**ก่อนอื่นต้องชี้แจงก่อนว่าเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริง ไม่ได้มีการแต่งเรื่องเพิ่มเติมเพื่อใส่ร้ายใครทั้งสิ้น โดยเจตนาของกระทู้นี้เพื่อเป็นการเตือนภัยให้ระวังตัวอย่างไว้ใจใครง่ายๆ **
เราชื่อโค เป็นทอมคนโง่ และขอเรียกแฟนเก่าเราว่านางสาวเก๋ดี
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ปี2017 เราได้รู้จักเก๋ดีผ่านแอพลิเคชั่นT ซึ่งเป็นแอพหาคู่ชื่อดัง โดยเราได้ทำการทักนางสาวเก๋ดีไป และได้คุยกันโดยนางสาวเก๋ดีได้ขอไอดีแอพสีเขียวของเราและได้คุยกันผ่านแอพนั้นแทน
นางสาวเก๋ดีบอกว่าตัวเองเป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย โดยมีแม่เป็นคนไทย และพ่อเป็นคนออสเตรเลีย แต่ตอนนี้มีปัญหากับที่บ้านจึงย้ายออกมาอยู่คอนโดย่านสถานบันเทิงแถวพระราม9 คนเดียว และอายุ 24 ปี เกิดที่ออสเตรเลีย ย้ายกลับมาประเทศไทยตอนอายุประมาณ 4 ขวบ ซึ่งแม่นำนางสาวเก๋ดีกลับมาโดยไม่ได้เอาเอกสารอะไรกลับมาเลย ทำให้ต้องยัดใต้โต๊ะทำเรื่องแจ้งเกิดให้นางสาวเก๋ดีใหม่ อายุในบัตรประชาชนของนางสาวเก๋ดีจึงน้อยกว่าอายุจริง 4 ปี จริงๆ นางสาวเก๋ดีเกิดปี 2536 แต่ในบัตรประชาชนระบุว่าเกิดปี 2540
นางสาวเก๋ดีบอกว่าพอเธออายุ14 ปี เธอได้ย้ายกลับไปอยู่กับพ่อที่ออสเตรเลีย จนเรียนจบสถาปนิก จากมหาวิทยาลัยชื่อดังจากออสเตรเลียตั้งแต่อายุ 20 จากนั้นได้กลับมาเยี่ยมแม่และยายที่ประเทศไทย จึงทำให้แม่ของเธอยึดพาสปอตและใบปริญญาของเธอไว้ ทำให้เธอไม่สามารถเดินทางกลับออสเตรเลีย และทำงานได้
นางสาวเก๋ดีบอกว่าเธอมีบริษัทสถาปนิกเป็นของตัวเอง โดยเปิดร่วมกับรุ่นพี่ทีสนิทกัน อีกทั้งยังมีบริษัทของที่บ้าน อยู่แถวเลียบทางด่วน ใกล้กับCDC ตอนนั้นเราฟังก็รู้สึกผู้หญิงคนนี้เก่งมากเลย (ยังโง่อยู่ไง)
หลังจากคุยผ่านแอพสีเขียวได้ 1-2 วัน ทางนางสาวเก๋ดีได้มีการวิดีโอคอลมาทุกคืน จนเวลาผ่านไป 4 วัน ค่ำวันนึงนางสาวเก๋ดีได้ชวนไปไหว้พระย่านราชดำริ โดยเก๋ดีนัดประมาณ 4 ทุ่ม เนื่องจากเก๋ดีบอกว่าเพิ่งไปคุยงานกับลูกค้าเสร็จ โดยพอเราเจอเก๋ดี เก๋ดีมาพร้อมกับเอ็มซึ่งเป็นเพื่อนของเก๋ดีที่เป็นทอม ซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยดี ไม่มีอะไรผิดปกติ หลังจากไหว้พระเสร็จ เก๋ดีได้ชวนเราไปดื่มเบียร์ที่ร้านดังย่านเอกมัย โดยทุกอย่างปกติไม่มีอะไร ทางเราเป็นคนจ่ายเงินค่าเบียร์ โดยที่บอกเก๋ดีว่าครั้งหน้าเก๋ดีค่อยเลี้ยงเราคืน
หลังจากแยกกันพอเราถึงบ้านตัวเอง เก๋ดีได้วิดีโอคอลมาคุยด้วยจนเกือบเช้า ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ ระหว่างวันคุยกันผ่านแอพสีเขียว พอค่ำๆ ทางเก๋ดีจะวิดีโอคอลมาคุย ตามประสาคนคุยกัน
หลังจากที่เจอกันครั้งแรกอีก2วันต่อมา ทางเก๋ดีได้ชวนเราให้พาแมวของเก๋ดีไปฉีดวัคซีนในช่วงเย็น ซึ่งเก๋ดีบอกว่าหากเก๋ดีเลิกงานช้า ก็ค่อยพาแมวไปฉีดวัคซีนวันหลัง แต่ให้เราไปกินข้าวกับเก๋ดีแทน ซึ่งเราโอเค พอตกเย็นเก๋ดีบอกว่าเหมือนจะป่วย ให้เราไปหาเก๋ดีที่คอนโดได้ไหม เดี๋ยวทำอาหารให้ทาน โดยเราตกลง และไปหาเก๋ดีที่คอนโด โดยเราได้นั่งกินข้าวดื่มเบียร์ที่คอนโดของเก๋ดี จนถึงช่วงประมาณตีสองเราจึงกลับบ้านตัวเอง
ความสัมพันธ์ของเรากับเก๋ดี ดำเนินไปตามปกติ จนอีก3-4 วันต่อมาเก๋ดีได้ชวนเราไปเดินตลาดนัดตรงข้ามออฟฟิศของเก๋ดีเอง โดยบอกว่าให้เราเก็บของมานอนค้างกับเก๋ดีด้วย ซึ่งเราตกลง และหลังจากนั้นเป็นต้นมาเราก็ค้างคอนโดเก๋ดีตลอด โดยที่กลับบ้านตัวเองมาเอาของบ้างเป็นครั้งคราว
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติ จนช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2017 เพื่อนสนิทเรานามว่าที ได้ชวนไปทานข้าวแถวทาวน์อินทาวน์ เราเห็นว่าใกล้ออฟฟิศเก๋ดี จึงชวนเก๋ดีไปด้วย เราแนะนำเก๋ดีให้รู้จักกับทีและแฟนของที โดยแฟนของทีเคยเรียนที่ออสเตรเลียมาหลายปี เราเลยบอกแฟนของทีว่า เก๋ดีเป็นลูกครึ่งออสเตรเลีย เก๋ดียเรียนที่ออสเตรเลียเหมือนกัน จากนั้นเราก็ปล่อยให้แฟนของทีคุยกับเก๋ดี ตามประสาของเด็กที่ใช้ชีวิตอยู่ออสเตรเลียมา พอทานเสร็จทีและแฟนของทีอาสาไปส่งเราที่คอนโดของเก๋ดี ระหว่างบนรถได้มีบทสนทนาว่าเราบอกเก๋ดีให้เข้าออฟฟิศบ้างเพราะเก๋ดีชอบนอนอยู่ห้องไม่ไปทำงาน เก๋ดีจึงตอบมาว่า เพราะเก๋ดีไม่ได้เป็นลูกจ้าง เก๋ดีเป็นเจ้าคนนายคนไม่ต้องลำบากเหมือนเราหรอก และประโยคนั้นทำให้ทีรู้สึกแปลกๆขึ้นมาทันที
อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาทางเก๋ดีได้ไปกินข้าวกับเพื่อนสนิทเราอีกกลุ่ม ซึ่งมีเอ็น และแอล โดยระหว่างที่ทานข้าวกันเอ็นและแอล คุยกับเก๋ดีปกติ ไม่ได้มีเรื่องอะไรแต่อย่างใด พอทานข้าวเสร็จก็แยกกัน
วันต่อมาทีได้โทรมาถามเราว่าเอ็นและแอลเจอกับเก๋ดีแล้วว่าอย่างไรบ้าง เราก็บอกไปว่าก็ไม่มีอะไรนะคุยกันปกติ หลังจากนั้นทีได้บอกเราว่า โคฟังนะ เก๋ดีไม่ได้จบออสเตรเลียแน่ๆ เพราะวันนั้นที่แฟนทีคุยกับเก๋ดี มีบางคำถามที่แฟนทีถามลงไปลึกๆ แต่เก๋ดีไม่ตอบเลือกที่จะเงียบแทน จึงทำให้ทีสงสัย และไปคุยกับเอ็นเพื่อให้สังเกตพฤติกรรมของเก๋ดี
หลังจากเราได้คุยกับทีในวันนั้น เพื่อนเราทุกคนต่างหาทางสืบประวัติของเก๋ดี หลังจากสืบประวัติทำให้ทราบว่าดังต่อไปนี้
· เก๋ดีได้มีการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลตอนอายุ 18 ปี
· นามสกุลที่เก๋ดีใช้ ทั้งประเทศมีเก๋ดีใช้เพียงผู้เดียว
· เก๋ดีมีการแจ้งเกิดที่โรงพยาบาลตามปกติ
· พ่อและแม่ของเก๋ดีเป็นคนไทย
· เลขที่บ้านตามทะเบียนบ้านของเก๋ดี มีรายชื่อลูกบ้าน 20 กว่าคน (เก๋ดีบอกว่าบ้านตามทะเบียนบ้านเป็นบ้านของยาย มีญาติอยู่ร่วมกับยาย)
· ไม่พบประวัติอาชกรรม และคดีอื่นๆของเก๋ดี
พอเพื่อนเราเอาประวัติของเก๋ดีที่ตรวจสอบมามาแจ้งกับเรา เพื่อนเราจึงบอกให้เลิกกับเก๋ดี เพราะประวัติเก๋ดีดูแปลกๆ ประวัติของเก๋ดีที่เคยบอกเราน่าจะไม่เป็นความจริง อีกทั้งเพื่อนเรายังบอกว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นเด็กอ่าง เด็กเลาจ์หรือเด็กเสี่ย ตอนนั้นเราโกรธเพื่อนมา ถึงกับห่างๆกับเพื่อนไปเลย ทั้งที่ปกติเป็นคนติดเพื่อนมาก เราบอกเพื่อนว่าเราเลิกกะเก๋ดีไม่ได้ เค้ายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เค้าดีกับเรามากๆ ด้วยซ้ำ จนเพื่อนเราทำอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่ปล่อยเราไป
เราใช้ชีวิตกับเก๋ดีเรื่อยมา โดยที่ระหว่างนั้นเราก็ยังคิดเรื่องที่เพื่อนเราพูดอยู่ เราพยายามหาหลักฐานทุกอย่างเพื่อมาบอกเพื่อนเราว่าเก๋ดีไม่ได้เป็นแบบที่ทุกคนพูด โดยที่เราได้นัดเพื่อนคนนึงซึ่งเป็นสถาปนิกของบริษัทชื่อดัง มาดื่มเบียร์กัน โดยออกอุบายชวนเก๋ดีไปด้วย เพื่อที่จะได้รู้ว่าเก๋ดีเป็นสถาปนิกจริงหรือไม่ เนื่องจากเพื่อนเราบอกว่าถ้าคนเป็นสถาปนิกจริงๆ คุยกันแปปเดียวก็รู้ว่าเป็นจริงไหม หลังจากเก๋ดีคุยกับเพื่อนเราเสร็จ ระหว่างกลับคอนโดของเก๋ดี เก๋ดีได้บ่นกับเราตลอดทางว่าเพื่อนเราเป็นสถาปนิกกระจอก ถามอะไรก็ไม่รู้จุกจิก เราก็รับฟังไว้ พอเช้ามาเพื่อนเราที่เป็นสถาปนิกมาบอกเราว่า เก๋ดีไม่ได้เป็นสถาปกนิกนะ แค่มีความรู้พื้นฐาน แต่พอถามไปลึกๆ เก๋ดีจะตอบไม่ได้ ซึ่งผิดวิสัยของสถาปนิกมากๆ เพื่อนเราจึงสรุปว่าเก๋ดี ไม่ได้เป็นสถาปนิก แต่อาจจะเป็นบุคคลผู้อยู่ในแวดวงนี้ โดยอาจจะเป็นเซลหรืออะไรก็ตามแต่ การที่เพื่อนเราพูดมาแบบนี้ทำให้เราค่อนข้างโล่งใจว่าเก๋ดีไม่ได้มีอาชีพอย่างว่า
หลังจากนั้นเราก็ยังคงหาหลักฐานไปยืนยันกับเพื่อนที่บอกว่าเก๋ดีมีอาชีพอย่างว่า โดยเราได้แคปรูปแอพตัวไอของเก๋ดี ซึ่งมีรูปในงานสถาปนิกปี 60 เป็นรูปที่เก๋ดีแขวนป้ายชื่อจริงของเก๋ดีและระบุในป้ายว่าเป็นสถาปกนิก, รูปที่เก๋ดีโพสว่าจะไปตรวจไซต์งาน โดยในรูปมีตลับเมตร รองเท้าเซฟตี้ และอื่นๆ โดยเราส่งไปให้เพื่อนดู เพื่อนเราบอกว่าป้ายงานสถาปนิกใครก็สามารถแขวนป้ายแบบนี้ได้ ป้ายมันสามารถทำได้เลยไม่ได้มีการตรวจสอบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นสถาปนิกจริงหรือไม่ และรูปตรวจไซต์งาน คนที่เป็นสถาปนิกไม่จำเป็นต้องพกของพวกนั้น เพราะปกติแล้วขอยืมจากช่างโครงการได้
**ต่อข้างล่างนะคะ**
(เตือนภัย) เมื่อพบกับผู้หญิงที่โกหกทุกอย่างแม้กระทั้งประวัติของตัวเอง
เราชื่อโค เป็นทอมคนโง่ และขอเรียกแฟนเก่าเราว่านางสาวเก๋ดี
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ปี2017 เราได้รู้จักเก๋ดีผ่านแอพลิเคชั่นT ซึ่งเป็นแอพหาคู่ชื่อดัง โดยเราได้ทำการทักนางสาวเก๋ดีไป และได้คุยกันโดยนางสาวเก๋ดีได้ขอไอดีแอพสีเขียวของเราและได้คุยกันผ่านแอพนั้นแทน
นางสาวเก๋ดีบอกว่าตัวเองเป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย โดยมีแม่เป็นคนไทย และพ่อเป็นคนออสเตรเลีย แต่ตอนนี้มีปัญหากับที่บ้านจึงย้ายออกมาอยู่คอนโดย่านสถานบันเทิงแถวพระราม9 คนเดียว และอายุ 24 ปี เกิดที่ออสเตรเลีย ย้ายกลับมาประเทศไทยตอนอายุประมาณ 4 ขวบ ซึ่งแม่นำนางสาวเก๋ดีกลับมาโดยไม่ได้เอาเอกสารอะไรกลับมาเลย ทำให้ต้องยัดใต้โต๊ะทำเรื่องแจ้งเกิดให้นางสาวเก๋ดีใหม่ อายุในบัตรประชาชนของนางสาวเก๋ดีจึงน้อยกว่าอายุจริง 4 ปี จริงๆ นางสาวเก๋ดีเกิดปี 2536 แต่ในบัตรประชาชนระบุว่าเกิดปี 2540
นางสาวเก๋ดีบอกว่าพอเธออายุ14 ปี เธอได้ย้ายกลับไปอยู่กับพ่อที่ออสเตรเลีย จนเรียนจบสถาปนิก จากมหาวิทยาลัยชื่อดังจากออสเตรเลียตั้งแต่อายุ 20 จากนั้นได้กลับมาเยี่ยมแม่และยายที่ประเทศไทย จึงทำให้แม่ของเธอยึดพาสปอตและใบปริญญาของเธอไว้ ทำให้เธอไม่สามารถเดินทางกลับออสเตรเลีย และทำงานได้
นางสาวเก๋ดีบอกว่าเธอมีบริษัทสถาปนิกเป็นของตัวเอง โดยเปิดร่วมกับรุ่นพี่ทีสนิทกัน อีกทั้งยังมีบริษัทของที่บ้าน อยู่แถวเลียบทางด่วน ใกล้กับCDC ตอนนั้นเราฟังก็รู้สึกผู้หญิงคนนี้เก่งมากเลย (ยังโง่อยู่ไง)
หลังจากคุยผ่านแอพสีเขียวได้ 1-2 วัน ทางนางสาวเก๋ดีได้มีการวิดีโอคอลมาทุกคืน จนเวลาผ่านไป 4 วัน ค่ำวันนึงนางสาวเก๋ดีได้ชวนไปไหว้พระย่านราชดำริ โดยเก๋ดีนัดประมาณ 4 ทุ่ม เนื่องจากเก๋ดีบอกว่าเพิ่งไปคุยงานกับลูกค้าเสร็จ โดยพอเราเจอเก๋ดี เก๋ดีมาพร้อมกับเอ็มซึ่งเป็นเพื่อนของเก๋ดีที่เป็นทอม ซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยดี ไม่มีอะไรผิดปกติ หลังจากไหว้พระเสร็จ เก๋ดีได้ชวนเราไปดื่มเบียร์ที่ร้านดังย่านเอกมัย โดยทุกอย่างปกติไม่มีอะไร ทางเราเป็นคนจ่ายเงินค่าเบียร์ โดยที่บอกเก๋ดีว่าครั้งหน้าเก๋ดีค่อยเลี้ยงเราคืน
หลังจากแยกกันพอเราถึงบ้านตัวเอง เก๋ดีได้วิดีโอคอลมาคุยด้วยจนเกือบเช้า ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ ระหว่างวันคุยกันผ่านแอพสีเขียว พอค่ำๆ ทางเก๋ดีจะวิดีโอคอลมาคุย ตามประสาคนคุยกัน
หลังจากที่เจอกันครั้งแรกอีก2วันต่อมา ทางเก๋ดีได้ชวนเราให้พาแมวของเก๋ดีไปฉีดวัคซีนในช่วงเย็น ซึ่งเก๋ดีบอกว่าหากเก๋ดีเลิกงานช้า ก็ค่อยพาแมวไปฉีดวัคซีนวันหลัง แต่ให้เราไปกินข้าวกับเก๋ดีแทน ซึ่งเราโอเค พอตกเย็นเก๋ดีบอกว่าเหมือนจะป่วย ให้เราไปหาเก๋ดีที่คอนโดได้ไหม เดี๋ยวทำอาหารให้ทาน โดยเราตกลง และไปหาเก๋ดีที่คอนโด โดยเราได้นั่งกินข้าวดื่มเบียร์ที่คอนโดของเก๋ดี จนถึงช่วงประมาณตีสองเราจึงกลับบ้านตัวเอง
ความสัมพันธ์ของเรากับเก๋ดี ดำเนินไปตามปกติ จนอีก3-4 วันต่อมาเก๋ดีได้ชวนเราไปเดินตลาดนัดตรงข้ามออฟฟิศของเก๋ดีเอง โดยบอกว่าให้เราเก็บของมานอนค้างกับเก๋ดีด้วย ซึ่งเราตกลง และหลังจากนั้นเป็นต้นมาเราก็ค้างคอนโดเก๋ดีตลอด โดยที่กลับบ้านตัวเองมาเอาของบ้างเป็นครั้งคราว
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติ จนช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2017 เพื่อนสนิทเรานามว่าที ได้ชวนไปทานข้าวแถวทาวน์อินทาวน์ เราเห็นว่าใกล้ออฟฟิศเก๋ดี จึงชวนเก๋ดีไปด้วย เราแนะนำเก๋ดีให้รู้จักกับทีและแฟนของที โดยแฟนของทีเคยเรียนที่ออสเตรเลียมาหลายปี เราเลยบอกแฟนของทีว่า เก๋ดีเป็นลูกครึ่งออสเตรเลีย เก๋ดียเรียนที่ออสเตรเลียเหมือนกัน จากนั้นเราก็ปล่อยให้แฟนของทีคุยกับเก๋ดี ตามประสาของเด็กที่ใช้ชีวิตอยู่ออสเตรเลียมา พอทานเสร็จทีและแฟนของทีอาสาไปส่งเราที่คอนโดของเก๋ดี ระหว่างบนรถได้มีบทสนทนาว่าเราบอกเก๋ดีให้เข้าออฟฟิศบ้างเพราะเก๋ดีชอบนอนอยู่ห้องไม่ไปทำงาน เก๋ดีจึงตอบมาว่า เพราะเก๋ดีไม่ได้เป็นลูกจ้าง เก๋ดีเป็นเจ้าคนนายคนไม่ต้องลำบากเหมือนเราหรอก และประโยคนั้นทำให้ทีรู้สึกแปลกๆขึ้นมาทันที
อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาทางเก๋ดีได้ไปกินข้าวกับเพื่อนสนิทเราอีกกลุ่ม ซึ่งมีเอ็น และแอล โดยระหว่างที่ทานข้าวกันเอ็นและแอล คุยกับเก๋ดีปกติ ไม่ได้มีเรื่องอะไรแต่อย่างใด พอทานข้าวเสร็จก็แยกกัน
วันต่อมาทีได้โทรมาถามเราว่าเอ็นและแอลเจอกับเก๋ดีแล้วว่าอย่างไรบ้าง เราก็บอกไปว่าก็ไม่มีอะไรนะคุยกันปกติ หลังจากนั้นทีได้บอกเราว่า โคฟังนะ เก๋ดีไม่ได้จบออสเตรเลียแน่ๆ เพราะวันนั้นที่แฟนทีคุยกับเก๋ดี มีบางคำถามที่แฟนทีถามลงไปลึกๆ แต่เก๋ดีไม่ตอบเลือกที่จะเงียบแทน จึงทำให้ทีสงสัย และไปคุยกับเอ็นเพื่อให้สังเกตพฤติกรรมของเก๋ดี
หลังจากเราได้คุยกับทีในวันนั้น เพื่อนเราทุกคนต่างหาทางสืบประวัติของเก๋ดี หลังจากสืบประวัติทำให้ทราบว่าดังต่อไปนี้
· เก๋ดีได้มีการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลตอนอายุ 18 ปี
· นามสกุลที่เก๋ดีใช้ ทั้งประเทศมีเก๋ดีใช้เพียงผู้เดียว
· เก๋ดีมีการแจ้งเกิดที่โรงพยาบาลตามปกติ
· พ่อและแม่ของเก๋ดีเป็นคนไทย
· เลขที่บ้านตามทะเบียนบ้านของเก๋ดี มีรายชื่อลูกบ้าน 20 กว่าคน (เก๋ดีบอกว่าบ้านตามทะเบียนบ้านเป็นบ้านของยาย มีญาติอยู่ร่วมกับยาย)
· ไม่พบประวัติอาชกรรม และคดีอื่นๆของเก๋ดี
พอเพื่อนเราเอาประวัติของเก๋ดีที่ตรวจสอบมามาแจ้งกับเรา เพื่อนเราจึงบอกให้เลิกกับเก๋ดี เพราะประวัติเก๋ดีดูแปลกๆ ประวัติของเก๋ดีที่เคยบอกเราน่าจะไม่เป็นความจริง อีกทั้งเพื่อนเรายังบอกว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นเด็กอ่าง เด็กเลาจ์หรือเด็กเสี่ย ตอนนั้นเราโกรธเพื่อนมา ถึงกับห่างๆกับเพื่อนไปเลย ทั้งที่ปกติเป็นคนติดเพื่อนมาก เราบอกเพื่อนว่าเราเลิกกะเก๋ดีไม่ได้ เค้ายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เค้าดีกับเรามากๆ ด้วยซ้ำ จนเพื่อนเราทำอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่ปล่อยเราไป
เราใช้ชีวิตกับเก๋ดีเรื่อยมา โดยที่ระหว่างนั้นเราก็ยังคิดเรื่องที่เพื่อนเราพูดอยู่ เราพยายามหาหลักฐานทุกอย่างเพื่อมาบอกเพื่อนเราว่าเก๋ดีไม่ได้เป็นแบบที่ทุกคนพูด โดยที่เราได้นัดเพื่อนคนนึงซึ่งเป็นสถาปนิกของบริษัทชื่อดัง มาดื่มเบียร์กัน โดยออกอุบายชวนเก๋ดีไปด้วย เพื่อที่จะได้รู้ว่าเก๋ดีเป็นสถาปนิกจริงหรือไม่ เนื่องจากเพื่อนเราบอกว่าถ้าคนเป็นสถาปนิกจริงๆ คุยกันแปปเดียวก็รู้ว่าเป็นจริงไหม หลังจากเก๋ดีคุยกับเพื่อนเราเสร็จ ระหว่างกลับคอนโดของเก๋ดี เก๋ดีได้บ่นกับเราตลอดทางว่าเพื่อนเราเป็นสถาปนิกกระจอก ถามอะไรก็ไม่รู้จุกจิก เราก็รับฟังไว้ พอเช้ามาเพื่อนเราที่เป็นสถาปนิกมาบอกเราว่า เก๋ดีไม่ได้เป็นสถาปกนิกนะ แค่มีความรู้พื้นฐาน แต่พอถามไปลึกๆ เก๋ดีจะตอบไม่ได้ ซึ่งผิดวิสัยของสถาปนิกมากๆ เพื่อนเราจึงสรุปว่าเก๋ดี ไม่ได้เป็นสถาปนิก แต่อาจจะเป็นบุคคลผู้อยู่ในแวดวงนี้ โดยอาจจะเป็นเซลหรืออะไรก็ตามแต่ การที่เพื่อนเราพูดมาแบบนี้ทำให้เราค่อนข้างโล่งใจว่าเก๋ดีไม่ได้มีอาชีพอย่างว่า
หลังจากนั้นเราก็ยังคงหาหลักฐานไปยืนยันกับเพื่อนที่บอกว่าเก๋ดีมีอาชีพอย่างว่า โดยเราได้แคปรูปแอพตัวไอของเก๋ดี ซึ่งมีรูปในงานสถาปนิกปี 60 เป็นรูปที่เก๋ดีแขวนป้ายชื่อจริงของเก๋ดีและระบุในป้ายว่าเป็นสถาปกนิก, รูปที่เก๋ดีโพสว่าจะไปตรวจไซต์งาน โดยในรูปมีตลับเมตร รองเท้าเซฟตี้ และอื่นๆ โดยเราส่งไปให้เพื่อนดู เพื่อนเราบอกว่าป้ายงานสถาปนิกใครก็สามารถแขวนป้ายแบบนี้ได้ ป้ายมันสามารถทำได้เลยไม่ได้มีการตรวจสอบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นสถาปนิกจริงหรือไม่ และรูปตรวจไซต์งาน คนที่เป็นสถาปนิกไม่จำเป็นต้องพกของพวกนั้น เพราะปกติแล้วขอยืมจากช่างโครงการได้
**ต่อข้างล่างนะคะ**