Title: ทริปแสวงบุญ@BKK 

Aim: ทริปนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาว่างๆ สั้นๆ สัก 1 วันและอยากไปไหว้พระในกรุงเทพ แบบทริปง่ายๆ ไม่มีรถก็สามารถไปได้ โดยเป้าหมายของเราในทริปนี้คือการเดินทางไหว้พระ วัดต่างๆ ในกทม.ซึ่งประกอบไปด้วย 
1. วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร 
2. วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร 
3. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง) 
4. วัดราชนัดดารามวรวิหาร 
5. วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร 
6. ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร 
7. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม 
8. วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร 
9. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร 
10. วัดระฆังโฆสิตาราม 

สิ่งที่ควรพกไปอย่างยิ่ง 1. หมวก ร่ม 2. ยาดม 3. แบงค์ย่อยสำหรับทำบุญ

ติดตามรีวิวอื่นๆ ได้ที่เพจหมูเดินทางไกล
https://www.facebook.com/mooderntangkai/?modal=admin_todo_tour

เราออกเดินทางช่วงเช้า โดยเริ่มเดินทางจากบ้านย่านฝั่งธนบุรี โดยรถโดยสารปรับอากาศเพื่อไปยังย่านบางลำพู นั่งชิลๆ ใช้เวลาไม่นานนัก ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เนื่องจากรถไม่ติดเท่าไร


บ้านเรือนย่านนี้ยังคงมีสไตล์ของบ้านเก่าแบบคลาสสิก มีร้านขายของต่างๆ มากมาย แถวนี้เจอนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ปกติ เพราะใกล้กับถนนข้าวสารเลย


ช่วงเช้ารถยังโล่งอยู่ อากาศยังไม่ร้อนมากนัก ตรงข้ามเราเป็นวัดบวรฯ ที่หมายที่สองของเรา

กองทัพต้องเดินด้วยท้องฉันใด การหาร้านข้าวก็สำคัญฉันนั้น เราเจอร้านชื่อร้านโกยี เป็นตึกแถวตรงตลาดบางลำพู ท่าทางน่าอร่อย 


ข้าวหมูกระเทียม หน้าต่างอาจดูเฉยๆ แต่รสชาติดีมาก ราคาไม่แพง


กะเพราไข่ดาว สั่งอาหารประจำชาติมาลองด้วย อร่อยมากเช่นกัน


คู่กับชาดำและโอเลี้ยงก็ดูเข้ากันดี


เริ่มสตาร์ตวัดแรก วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร ว่ากันว่าสำหรับผู้ที่อยากหลุดพ้นอุปสรรคในชีวิต ชนะปัญหาต่างๆ ให้มาไหว้พระทำบุญที่วัดแห่งนี้


ภายในมีกิจกรรมทำบุญ สวดมนต์กันของบรรดาพุทธศาสนิกชน


เดินจากตลาดบางลำพู เพียงข้ามถนน เราจะพบกับวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก พระอารามนี้เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง 4 พระองค์


ในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปคือ พระพุทธสุวรรณเขต (หลวงพ่อโต) และพระพุทธชินสีห์ มีผู้คนมากมาย เข้ามาสักการะ


มุมมองภายนอกพระอุโบสถ


ริมถนนแถวนั้นจะมีแผนที่บอกวัดสำคัญต่างๆ ในย่านนี้ จะเห็นได้ว่า อยู่ในบริเวณที่ไม่ไกลจากกันมากนัก บางที่สามารถเดินถึงกันได้ด้วย


เราเดินทางต่อไปยังวัดสระเกศราชวรมหาวิหารหรือวัดภูเขาทอง โดยใช้รถโดยสารสาย 56 ฝั่งที่จะไปพาหุรัด ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ก็ถึงที่หมาย


วัดสระเกศ เป็นพระอารามหลวงชั้นโท สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา การเดินทางไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ต้องเดินเท้าขึ้นบันไดไปเท่านั้น


บริเวณทางขึ้นจะมีภูเขาทองจำลอง


โชคดีที่เป็นคนไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องเสียค่าเข้า 50 บาท


ตลอดเส้นทางขึ้นจะมีระฆังเรียงราย


เมื่อถึงด้านจะมองเห็นวิวของกรุงเทพอย่างสวยงาม


ด้านบนจะมีพระพุทธรูป พระบรมสารีริกธาตุ ให้เราได้ไหว้สักการะ


มีทางขึ้นไปยังที่สักการะพระบรมบรรพต


พระบรมบรรพต


ตรงข้ามกับวัดสระเกต เราสามารถเดินผ่านป้อมมหากาฬและข้ามถนนมาที่วัดราชนัดดารามวรวิหาร จุดมุ่งหมายที่ 4 ของเรา


วัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ โลหะปราสาท ซึ่งเป็นโลหะปราสาทแห่งแรกของไทย การเดินขึ้นไปยอดบนสุด ต้องเดินขึ้นบันไดเวียนจำนวน 67 ขั้น


ทางเดินก่อนขึ้นบันไดเวียน
 

หลังจากวัดราชนัดดาฯ เราเดินทางต่อไปเสาชิงช้า เพื่อไปจุดมุ่งหมายต่อไป บริเวณนี้จะมีโรงพิมพ์ บ้านเรือนที่คงสภาพสถาปัตยกรรมแบบเก่า เหมาะกับการอนุรักษ์ไว้


ไม่นานเราก็มาถึง เสาชิงช้า สถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในพิธีโล้ชิงช้า ในสมัยโบราณ ซึ่งเป็นอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แม้ปัจจุบันจะไม่ได้มีพิธีนี้แล้ว แต่เสาชิงช้าก็ถือเป็นโบราณสถานที่สำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของ กทม.


วัดสุทัศน์ฯ พระอารามหลวงชั้นเอก อยู่ตรงข้ามเสาชิงช้าเลย

ภายในวัดสุทัศน์ฯ จะสังเกตเห็นอิทธิพลสถาปัตยกรรมจีนเข้ามาบ้าง

มาถึงตรงนี้เราเริ่มต้องหาข้าวกลางวันกิน เพื่อเติมพลัง เหลียวไปมาเจอร้านศิริพรโภชนา
 

ข้ามหมูกรอบรสเข้มข้น สำหรับคนที่ชอบรสจัดๆ หน่อยน่าจะชอบ


เดินต่อมาสักหน่อย เราจะเจอศาลเจ้าพ่อเสือ มีผู้คนมากมายเข้ามาสักการะ บนบาน ทั้งในเรื่องการงาน ชีวิต รวมไปถึงการสะเดาะเคราะห์แก้ชงก็เช่นกัน


เราเดินต่อมาเรื่อยๆ เพื่อไปยังศาลหลักเมือง จนมาถึงหลังกระทรวงกลาโหม


เลี้ยวขวาเพื่อไปออกถนนข้างศาลหลักเมือง มุมนี้มักใช้ถ่ายละครบ่อยๆ


ถึงที่หมายของเรา ศาลหลักเมืองกรุเทพมหานคร คนมาสักการะเยอะมากเช่นกัน


ภายในศาลหลักเมืองจะมีชุดสักการะ มีป้ายบอกลำดับการไหว้อย่างชัดเจน


ภายในศาลหลักมือง จะมีเสาหลักเมืองซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมือง
 

ด้านหน้ากระทรวงกลาโหม


จากศาลหลักเมือง เราเดินเรียบถนนตรงข้ามพระบรมหาราชวัง ด้านขวามือคือ พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท


ไม่นานนักก็มาถึงจุดหมายต่อไปของเรา วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือที่เราเรียกกันติดปากว่าวัดโพธิ์ ภายในนอกจากจะความรู้ในด้านศาสนายังมีจารึกสำคัญที่แสดงถึงความรู้สมัยก่อนอีกหลายอย่าง เช่น การแพทย์ วรรณคดี ศิลปกรรม ฯลฯ


ว่ากันว่าวัดนี้เป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา


ภายในมีพระพุทธรูปมากมายเช่นกัน


จากวัดโพธิ์ ถึงเวลาที่เราต้องข้ามกลับไปยังวัดที่อยู่ฝั่งธนบุรี โดยเราใช้ท่าเรือราชินีเพื่อข้ามฝั่งไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ


วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร มีความเชื่อในเรื่องการขอพรให้เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย และมีมิตรไมตรีที่ดี


ท่าน้ำวัดนี้จะมีเรือโดยสารบริการสำหรับเดินทางขึ้นลงทั้ง 3 วัด ได้แก่ วัดอรุณ วัดกัลยาณ วัดระฆัง โดยเราจ่ายค่าตั๋ว 30 บาท สามารถเดินทางไปวัดไหนก็ได้ ขึ้นลงโดยไม่ต้องจ่ายเพิ่มแล้ว


ภายในเรือจะมีที่นั่งสองฝั่ง คนที่ไม่เคยขึ้นเรือแบบนี้อาจจะตื่นเต้นนิดหน่อยตอนขึ้นลงเรือ แต่ก็ปลอดภัยดี ระหว่างทางมีน้องมาขายขนมปังให้เราให้ปลาสวายแถวหน้าวัดได้


พระปรางค์วัดอรุณ พระปรางคโบราณสร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา มีการบูรณะเรื่อยมา เป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยและเป็นสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่ามาก


ก่อนไปถึงวัดสุดท้าย เราจะนั่งเรือผ่านกองบัญชาการกองทัพเรือ


และจุดหมายสุดท้ายของเราในครั้งนี้คือ วัดระฆังโฆสิตาราม หรือวัดหลวงพ่อโต พระอารามหลวงชั้นโท วัดนี้ถือเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ของฝั่งธนบุรี มีผู้คนมาสักการะมากมาย ซึ่งเชื่อกันว่าจะมีอานิสงค์ให้ผู้มาทำบุญประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนเสียงระฆังกังวานนั่นเอง


จะเห็นว่าการเดินทางไหว้พระในเขตพระนครไม่ยากเลย ถึงแม้ว่าจะต้องเดินเยอะไปสักหน่อยแต่ก็ถือว่าได้ออกกำลังกาย และนอกจากวัดวาอารามแล้ว เรายังได้เห็นบ้านเรือนและวิถีชีวิตของผู้คนอีกด้วย จัดเป็น One day trip สั้นๆ ที่สนุก แถมยังได้บุญอีกด้วย ^^

ภาพรวมของการเดินทางในวันนี้
โชคดีที่ฟ้าสดใส
โชคดีที่วัดสวยงาม
โชคดีที่ได้มาทำบุญ 🙏🙏🙏