความถนัดและรูปแบบในการเล่นของคู่แข่งขันแต่ละคน
+ การเสิร์ฟหน้าทั้งสามมุม 1,2,3 นั้น ตำแหน่งของลูกที่จะคืนกลับมา อาจจะมีทิศทางที่ต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับความถนัดของคู่แข่งขันด้วย และเราก็ต้องคอยสังเกตความถนัด ความชอบและไม่ชอบของคู่แข่งขันแต่ละคนด้วยเช่นกัน
+ ที่สำคัญ เมื่อเราต้องการจะเสิร์ฟหลัง และเราส่งสัญญาณให้คู่ขาของเราว่า 4 หรือ 5 นั้น ถ้าคู่ขาเรารู้ถึงมุมที่เราจะเสิร์ฟไป
จะได้เปรียบมาก ๆ

+ จากรูป ถ้าเราเสิร์ฟไปลงที่ตำแหน่งเลข 4 โอกาสที่คู่แข่งขัน จะตบคืนกลับมาหาคนเสิร์ฟ หรือบริเวณคอร์ตขวามือ
มีโอกาสสูงถึง 70-80 % ฉะนั้น ถ้าเราเสิร์ฟไปแล้ว ก็ตั้งไม้เตรียมรับลูกตบไว้ได้เลย

+ จากรูป ถ้าเราเสิร์ฟไปที่ตำแหน่งเลข 5 โอกาสที่คู่แข่งขัน จะตบคืนกลับมาทางคอร์ตด้านซ้าย
หรือตบคืนกลับมาหาคู่ขาเรา ก็มากเช่นกัน

• ประโยชน์จากตัวเรา
เมื่อเราทราบอยู่แล้วว่า เราจะเสิร์ฟไปทิศทางไหน ก็เป็นการทำให้เรามีสมาธิ ไม่วอกแวก หรือเปลี่ยนใจกระทันหันก่อนที่จะเสิร์ฟ
เมื่อส่งสัญญาณมือให้เพื่อนแล้ว ที่เหลือก็พยายามเสิร์ฟให้ได้ตามเป้าหมายที่เราส่งสัญญาณบอกเพื่อนไว้ และเตรียมรับมือกับ
การคืนลูกเสิร์ฟของคู่แข่งขันในช็อคต่อไป
จากที่กล่าวมา การส่งสัญญาณมือไม่ได้มีทฤษฎีตายตัว และในประเทศอื่น ๆ หรือนักกีฬาคนอื่น ๆ ก็อาจจะมีสัญญาณมือ
ที่เป็นที่รู้กันเพียงสองคนที่แตกต่างกันไป
จึงสรุปได้ว่า ประโยชน์ของการส่งสัญญาณมือคือ การบอกให้คู่ขา เตรียมพร้อมที่จะรับมือ กับลูกที่คู่แข่งขันจะโต้คืนกลับมา
อาจจะมีทิศทางหรือความน่าจะเป็น เป็นไปตามที่ซ้อม หรือที่คิดไว้ ก็อาจจะทำให้เกมการแข่งได้เปรียบไปเยอะพอสมควร
ที่มา : http://nitipongs.com/สัญญาณมือ-กับกีฬาแบดมิน/
แสดงความคิดเห็น
แบดมินตันครับ Signal นิ้วมือที่ผู้เสิร์ฟทำให้ buddy ที่อยู่ข้างหลังเห็นก่อนเสิร์ฟ แต่ละนิ้วมือหมายถึงอะไรกันบ้างครับ
- เป็นสากลไหมครับ signal เหล่านี้ ในวงการแบด ที่นักแบดเขายกกัน
ขอบคุณครับ