สอบถาม เรื่องการเคลียหนี้บัตรเครดิตรเมื่อมีหลายใบ

ช่วยแนะนำด้วยครับ

เรื่องผมมีอยู่ว่า มีหนี้บัตรเครดิตรทั้งหมด 5 ใบ รวมๆกัน ประมาณ 350,000 บาท
มี 2 ใบที่หยุดจ่ายไปก่อน มีโทรมาไกล่เกลี่ยแต่ก็ตกลงกันไม่ได้เลยปล่อยเลยตามเลยจนหยุดตามสักพัก และอีกที่เหลือ 3 ใบ ก็หยุดจ่ายตามๆกันมา (ทีแรกคิดว่าจะเก็บไว้เหลือสักใบนึงไม่ให้เป็นหนี้เสียแต่ก็ไม่ทัน สรุปหยุดจ่ายทั้ง 5 ใบเลย)
ปล.ไม่ได้ทำงานประจำมาเกือบปีแล้ว ทำงานฟรีแลนด์รับงานออกแบบโฟโตกราฟฟิก และไม่ได้ต่อประกันสังคมจนถึงปัจจุบันนี้ ปัจจุบันรายได้ก็ประมาณหมื่นกว่าๆถึง 2 หมื่น ต่อเดือน มีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และหนี้นอกระบบยิบย่อย ทยอยจ่าย ต่อเดือนก็หมื่นต้นๆ

จากนั้นต่อมาเป็นการรอและคิดว่าจะจัดการยังไงดี หากเมื่อหมายศาลมา ผ่านไปประมาณ 2 เดือนหมายศาลใบแรกมาหน้าบ้าน เอกสารหนาปึ๊กเลย ก็ตกใจแต่ไม่มาก ในใจไม่ติดคุกหรอก ตราบใดยังสู้เราว่าต้องผ่านได้ด้วยดี

-ศาลหมายแรก เป็นแบงค์บัตรที่หยุดจ่ายทีหลังซะงั้น หยุดจ่ายไป 3 เดือนกว่าๆ มาเร็วกว่า 2 ใบแรกที่หยุดจ่ายซะอีก ซึ่งก็ไม่ได้โทรมาให้เราไกล่เกลี่ยหรือยื่นข้อเสนออะไรมาให้เลยระหว่างหยุดจ่าย เราก็เออไม่เป็นไรยังไงมันก็ต้องฟ้องยุละ มาก่อนก็มา จากนั้นเราก็ไปตามหมายศาลนัด
    รายละเอีดยของบัตรที่โดนฟ้องหมายแรกคือ ใบ 1 เป็นบัตรเครดิตร + ใบ 2 เป็นบัตรสินเชื่อเงินสด ซึ่งเป็นของธนาคารเดียวกัน ยอดรวม 140,000 บาท ศาลนัดหมายเมื่อเดือน ก.ย. 62 ที่ผ่านมา ผมก็ไป และไปนั่งรอในห้องตามเวลานัดหมาย ความตื่นเต้นก็เล็กน้อยครับไม่กังวลใจมาก และในห้องมีคนไปเต็มห้อง หลากหลายคดี อย่างคดีเดียวกันกับผมและโจทย์คนเดียวกันมี 5 คน  ซึ่งระหว่างรอศาลมานั่งบัลลัง ก็มีทนายโจทย์มาคุยและเสนอการประนอมนี้ เนื่อหาสรุปคือให้ผ่อนจ่ายขั้นต่ำได้ไม่น้อยกว่า 2,500 บาท/ด. ใน 3 ปี และโป๊ะก้อนสุดท้ายทั้งหมดหากยังค้าง(ใบ 1 = 1,500+ ใบ 2 = 1,000) ซึ่งไม่ได้ลดดอก ลดค่าธรรมเนียมอะไรเลย และจากที่ฟังยอดผ่อนของแต่ละคนก็เหมือนกัน ซึ่งทุกคนเห็นเค้าเซ็นยินยอมกันหมด แต่ผมยังไม่เซ็นและถามทนายว่า “มีผ่อนต่ำกว่านี้ไหมครับ หรือมีข้อเสนอแบบอื่นอีกไหม” ตอบมาว่า ”ไม่มี และให้เหลดราคาต่ำสุดแล้ว” ณ ขณะนั้น มันทำให้ผมคิดว่า ไม่มีทางเลือกผมต้องเซ็นใช่ไหม และผมก็ยอมเซ็นไปทันที ตอนนั้นรู้สึกเหมือนโดนบังคับนัดมาให้เซ็นรับหนี้ต่อหน้าศาลโดยปฏิเสธไม่ได้  ถ้าไม่เซ็นก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    จากนั้นศาลท่านก็มา เรียกชื่อตามเอกสารที่กองข้างหน้า และอ่านคำพิพากษา เนื้อหาตามที่เราเซ็นไป และตัดสินคดีตามนั้น จบ เพียงไม่กี่นาที ก็เสร้จ และบอกให้กลับบ้านได้ ตอนแรกก็คิดว่าเราต้องได้ไปพูดคุยกับท่าน ซักถามตอบถึงปัญหา แนวทางแก้เพิ่มเติม แต่นี่ไม่เลย จากนั้นผมก็กลับบ้าน รอจ่ายรอบบิลแรกเดือนหน้า
    ??? มีคำถาม...ค้างคาใจว่าถ้าเราไม่เซ็นเอกสารยินยอมจากทนายโจทย์จะเป็นยังไง ??? เราจะได้คุยกับศาลท่านใช่ไหม ถึงปัญหาแนวทางแก้ที่ศาลท่านอาจจะช่วยได้  
    ??? มีพี่คนนึงบอกว่าในเมื่อเซ็นยินยอมแล้ว ให้เราผ่อนไปตามนั้นสักระยะให้เงินต้นลดลงเยอะๆ และค่อยหยุดจ่าย เค้าอาจจะมีข้อเสนอส่วนลดให้ในตอนนั้นแล้วเราก็ไกล่เกลี่ยเรื่องการจ่ายใหม่ มันมีเหตุการแบบนี้จริงๆใช่ไหมครับ??? (ซึ่งตามหลักแล้วโจทย์ ต้องยื่นบังคับคดี ยึดทรัพย์ นี่คือสิ่งที่ผมกลัวมากที่สุด เพราะมีบ้านที่ยังผ่อนอยู่ปกตินี่แหละ กลัวเขายึดไป ส่วนการอายัดเงินเดือน ไม่แน่ใจว่าทำงานฟรีแสนด์จะยึดยังไงนะ อันนี้ก็อีกคำถามครับ)

-ผ่านไป 1 เดือน นัดหมายศาลฉบับที่สองมา บัตรนี้ยอด 90,000 บาท มาถึงบัลลังคนก็เต็มห้องเช่นเดิม ขั้นตอนเหมือนหมายแรก ทนายโจทย์มายื่นข้อเสนอ เดือนละไม่ต่ำกว่า 2,000 ใน 3 ปี และโป๊ะก่อนสุดท้าย ตอนนั้นผมก็มองว่าผมผ่อนไม่ไหวแน่ๆ เพราะถ้ารวมกับหมายศาลแรก ก็เป็น 4,500/ด. แล้ว และถ้าอีก 2 บัตรที่เหลือมาอีกเดือนหน้าจำทำยังไงมันยิ่งแย่กว่าเป็นทวีคูณ จากนั้นผมก็บอกทนายโจทย์ว่า ผมผ่อนไม่ไหวจริงๆ มีหนี้หลายตัว ช่วยอะไรได้อีกไหมครับ เค้าก็ตอบว่ารอคุยกับศาล ผมก็เลยตัดสินใจยังไม่เซ็นยินยินยอม จากนนั้นนั่งรอจนกระทั้งศาลท่านเรียกชื่อผม ท่านถามว่า จะสู้คดีหรอ ถึงไม่เซ็นยอมความ ผมก็ตอบไปแค่ว่า “พอจะมีส่วนลดเพิ่ม หรือแบบผ่อนจ่ายน้อยลงกว่านี้ไหมครับ ผมผ่อนไม่ไหว มีหนี้หลายตัว” ท่านก็มองหน้าแล้วก็ตอบว่า “โอเค รอแปบนะ” ผมก็ไปนั่งรอที่เดิม แอบยิ้มเหมือนมีหวัง ว่าท่านต้องช่วยเราได้ สักพักจนคนสุดท้ายทนายโจทย์ก็เอาเอกสารมาให้ผมเซ็นต์ว่าเรามาศาล และทนายโจทย์ แจ้งว่า “วันที่ 26 พ.ย.ที่จะถึงนี้ เป็นการนัดอ่านคำพิพากษา ซึ่งจะมาฟังหรือไม่ต้องมาก็ได้ ศาลท่านอาจจะลดให้เยอะอยู่แต่จะคิดเป็นเงินก้อนเดียว จากนั้นจะมีจดหมายไปที่บ้านให้รอรับอาจจะประมาณต้นเดือนธันวาคม พอได้รับแล้ว ให้เราโทรมาเบอร์นี้นะ เป็นเบอร์ผู้มีอำนาจในอนุมัติ และเราจะการไกล่เกลี่ยจ่ายยังไง ผ่อนได้อีกไหม ให้โทรมาทันมา“ พอฟังจบ (ผมคิดว่าบ้านไกลและต้องขี่มอไซต์ไป ก็จะไม่ไปเพราะคงเป็นคำพิพากษาที่สิ้นสุดแล้ว) และตอนนี้ผมก็อยู่บ้านรอจดหมายว่าจะสรุปจ่ายกี่บาทดี การตัดสินใจครั้งนี้ผมไม่แน่ใจว่าทำถูกทางรึป่าว แต่ก็โล่งใจไปเยอะนะครับ อย่างน้อยก็ยื้อเวลาไปอีกเดือน ดีกว่าเซ็นยินยอมไปและหาเงินจ่ายให้ได้ในสิ้นเดือนนั้น ซึ่งไม่อยากจะคิดเลยจะหาเงินที่ไหนจ่ายทัน คงต้องแบบติดๆขัดเป็นแน่ ทุกข์ใจไปอีกแหละ
    ท่านใดที่มีประสบการในทางเดียวกันนี้ช่วยชี้แนะแนวทางต่อไปทีครับ???

-ตอนนี้ ยังเหลืออีก 2 ใบที่ยังไม่ฟ้อง ไม่แน่ใจว่าจะมาเร็วๆนี้ไหม เร็วไปก็คงแย่นะ จะหาเงินที่ไหนทัน ใช้หนี้ทั้ง 5 ใบในเดือนเดียวกัน  
-สมมติว่ามีหมายศาลฉบับใหม่มาอีกเราสามารถให้ศาลท่านเลื่อนนัดพิจารณาได้นานแค่ไหน แล้วขั้นตอนต้องทำยังไง โดยจะอ้างว่าขอไกล่เกลี่ยบัตรก่อนหน้าให้หมดก่อนได้ไหมครับ
-การฟ้อง แต่ละแบงค์เว้นช่วงนานไหม เค้ารู้ไหมว่าเรามีการฟ้องก่อนหน้า ต้องต่อคิวรึป่าว หรือแล้วแต่เขาจะฟ้องเวลาไหนก็ได้

สุดท้ายนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้ตัวเองรอดพ้นจากหนี้สินเสียที อยากมีหน้าที่การงานที่มั่นคงกว่านี้ และรอโอกาสนั้น  ความเครียดมันถาโถมทุกวัน ไม่อยากคิดแต่ก็อดคิดไม่ได้ มันคือปัญหาใหญ่ มันเป็นอะไรที่ย่ำแย่มากที่สุดในชีวิต ในวันที่เราไม่มีเงินติดตัวเลยแม่แต่บาทเดียว เงินส่งที่บ้านก็ขาดไปหลายเดือน ที่มากกว่านั้นคือสงสารพ่อแม่ ท่านต้องเหนื่อยมากกับชีวิตชาวบ้านธรรมดา รายได้จากรับจ้างทั่วไป  อยากให้ท่านได้สบาย รักพ่อแม่มากครับ

ยังไงรบกวนท่านที่พอรู้ขั้นตอน ช่วยตอบคำถามที อันไหนผมพลาดไป อันไหนผมคิดผิด แนะนำด้วยครับ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่